พรรคขั้วที่สาม รุกฆาต-พลิกเกมต่อรอง ตั้งรัฐบาลใหม่

3 พรรคแกนกลาง “พรรคขั้วตัวแปร” ที่ยัง “ต่อรองไม่ลงตัว” 1.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เจ้าของพรรค 52 เสียง 2.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีมือ-เสียงอยู่สังกัด 51 คน และ 3.พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ที่มีส.ส. 10 คน เลื่อนไหลในสมการสองขั้ว-สองข้าง  

 

3 พรรค 113 เสียง-ขั้วที่สาม

113 ที่นั่ง จาก “พรรคขั้วตัวแปร” ของฝั่งที่เรียกตัวเองว่าเป็น “พรรคฝ่ายประชาธิปไตย” – เพื่อไทยและแนวร่วม กับฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)-พรรคพร้อมร่วมรัฐบาลกับพล.อ.ประยุทธ์

กลายเป็น “ขั้วที่สาม” พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลทันที !   

เพราะไม่ว่าพรรคการเมือง “ขั้วเพื่อไทย” 7 พรรค ตัวเลขล่าสุด 240 เสียงและอาจ “ลดลง” อีก เพราะ “งูเห่าพ่นพิษ” หรือ พรรค “ฝ่ายพลังประชารัฐ” ประกอบด้วย พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พรรคชาติพัฒนา (ชพ.) พรรคประชาชนปฏิรูป (ปชช.) และ พรรค 1 เสียง จาก 12 พรรคเล็ก ที่วันนี้กางออกมาตาม “หน้าสื่อ” 254 + 5 เสียงของเศรษฐกิจใหม่ของ “เฮียมิ่งขวัญ” ไม่นับรวม “งูเห่า” อีก 30 ตัว

ทั้ง “สองขั้ว” ยังต้องพึ่งเสียงจาก “ขั้วตัวแปร” 3 พรรค 113 เสียง !!

ปชป.ออกได้ 3 หน้า

ทั้งนี้ หาก “วัดพลัง” ขั้วตัวแปร-พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จาก “แคนดิเดต” หัวหน้าพรรคปชป. คนที่ 8 ยังคงแบ่งออกเป็น 2 ก๊ก-3 รุม 1 ระหว่างร่วม-ไม่ร่วมรัฐบาลกับพปชร.

ว่าที่ ส.ส. 52 ที่นั่งในมือพรรคเก่าแก่ 7 ทศวรรษ ถึงแม้วันนี้อดีตพรรคใหญ่ 100 ที่นั่ง กลับกลายเป็น “พรรคอะไหล่” ทว่า ไม่ได้จนตรอกถึงกับสิ้นไร้อำนาจต่อรอง…กลายเป็น “พรรคตัวแกน” จัดตั้งรัฐบาล เหมือนเมื่อครั้ง “พลิกขั้ว” จัดตั้ง “รัฐบาลอภิสิทธิ์” มาแล้ว

คำวิเคราะห์ของ “บัญญัติ บรรทัดฐาน” กรรมการสภาที่ปรึกษา-ผู้นำทางความคิดหมายเลข 2 เคยทำนายทิศทาง-อนาคตของพรรคสีฟ้า “ข้ามชอต” ก่อนเลือกตั้งและกำลังจะเป็นพรรคที่เปลี่ยนหัวหน้าพรรค-ถือธงนำในสนามการเมืองถึง 2 คนในรอบ 4 เดือนกับ 22 วัน

“ไม่ว่าตัวหัวหน้าพรรคจะมีจุดยืนในใจตัวเองอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ภาคภูมิใจได้อยู่เสมอ คือ อุดมการณ์พรรคและหัวหน้าพรรคจะหยั่งความรู้สึกของบรรดาสมาชิกทั้งหลายที่ให้การสนับสนุนว่า คิดอ่านกันอย่างไรต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่”

“ปชป.จะไม่ฝังอยู่ในอดีตจนกระทั่งไม่สนใจความเป็นจริงในปัจจุบัน และสิ่งที่ควรจะเป็นในอนาคต ความจริงยุคหลัง ๆ มันพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคมีความคิดอ่านเป็นเสรีประชาธิปไตยมากกว่าอนุรักษนิยม”

แม้วันนั้นกับวันนี้-บริบททางการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไป แต่คำตอบที่ “คาดเดาได้ง่าย” แต่ “ไม่ง่ายที่จะตอบ” แทนแฟนพันธุ์แท้ว่า พร้อมจะจับมือกับ “พรรคเครือข่ายทักษิณ”

แต่จะให้ฟันธงว่า ต้องจับมือกับทหาร-พล.อ.ประยุทธ์แห่งพลังประชารัฐ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน…แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ !!!

