สยบเกาเหลา 3 มุ้งทีมเศรษฐกิจ 4 รองนายกฯเคลียร์ใจศึกใน-ศึกนอก

5 ปีในการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) “เงียบเชียบ” ไม่มีฝ่ายค้าน ไม่มีองค์กรตรวจสอบจริงจัง

แต่การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สมัยที่สอง “อึกทึก” ทั้งในสภา-นอกสภา ถูกโจมตี-ร้องเรียน-ฟ้องร้ององค์กรอิสระ-ชั้นศาล

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนขารัฐบาลผสม 19 พรรค ที่มี “เสียงปริ่มน้ำ” ไปให้ตลอดรอดฝั่ง ยังเป็นโจทย์หิน จึงเกิดปรากฏการณ์ “หารือนอกทำเนียบ-นอกสคริปต์” ของ 3 รองนายกฯ 3 หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ 3 พรรคการเมือง ในวาระชี้แจงนโยบายต่อผู้บริหารระดับสูง-หัวหน้าส่วนราชการเต็มห้องประชุม

“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ย้ำถึง “สองรอบ” ถึงการทำงานร่วมกับทีมเศรษฐกิจ มีรองนายกรัฐมนตรี-หัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่มาจาก 3 พรรคการเมือง

ภายหลัง “สมคิด” บุกกระทรวงการคลัง จับมือ “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง กับ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม สังกัดภูมิใจไทย “เคลียร์ใจ” วาระเร่งรัดเบิกจ่ายลงทุนรัฐวิสาหกิจ และ “วาระร้อน” ไขก๊อก ประธาน-กรรมการบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ที่มี “เด็กในคาถา” ของนายสมคิด ในบอร์ดสังกัดกระทรวงคมนาคมหลายตำแหน่ง

“ที่ห่วงว่ารัฐบาลผสมทำงานไม่ได้ ไม่จริง เพราะทุกคนรู้จักกันดี ท่านอนุทินกับผมรู้จักกันมา 20 ปีแล้ว ถ้าเขาไม่ทำในสิ่งที่ขอร้องก็จะไปฟ้องพ่อ (ชวรัตน์ ชาญวีรกูล) เขา เพราะว่าสนิทสนมกับพ่อเขาเป็นอย่างดี”

“ท่านจุรินทร์ก็เป็นนักศึกษารุ่นใกล้เคียงกันรัฐมนตรีแต่ละท่านรู้จักกันตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว การปรึกษาหารือไม่มีปัญหาเด็ดขาด พูดคุยกันได้หมด ประเด็นความกังวลในความขัดแย้ง ความไม่ลงรอย ไม่มีเด็ดขาด รับประกันได้”

“ผมหวังอย่างยิ่งว่า ความมั่นใจจะเกิดขึ้น ไม่มีการไม่ลงรอยกันเด็ดขาด ไม่ต้องกังวล ทุกกระทรวงจะไปด้วยกันอย่างสามัคคีเพื่อทำงานให้ประเทศ”

“อนุทิน ชาญวีรกูล” แห่งภูมิใจไทย ออกลูกสไตล์ซีอีโอ บริหารคน-บริหารธุรกิจแสนล้าน บอกกับข้าราชการว่า “พร้อมจะทำงานกับท่าน ถ้าท่านทำได้ดีอยู่แล้ว ไม่มีใครย้ายท่านได้ ไม่มีใครขอให้ท่านออกได้ เพราะเราก็ต้องการให้ท่านทำงานให้กับเราเช่นกัน”

“ขอให้ทำเต็มที่ พวกเรามาดี ไม่ได้มาห้ำหั่นอะไรกัน ลืมอดีตทุกอย่าง มองไปข้างหน้า ท่านทำงานเอาผลงานของท่านมาแลก ว่าท่านจะอยู่ได้ หรืออยู่ไม่ได้”

“ท่านใส่เกียร์ 5 วิ่งเต็มสปีด ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรอดูว่ารัฐมนตรีแต่ละท่านจะมีนโยบายอย่างไร ผลงานดี ไม่มีใครสามารถทำอะไรท่านได้ ขอให้ได้สบายใจ ทำงานอย่างเต็มที่ไม่ต้องเหลียวหลัง”

