“จรุงวิทย์”รับข่าว สนช.เคลื่อนไหวล้มผู้ตรวจเลือกตั้งจริง”สมชาย”ชี้ กกต.ชิงเลือกก่อนไม่เหมาะ

แฟ้มภาพ - พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา

“จรุงวิทย์” รับข่าว สนช.เคลื่อนไหวชงแก้ พ.ร.ป.กกต.ประเด็นผู้ตรวจการเลือกตั้งจริง ยันองค์ประกอบตามระเบียบฯคณะกรรมการคัดเลือกหลากหลาย เผยหาก สนช.มีข้อมูลคนได้รับเลือกไม่เหมาะสมเสนอ กกต.พิจารณาได้ ขณะที่ร่างแก้ไขฉบับ สนช.อ้างเหตุตำแหน่งสำคัญ จึงต้องกำหนดกระบวนการไว้ในพระราชบัญญัติ เสนอล้มกระดานผู้ตรวจฯแล้วเลือกใหม่เสร็จใน 60 วัน ด้าน “สมชาย” ชี้ กกต.ชิงเลือกก่อนไม่เหมาะหวั่นนักการเมืองซื้อตัว

จากกรณีมีการเคลื่อนไหวของ สนช.บางส่วนเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังเกิดข่าวว่าผู้ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งเป็นอดีตพนักงาน และคนใกล้ชิดของ กกต.ปัจจุบัน ซึ่งในการเสนอแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. … ต้องการให้นำกระบวนการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งมาอยู่ใน พ.ร.ป. ไม่ใช่ให้ กกต.ไปออกระเบียบเช่นปัจจุบัน โดยอ้างว่า เพื่อให้การคัดเลือกแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ควรกำหนดให้มีคณะกรรมการคัดเลือกที่มีองค์ประกอบหลากหลายมีความเป็นอิสระจึงจำเป็นต้องตรา พ.ร.ป.นี้ ขณะเดียวกัน องค์ประกอบคณะกรรมการคัดเลือก ตามระเบียบ กกต. ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานร่วมกับผู้แทนหน่วยงานอื่นรวม 8 คน ก็ควรมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ไม่นำประธานสภาทนายความจังหวัด ผู้แทนองค์กรภาคเอกชนมาร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย และให้การคัดเลือกแต่งตั้ง ซึ่งได้ดำเนินการอยู่ก่อนวันที่ พ.ร.ป.นี้ใช้บังคับสิ้นผลไป และให้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ พ.ร.ป.นี้มีผลใช้บังคับ

วันนี้ (5 ส.ค.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ยอมรับข่าวการเคลื่อนไหวของ สนช. ที่จะให้มีการแก้ไขร่าง พ.ร.ป.กกต. ในเรื่องของการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งใหม่นั้นมีจริง แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ในส่วนสำนักงาน การออกระเบียบ กกต.ว่าด้วยผู้ตรวจการเลือกตั้ง 2561 ได้มีการนำข้อสังเกต ข้อห่วงใยที่มีการอภิปรายในที่ประชุม สนช.เมื่อคราวพิจารณาร่าง พ.ร.ป.กกต. ในประเด็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง มาแปลงเป็นข้อปฏิบัติในการพิจารณาคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง เช่น ต้องได้คนที่เป็นกลาง ต้องมีการแบ่งกลุ่มเป็นจังหวัด ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการคัดเลือกและตรวจสอบ ในระเบียบ จึงได้มีการกำหนดให้การคัดเลือกระดับจังหวัดมีผู้แทนขององค์กรเอกชนและผู้แทนหน่วยงานร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือกซึ่งถือว่ามีความหลากหลายและเมื่อ กกต.กลางคัดเลือกเหลือ 8 คนแล้ว ก็ต้องมีการส่งรายชื่อ ให้สำนักงาน กกต.จังหวัด ทั่วประเทศติดประกาศให้ประชาชน ได้ตรวจสอบคัดค้านหากมีหลักฐานว่าผู้ที่ กกต.คัดเลือกคุณสมบัติไม่เหมาะสม ก็มีการแก้ไข รวมทั้งเมื่อจะมีการเลือกตั้งการจะได้ทำหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง ในจังหวัดใดก็ต้องมาจากการจับสลากภายในกลุ่มจังหวัด ดังนั้น ระเบียบที่ออกมารัดกุมพอสมควร