“ในอดีตพิสูจน์มาแล้วว่า เราไม่เคยจับมือกับเขาง่าย ๆ เว้นแต่มีเหตุผลพอสมควรต่อสภาวการณ์ที่เป็นอยู่ ทุกครั้งที่ไปร่วม สิ่งที่ ปชป.จะยืนยันอย่างชัดเจน คือ ไปร่วมกับเขาแล้วสามารถทำในสิ่งที่เราอยากจะทำได้หรือไม่ มันไม่ง่ายทั้ง 2 ด้าน”

“คนกล่าวอ้างว่าเป็นพรรคการเมืองแล้วต้องมีอำนาจรัฐ ถ้าไม่มีอำนาจรัฐแล้วจะเอาอุดมการณ์ นโยบายมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนได้อย่างไร แต่บางส่วนเห็นว่า ไปร่วมแล้วทำอย่างนี้ได้แน่หรือ”

ดังนั้น หาก ปชป.ต้องตัดสินใจเลือกข้าง-เลือกฝั่ง ปชป.ต้องดูว่า นโยบายที่พรรคพูดไว้กับประชาชนจะได้รับการปฏิบัติมากน้อยแค่ไหน แต่หาก ปชป.ต้องตัดสินใจเลือกอยู่กับ “ลุง” คนใดคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะมีลุงเกิดขึ้นอีกคน ที่ไม่ใช่ “ลุงตู่” ก็เป็นได้…

2 กระทรวงเกรดเอ ชี้ขาด ภท.

ภูมิใจไทย (ภท.) ที่มี “อนุทิน ชาญวีรกูล” กุมบังเหียนเป็นหัวหน้าพรรค “สงวนท่าที” ขอ “ฟังเสียงประชาชน” เดินสาย-ตั้งวงกับนักธุรกิจและนักการเมือง “ขั้วเดียวกัน” ไม่ขอพูดประเด็นการเมือง-ดีลต่อรองที่ยังไม่ลงตัวจนกว่าหลังจะพิงบันไดหนีไฟ แม้ถูกทาบทามจากทั้ง 2 ขั้ว คือ ทั้งขั้วเพื่อไทย-ขั้วพลังประชารัฐ แต่ “ขั้วที่สาม” ก็ยังเป็นไปได้

แม้ “ข้อเสนอพิเศษ” ที่ขั้วเพื่อไทยมอบให้ คือ “เก้าอี้นายกรัฐมนตรี” ซึ่งมีค่ามากกว่าเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ หรือตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามข้อเสนอของพรรคพลังประชารัฐ

ทว่า…ตำแหน่งนายกฯ จากฝั่งเพื่อไทย อาจมีคู่แข่งหลายคน ทั้ง “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ที่แท้จริงแล้ว เส้นทางการเมือง 27 ปี เดินไปไกลมากกว่าตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์ เพราะตำแหน่งในใจของ “แม่ทัพหญิง” ตั้งแต่แรกคือการก้าวไปสู่แคนดิเดตนายกฯของพรรค ที่วันข้างหน้าอาจไม่ใช่แค่แคนดิเดต ยังไม่นับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แห่งอนาคตใหม่ พันธมิตร-ผู้สนับสนุนหลักเพื่อไทย

แต่ condition ภายใต้การร่วมรัฐบาลของ ภท. 1.ตำแหน่งว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่ง ภท.เคยครอบครองมาก่อนในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดย มท.1 ในวันนั้นคือ “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” ผู้เป็นพ่อของ “อนุทิน” และยังมี “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เลขาธิการพรรค ภท. เคยนั่งเป็นประธานคณะทำงาน มท.1 เชื่อมโยงการเมืองชาติ-ท้องถิ่น มีแพลนจะขยาย “บุรีรัมย์โมเดล” ออกสู่จังหวัดอื่น ๆ