ด้าน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวขบวนพรรคประชาธิปไตย เชือดนิ่ม-มัดมือ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงาน “ขึ้นตรง” นายสมคิด “มาตรการ (ประกันรายได้ปาล์มน้ำมัน) ที่ใช้ไบโอดีเซล และเป็นเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้า ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพลังงาน ต้องขอบคุณท่านสนธิรัตน์ล่วงหน้าครับ ท่านยืนอยู่ตรงนี้ครับ ปรบมือให้ท่านด้วยครับ”

นอกจาก “ศึกใน” ทีมเศรษฐกิจแล้ว “ศึกนอกรัฐบาล” ภายหลังนโยบายรัฐบาลถูกซักฟอก ตั้งแต่คุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ยันรัฐมนตรี-การกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ชำแหละนโยบายตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย 2 วัน 2 คืน

การแถลง 12 นโยบายหลัก 12 นโยบายเร่งด่วน ลุล่วงไปด้วยความทุลักทุเล เพราะพรรคฝ่ายค้านมีลูกติดพัน-คาใจทั้งในเรื่องคุณสมบัตินายกฯ แหล่งที่มาของงบประมาณที่ถูกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญจน “พล.อ.ประยุทธ์” ใช้เวทีชี้แจงนโยบายต่อผู้บริหารระดับสูง-หัวหน้าส่วนราชการ พูดคำว่า “ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” ถึง “สามครั้ง” พร้อมกับสัญญาณของการสั่งลา ครม.-ข้าราชการกว่า 800 คน

“ผมขอเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ในประเด็นรัฐธรรมนูญ ผมกังวลอยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรถึงจะทำงานได้ ขอให้ทุกคนทำงานต่อไป เพราะอย่างไรก็ตามก็ต้องไปศึกษาในรัฐธรรมนูญดูว่า เขียนไว้ว่าอย่างไร อย่างไรก็ตามก็ยังมีรัฐบาลอยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องขอโทษบรรดารัฐมนตรี เพราะผมถือว่าผมได้ทำเต็มที่แล้ว”

“ในอดีตที่ผ่านมามีปัญหามากมาย วันนี้เรามีกระบวนการประชาธิปไตยมาเรียบร้อยแล้ว เรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านมาก็ขอร้องว่า อะไรที่ไม่ควรพูด อะไรที่พูดได้ก็พูดไป ผมเองนั้นเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมดอยู่แล้ว”

“เรื่องใดก็ตามที่บกพร่อง เรื่องใดก็ตามที่มีปัญหา ผมต้องขอโทษและขอรับผิดชอบไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศต้องเดินหน้าไปให้ได้ ไม่ว่า…รัฐบาลนี้ก็ต้องทำงานให้ได้ เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจไว้อย่างนั้น และจะไม่ตอบคำถามนี้อีกแล้ว”

“ผมมีความสุขที่ได้บรรดาเพื่อน ๆ ของผมเข้ามาทำงานกับผม เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่เลือกเข้ามา ที่ต้องมาดูแลข้าราชการต่อไปในอนาคตด้วย ข้าราชการก็ต้องให้ความร่วมมือในการทำงาน ทุกอย่างเราต้องดูแลซึ่งกันและกันอยู่แล้ว”

รวมถึงการเรียกความเชื่อมั่นทั้งใน-ต่างประเทศ ภายหลังเกิดเหตุระเบิด 9 จุดกลางกรุง ที่มี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี แม้จะถูก “พล.อ.ประยุทธ์” ยึดกระทรวงความมั่นคง แต่ยังโชว์สปิริต “พี่ใหญ่” เป็นเสาหลักให้กับน้องรัก-เพื่อนเลิฟ


“ฝากข้าราชการบอกประชาชนให้ร่วมกันดูแล เป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ แจ้งเหตุความผิดปกติที่อาจสร้างความเสียหายให้กับประเทศ ส่วนความมั่นคงจะดูแลภาพรวมในการทำงานร่วมกัน ทั้งทหาร ตำรวจ มหาดไทย”