จัดเต็ม! บิ๊กแดงบรรยายครั้งแรก “ปัญหาภาคใต้-ความมั่นคง-แก้รธน.”

วันที่ 11 ต.ต.2562 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) บรรยายพิเศษในหัวข้อเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ณ หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก

ภายในงานมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ ผู้นำองค์กร ข้าราชการทหาร บุคคลมีชื่อเสียงในวงการการเมือง ไม่ว่าจะเป็น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม รวมถึงศิลปินนักแสดง อย่าง ฉัตรชัย-สินจัย เปล่งพานิช,นายสุชาติ ชวางกูร ตลอดจนสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศร่วมฟังการบรรยายมากมาย

ครั้งแรก!

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่าครั้งนี้เป็นการบรรยายครั้งแรกของตน การบรรยายในครั้งนี้เป็นภารกิจส่วนหนึ่งของกองทัพบก ให้มวลชนมีความเข้าใจในการปฏิบัติงานของกองทัพ สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของภาครัฐและประชาชน รวมถึงต้องการปลุกจิตสำนึกในการรักชาติและสมัครสมานสามัคคี ตนยอมรับว่าเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่จะพยายามพูดให้เข้าใจให้มากที่สุด ในการนี้หากตนพูดอะไรที่ผิดพลาดประการใด หรือทำให้ใครไม่พอใจก็ขอโทษ

ความฝันอยากเป็น “ทหาร” 

ย้อนไปในวันที่ 25 ตุลาคม 2515 ภาพจากหนังสือพิมพ์ รายงานข่าวเหตุเครื่องบินของกองทัพบกตก โดยระบุว่าถูกกบฏผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ยิงจู่โจมที่จังหวัดราชบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 11 ชีวิต ขณะนั้นตนอายุ 12 ปี เป็นเพียงเด็กชายอภิรัชต์ ด้วยความเป็นเพียงเด็ก ตนไม่ทราบเลยว่า 1 ใน 11 ชีวิตนั้น มีบิดาของตนอยู่ด้วย แต่โชคดีที่พ่อของตนไม่ได้เป็นไรมาก รวมถึงแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ส่งกำลังไปช่วยเหลือได้ทัน ขณะนั้นตนเองได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมพ่อจึงถูกยิง แล้วพ่อทำอะไร ทำไมถึงถูกยิง และตนก็ได้ทราบความจริงว่า เพราะปกป้องพื้นแผ่นดินไทย จากผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์

ในหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันนั้น พบว่ามีพาดหัวข่าวย่อยที่เกี่ยวข้องกับคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่คอมมิวนิสต์จับประชาชนนับร้อย ทางภาคอีสาน ปลุกปั่นประชาชน แล้วยิงประชาชนทิ้ง ในวันต่อมาหนังสือพิมพ์รายงานอีกว่า มีเหตุถล่มของโจรภาคใต้ ทั้งฆ่าครูยิงครู ซึ่งเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้นั้นไม่ได้เพิ่งเกิด แท้ที่จริงเกิดมากว่า 70 ปีแล้ว

ร.10 ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่

ในยุคสงครามคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2519 หลายท่านทราบหรือไม่ว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ขณะดำรงพระยศร้อยเอก ทรงร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารในการต่อต้านการก่อการกำเริบคอมมิวนิสต์ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ทั้งยังเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมให้กำลังใจประชาชาน ทรงเป็นมิ่งขวัญ เป็นกำลังใจแก่ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่

เส้นทางความไม่สงบ..ภาคใต้ 

พ.ศ. 2545 จากการยุบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ 43 (พตท.43) รวมถึงถอดถอน 2 กรมมทหารพราน ออกจากพื้นที่ พร้อมประกาศ “ไม่มีโจรก่อการร้ายอีกแล้ว พวกที่เหลือเป็นแค่โจรกระจอก”