2.ตำแหน่งเสนาบดีคมนาคม ซึ่งเคยเป็นของ ภท.ในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เช่นกัน “อนุทิน” หมายมั่นปั้นมือใช้โควตาคมนาคม ผุดโครงการเมกะโปรเจ็กต์ตามที่หาเสียงเอาไว้

“โครงการระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ภท.เน้นให้มีถนน มีมอเตอร์เวย์ มีทางด่วน ขยายช่องทางจราจรมากขึ้น ให้คนไทยทั่วประเทศ ไม่ต้องพึ่งการขนส่งสาธารณะเพียงอย่างเดียว รถไฟความเร็วสูงอาจทำได้เพียงสายสั้น ๆ ขืนเอาเงินไปทิ้งตรงนั้นหมด กว่ารถไฟความเร็วสูงจะเสร็จ ประชาชนคงทนไม่ไหว”

ทว่าเมื่อ “ข้อเสนอพิเศษ” ไม่ง่ายอย่างที่ “เสี่ยหนู” ฝันไว้ การเป็น “ขั้วที่สาม” ย่อมสามารถคุมเกม-ตัวหารน้อยกว่า !!!

ชทพ. จากรับกลายเป็นรุก

ชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ของ “พี่น้องศิลปอาชา” “กัญจนา-วราวุธ ศิลปอาชา” ได้ ส.ส.ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อแค่ 10 คน ลดจากเลือกตั้งเมื่อ 8 ปีก่อนถึง 9 ที่นั่ง

แม้ว่ามีเสียงเพียงพอต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลผสม แต่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โควตาเก่าแก่แต่กาลก่อนของชาติไทยพัฒนา อาจจะต้องเจอกับกระดูกชิ้นโตที่มา “ขวางทาง”

ไม่ว่าจะเป็น “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ประกาศทุกวงสนทนาทางลับ “จอง” เก้าอี้รัฐมนตรีเกษตรฯไว้ล่วงหน้า ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง รวมถึง “สุเทพ-ถาวร” อดีตแกนนำกปปส.

เมื่อกระทรวงที่หมายมั่นปั้นมือไว้ถูก “จ้องตาเป็นมัน” จากพรรคแกนนำ การ “ย้ายขั้ว” เป็น “ขั้วที่สาม” อาจจะทำให้ลงตัวมากขึ้น

ชพน.พลิกไปพลิกมา

ด้านความเคลื่อนไหวของชาติพัฒนา (ชพน.) “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานที่ปรึกษาพรรค-ผู้มีบารมี จุดยืน “no problem” แต่เมื่อผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จึงต้องผนึกกำลังกับ “พรรคสุเทพ” เพื่อสร้างอำนาจต่อรอง จนมีภาพปรากฏว่า “สุวัจน์” กับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” กองเชียร์พรรครวมพลังประชาชาติไทย เดินเคียงคู่กัน

แม้วันนี้ “ชาติพัฒนา” มีพลังต่อรองแค่ 3 เสียง ลดลงจากเลือกตั้งปี 2554 ที่เคยได้ 7 เสียง แต่นักการเมืองด้วยกันย่อมรู้ดีว่า “ชาติพัฒนา” ไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 ประกาศใช้เป็นต้นมา

มิตรที่ว่าแท้อาจกลายเป็นศัตรูถาวรก็เป็นได้ !

พรรคเล็กเข้าได้ทุกขั้ว (รัฐบาล)

ขณะที่พรรคเล็ก 12 พรรค รวมถึงพรรคพลังท้องถิ่นไท จะเป็นตัวต่อรองที่มีพลังสูง ซึ่งแนวโน้มตัดสินใจจะปรากฎหลัง กกต.ประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการ ซึ่งวอร์รูมยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ หมายมั่นปั้นมือจะรวมเสียงพรรคเล็กยิบ ๆ ย่อย ๆ มาร่วมรัฐบาลให้ได้

คณิตศาสตร์การเมือง-การต่อรองกับขั้วอำนาจพิเศษยังคง “ปั่นราคา” ต่อรองเก้าอี้และผลประโยชน์ไป ขึ้นกับว่าใครจะอึดกว่ากัน