เลขาธิการ กกต.กล่าวอีกว่า การประชุมคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งของ กกต.กลางเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เป็นไปตามตารางการปฏิบัติงานโดยคาดการณ์ว่ากว่าจะเสร็จขั้นตอนของการคัดค้าน การตรวจสอบเรื่องร้องเรียน การอบรม ให้รู้เข้าใจขั้นตอนการตรวจการเลือกตั้งการรายงานเหตุ จนสามารถปฏิบัติงานได้ก็น่าจะเป็นช่วงเดียวกับที่ พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง ส.ว. มีผลบังคับใช้ซึ่ง ก็ต้องมีการดำเนินการสรรหาทันทีและผู้ตรวจการเลือกตั้ง ก็ต้องมาช่วยงานในส่วนนี้

“ทําให้ กกต.ชุดปัจจุบัน ต้องคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งทั้ง 616คน ซึ่งเวลานี้หาก สนช. ที่กำลังพิจารณาจะเสนอแก้ไขกฎหมาย หรือประชาชนที่มีข้อมูลเห็นว่า ผู้ที่ กกต.ประกาศชื่อ มีความไม่เหมาะสม ก็สามารถยื่นคัดค้านพร้อมหลักฐานได้ หรือเมื่อผู้ตรวจการเลือกตั้งทำงานไปแล้วผลงานไม่ดี ถูกร้องเรียน ตามระเบียบก็ให้มีการประเมิน ไม่ผ่านก็ต้องเปลี่ยน”

เมื่อถามว่าหากมีการเสนอไขกฎหมายจะต้องระงับหรือยกเลิก รายชื่อผู้ตรวจการเลือกตั้ง ที่ กกต.ประกาศไปก่อนหน้านี้ก่อนหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดที่จะแก้ไขเป็นอย่างไร แต่การแก้ไขกฎหมายต้องอาศัยเวลา ทางสำนักงานคงต้องดำเนินการต่างๆ ไปก่อน ตามกฎหมายและระเบียบปัจจุบัน แต่หากมีการแก้ไขกฎหมายและเสร็จออกมาอย่างไรสำนักงานก็พร้อมปฏิบัติตาม

ด้านนายสมชาย แสวงการ สนช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาในคณะกรรมาธิการชุดรวบรวมความคิดเห็น เคยสอบถามเจ้าหน้าที่ของ กกต.ที่มาชี้แจงในเรื่องกฎหมาย ว่าทำไม กกต.ต้องรีบเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง ก็ได้รับคำชี้แจงว่า เพราะจะมีการเลือกตั้งในช่วงต้นปี 62 ตามโรดแมปรัฐบาล จึงต้องเตรียมการ แต่ตนก็เห็นว่ายังเหลือเวลาอีกนาน เลือกไว้ก็ทำให้นักการเมืองเข้าไปติดต่อได้ และเวลานั้นก็เห็นหน้าเห็นตาว่าที่ กกต.ใหม่แล้ว ดังนั้นการที่กกต.ชุดปัจจุบันคัดเลือกจึงเกิดคำถามว่าแล้วมันเหมาะสมหรือ แต่เมื่อดำเนินการไปแล้วและทราบว่าอยู่ระหว่างเปิดให้คัดค้าน ดังนั้นถ้าประชาชนเห็นว่าผู้ที่ กกต.คัดเลือกมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมไม่เป็นกลาง ก็ให้ส่งข้อมูลไปยัง กกต.หรือส่งมาที่กรรมาธิการการเมืองของ สนช.ก็ได้ ส่วนการเคลื่อนไหว สนช.ยังไม่ทราบ แต่ถ้าระเบียบทำให้การคัดเลือกได้คนไม่ดีหรือทำให้เกิดช่องโหว่ก็ต้องแก้ไข จะไปเขียนในกฎหมายหลักเพื่อให้หนักแน่นก็ดี

 

ที่มา : มติชนออนไลน์