พ.ศ. 2545-2546 เหล่าผู้ก่อการร้ายจึงได้เปิด “ยุทธการใบไม้ร่วง” รอบสังหารเจ้าหน้าที่รัฐ มีผู้เสียชีวิตกว่า 4 พันราย แบ่งเป็น ทหาร 587 นาย ตำรวจ 696 นาย ผู้นำชุมชน 242 คน และประชาชนทั่วไปอีก 2,731 คน

พ.ศ. 2547 รัฐบาลจัดตั้ง กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) และกองทัพบก (ทบ.) จัดหน่วย กองปฏิบัติการพิเศษ จำนวน 3 หน่วย เข้าดูแล 3 จชต.ดูแล 3 อำเภอของจังหวัดสงขลา ทั้งนี้ได้นำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เป็นไฟส่องทางในการดูแลภาคใต้ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”

พ.ศ. 2557 สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ได้ถยอยถอนกำลังทหารหลักออกจากพื้นที่ เหลือเพียงกองทัพภาคที่ 4 (ทภ.4) และกำลังประจำถิ่น (ทหารพราน,ตชด.,อส.) ดูแล

1 ปี 2 เดือน…ชายแดนใต้ 

พล.อ.อภิรัชต์ เล่าว่า เคยลงมาปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับหน่วยที่ 4 ดูแลพื้นที่ในจังหวัดยะลา ในอำเภอธารโต อำเภอเบตง ซึ่งรอยต่อระหว่างอำเภอบันนังสตา โดยได้ปฏิบัติหน้าที่ ได้ประมาณ 1 ปี 2 เดือน “การรบภายใต้สภาวะกดดันเป็นสิ่งที่โหดร้ายต่อจิตใจ เพราะไม่สามารถแยกออกระหว่างผู้ร้ายกับประชาชน  เพราะนี่คือสงครามที่ไม่ใช่สงครามตามแบบ หากเป็นสงครามอย่างที่เราเคยเห็นอย่างในภาพยนต์ ผู้ร้ายแต่งตัวอีกแบบ ทหารแต่งตัวอีกแบบ คงไม่มีปัญหา เพราะเราต่างรู้ว่าใครเป็นศัตรู แต่สิ่งที่ยากคือผู้ร้ายกับประชาชนแต่งตัวเหมือนกัน มันคือสิ่งที่ยาก เราไม่รู้เลยว่าคนที่เดินเข้ามาหาเราจะชักปืนขึ้นมายิงเราไหม คนที่ขับรถผ่านเรา จะปาระบิดใส่เราหรือไม่ เราไม่สามารถแยกแยะออกได้”

แก้รธน.ไม่ยุ่ง แต่ห้ามแตะมาตรา 1 

ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวถึง กรณีการเสนอแก้ไขมาตรา 1 ในเวทีเสวนาของ 7 ฝ่ายค้าน ว่า รัฐธรรมนูญไทย เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 มีการแก้รัฐธรรมนูญแล้วกี่ครั้ง ตนที่เป็นตัวแทนของทหารไม่เคยพูดว่า รัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ แต่มาตรานี้ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เกี่ยวข้องกับเลือดเนื้อของชาติ ที่รักษาขวานทองเล่มนี้ไว้ บอกไว้เลยว่าไม่มีวัน แม้ตนจะตาย เชื่อว่าฝ่ายความมั่นคง และไม่มีรัฐธรรมนูญในโลกนี้ที่สามารถแบ่งแยกดินแดนได้ ดังนี้จะแก้มาตราใดก็แก้ไป แต่หากจะแก้มาตราที่ 1 จะส่งผลกระทบมาตราอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมาหากษัตริย์ นี่คือความชาญฉลาดของพวกนักวิชาการที่ไม่พูดตรงๆ ออกมา อยากทำอะไร อยากแก้อะไร ไม่ได้มาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ตนไม่เคยยุ่งกับการเมือง แต่นี่คือเรื่องของฝ่ายความมั่นคงเช่นกัน

