4 เส้นทาง “ยิ่งลักษณ์” สมทบ “ทักษิณ”

ความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีจำนำข้าว 3 วันก่อนถึงวันพิพากษา ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 23 สิงหาคม ปรากฏภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 17 รูป จากวัดบึงทองหลาง มารับบิณฑบาตภายในบ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 ตกบ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปรากฏตัว-เดินทางไปถวายสังฆทาน-ไหว้พระวัดระฆังโฆสิตาราม พร้อมกับถ่ายรูปกับแฟนคลับ เสมือนรู้อนาคตตัวเองในอีก 3 วันข้างหน้าว่า ฉากจบของวิบากกรรมจะเป็นเช่นไร

หลังจากนั้นในวันที่ 24 สิงหาคมตลอดทั้งวัน ไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้า-ออกบ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 มีเพียงข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นสิ่งบอกเหตุ ว่า วันที่ 25 ส.ค.อาจจะไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าแฟนคลับเป็นครั้งสุดท้าย

“ครั้งนี้เราจะไม่ได้พบปะ เห็นหน้า หรือสื่อความรู้สึกถึงกันได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา…ดิฉันจึงขอให้ทุกท่านที่ห่วงใยและต้องการให้กำลังใจดิฉัน ไม่ต้องเดินทางมาศาลวันพรุ่งนี้…”

ก่อนที่เช้าวันที่ 25 สิงหาคม-วันชี้ชะตา น.ส.ยิ่งลักษณ์ในคดีนโยบายรับจำนำข้าว จะไม่ปรากฏแม้กระทั่งเงาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และมีกระแสข่าวสะพัด ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนี-ไม่มา

ฟังคำพิพากษาและศาลได้ออกหมายจับ 24 ชั่วโมงในวันที่ศาลออกคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษา น.ส.ยิ่งลักษณ์ในคดีจำนำข้าวเป็นวันที่ 27 กันยายน 2560 และออกหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมริบเงินประกัน 30 ล้านบาท ปรากฏร่องรอยการหลบหนี เป็นเบาะแสจากคนในพรรคเพื่อไทย

Advertisment

เส้นทางหลบหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จากบ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 กรุงเทพฯ จนถึงมหานครดูไบ รายงานข่าวปรากฏตรงกันว่า ใช้ “ช่องทางธรรมชาติ” ผ่านชายแดนไทย-กัมพูชา จากเกาะช้าง จ.ตราด ประเทศไทย ข้ามน้ำ ข้ามทะเลไปยังเกาะกง ประเทศกัมพูชา

ก่อนนั่งเฮลิคอปเตอร์มุ่งตรงไปยังท่าอากาศยานกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หรือสนามบินโปเชงตง ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันตก 7 กิโลเมตร และนั่งเครื่องบินส่วนตัวต่อไปยังประเทศสิงคโปร์-จุดนัดพบระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายทักษิณ

ขณะที่อีกกระแสรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวจากประเทศไทยไปยังประเทศสิงคโปร์เลย ไม่ได้เข้าประเทศกัมพูชา อีกเส้นทางคือ ชายแดนไทย-ลาว ผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน

และยังมีอีกกระแสคือนั่งรถยนต์ส่วนตัวออกจากบ้านพัก มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพฯไปยัง จ.สระแก้ว ก่อนจะใช้ช่องทางธรรมชาติ เพื่อผ่านด่านข้ามแดนไปยังบริเวณชายแดนด่านบ้านคลองลึก ก่อนเดินทางต่อไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยมีผู้กว้างขวางของกัมพูชาให้การช่วยเหลือ เพื่อต่อเครื่องบินไปยังประเทศสิงคโปร์

Advertisment

สำหรับประเทศเปลี่ยนผ่านก่อนไปยังปลายทางรายงานข่าวตรงกันว่า คือ ประเทศสิงคโปร์ โดยมีผู้พบเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งนัดแนะกับพี่ชาย-นายทักษิณ เพื่อมารับและนั่งเครื่องบินส่วนตัวเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง

จุดหมายปลายทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันตรงกันว่า อยู่ที่มหานครดูไบ แหล่งพำนักของนายทักษิณ-พี่ชาย

ขณะที่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการหนีของอดีตนายกฯว่า จะไปรู้ ได้อย่างไรว่าออกไปตอนไหน ตรงไหน

เมื่อไหร่ ใครจะไปรู้ ในที่ประชุมสภากลาโหม ไม่มีวาระการหารือถึงการตามตัวบุคคลที่หลบหนีคดีในต่างประเทศ ซึ่งยืนยันกรณีของคุณยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึง เพราะก่อนหน้านั้นยืนยันมาตลอดว่าจะไม่หลบหนี และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดูแลอยู่บริเวณหน้าบ้านพักตลอด”

ฝั่งทนายแผ่นดิน “ปรเมศวร์ อินทาชุมนุม” รองอธิบดีอัยการสำนักงานชี้ขาดอัยการสูงสุด ที่เห็นแย้งว่า การลี้ภัยของ “ยิ่งลักษณ์” ไม่น่าทำได้ เพราะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด แต่หนีคำพิพากษาของศาล ต่างจากเคสของ “ทักษิณ” ที่อ้างเหตุปฏิวัติและคดียังไม่สิ้นสุด

แม้หลังวันนัดฟังคำพิพากษา ความเคลื่อนไหวของ “ยิ่งลักษณ์” จะสงบเงียบ แต่กลับมี “ข่าว” ที่ปล่อย

ผ่านคนใกล้ชิดว่า ขอใช้เวลาทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ สักระยะ ก็เป็นการส่งสัญญาณการเมืองอย่างหนึ่งที่มีถึงฐานมวลชนและแฟนคลับ