ไม่เลือกปฏิบัติ..ไม่เลือกนาย

นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ยังกล่าวต่ออีกว่า กองทัพรับใช้ทุกรัฐบาล ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่มีการเลือกนาย แต่กลุ่มคนพวกนี้รู้ดี ไม่ได้ดูทหาร เพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญ ปกป้องบ้านเมือง แต่มองทหารเป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย ซึ่งทหาร ตำรวจ เมื่อไม่ได้สวมเครื่องแบบ ก็คือประชาชน ทหารคือหลักของความมั่นคง ป้องอธิปไตย มีวาทกรรมมากมายที่หวังผลทางการเมือง เอาใจวัยรุ่น เช่น เสนอไม่ต้องเกณฑ์ทหาร กระทรวงกลาโหม-กองทัพ จัดซื้ออาวุธทำไม หนักแผ่นดิน!

ไปทำไม..วางแผนกันไช่ไหม 

โดยในช่วงหนึ่งของการบรรยาย พล.อ.อภิรัชต์ ยกคำพูด หยิบยกตัวอย่างสงครามกลางเมืองต่างๆ ในการนี้ได้หยิบยกคำพูด “โจชัว หว่อง” นักเคลื่อนไหวการเมืองชาวฮ่องกง ซึ่งเป็นมีการประท้วงใหญ่อยู่ในขณะนี If we are in a new Cold War , Hong Kong is the new Berlin “

โดยกล่าวว่า “หลายท่านเคยไปฮ่องกง แต่จากเหตุการร์การประท้วง ทำให้หลายคนไม่อยากไปอีก แต่มีใครบางคนไปแล้วถ่ายรูปและโพสต์ให้เห็น หลายครั้งที่ โจชัวร์ หว่อง เดินทางมาเมืองไทย กี่รอบ มาพบกับคนประเภทไหน มาคุยอะไรกัน มีวาระซ่อนเร้น วางแผนสมคบคิดทำอะไรกันหรือเปล่า ตอนนี้มีการประท้วงกันอยู่ก็ไปเยี่ยม เหมือนไปให้กำลังใจ ให้การสนับสนุน

ทั้งนี้ ฮ่องกงเป็นเกาะ ท่านต้องเข้าใจว่าเป็นเกาะฮ่องกง เป็นอาณานิคมของอังกฤษ หลังหมดข้อตกลงเช่า ตอนนี้ก็เป็นของจีน ที่พูดเพราะแตกต่างกับประเทศไทย นี่มีดินแดนติดต่อกัน ตอนนี้ มีใครอยากไปอยู่ฮ่องกงไหม จีนมองฮ่องกงเป็นเกาะเล็กๆ อย่าลืมว่าตั้งแต่เกิดเหตุจีนไม่เคยใช้กำลังทหารเข้าปฎิบัติการที่สำคัญคนที่ออกมาประท้วงส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น”

จะออกมาไหม ? 

พร้อมทั้งพล.อ.อภิรัชต์ ได้ถามไปยังนักเรียนนักศึกษา “ถ้าวันหนึ่งผิดหวัง มีคนที่ใช้โซเชียล มาโฆษณาชวนเชื่อ มาปั่นสมอง ให้ออกมาประท้วงแบบฮ่องกง น้องๆ จะออกมาไหมครับ ภาพเหตุการณ์เผาบ้าน เผาเมืองปี 2553 ที่ผมเคยมีโอกาสเดินทางไป เด็กหลายคนอ่อนไหว จำเป็นต้องรู้ความจริง เด็กบางคนที่เคยไปพูด สมัยก่อนเด็ก 6-7 ขวบ ไม่รู้หรอกว่า มีการเผาศาลากลางจังหวัด ลืมไปหมดแล้ว แต่ก่อนเด็กไม่สนใจอะไร ไปถามเขา ก็บอกไม่รู้เรื่อง ไม่เคยรู้เรื่องได้ยิน และภาพเหล่านี้ก็ถูกระบบ Data analysis มีการเพิ่มข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนข้อเท็จจริงเหล่านี้หายไปจากระบบ เสริชไปก็หายาก เรื่องนี้คือทฤษฎี”

มันคือสงครามลูกผสม 

Hybrid WarFare หรือ “สงครามลูกผสม”  ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือสงครามที่ใช้การผสมผสานกันของเครื่องมือ ทั้งสงครามตามแบบและสงครามไม่ตามแบบ โดยในอดีตมีพวกคอมมิวนิสต์ที่หลงผิดเข้าป่า แต่คิดได้ว่าระบบคอมมิวนิสต์ไม่ดีอย่างไร สอนให้คนเป็นอย่างไร มีคนกลับตัวกลับใจ แต่ยังคงมีไอ้คนหัวเดิมๆ มาเป็นนักการเมือง นักวิชาการ ฝังชิปเรื่องความเป็นคอมมิวนิสต์อยู่ โดยมีทั้งหมด 8 ข้อ

1.Regular Military forces กำลังทหารปกติ เป็นฝ่ายรัฐบาล

2.Special forces กำลังทหารพิเศษ เป็นฝ่ายรัฐบาล

3. Irregular forces กองกำลังที่ไม่ใช่ทหาร เช่น กลุ่มการการร้าย มวลชนที่ต่อต้านอำนาจรัฐ ชายชุดดำ กลุ่ที่วางระเบิด 7- 8 จุด เชื่อว่าหลังจากพูดเรื่องนี้ไปจะเกิดฟีดแบคกลับมาแน่นอน แต่ขออย่าทำร้ายประเทศ

3.Support of local unrest การสนับจากประชาชานในท้องถิ่น ประชาชนทั่วไป

4.Information warfare propaganda สงครามข่าวสารและโฆษณาชวนเชื่อ มันยังมีกลุ่มคอมมิวนิสต์ที่ยังไม่ได้กลับตัวกลับใจ ที่ยังล้มระบบพระมหากษัตริย์ ที่คิดจะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นรูปแบบของคอมมิวนิสต์ ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์ที่สอนเด็ก หรือแม้แต่พวกที่เรียนที่ต่างประเทศ พวกซ้ายจัด ดัดจริต ไปเรียนในประเทศที่เคยเข้ามาล่าอาณานิคม แล้วนำความคิดมาผสมผสานแล้วสร้างโฆษณาชวนเชื่อ แล้วนำความคิดตัวเองมาผ่านโซเชียลต่างๆ รวมถึงยังมีการสร้างสัญลักษณ์ ไม่ว่าจะเสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อรุ้ง สร้างสัญลักษณ์ให้สร้างความจดจำ

5.Displomacy การทูต โดยการใช้องค์กรระหว่างประเทศและองค์กรออิสระ เพื่อเป็นการยกระดับกลุ่มตัวเองและยกความเป็นความสากล ให้ต่างชาติเข้ามา

6.Cyber attacks การโจมตีด้านไซเบอร์ การใช้ Big Data Analysis ทั้งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ทั้งที่จริง Data Analysis คือการการรวบรวมพฤติกรรมต่างๆ ของลูกค้า แต่มีการใช้ในทางที่ผิด เอามาหวังผลทางการเมือง

7.Economic warfare สงครามเศรษฐกิจ ต้องยอมรับว่าสงคราการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ส่งผลกับทุกประเทศ แต่มีบางคนที่หวังผลทางการเมือง เอาภาพคนจนไปเปรียบเทียบ สร้างภาพว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ปัญหาคนจน ไม่ว่าใครที่เข้ามาเป็นรัฐบาลก็ต้องพยายามหาทางแก้ไขเรื่องคนจน โดยสุจริตใจ โดยนำผลประโยชน์เข้าตัว

เลือกใครแก้ปัญหาความมั่นคง?


พล.อ.อภิรัชต์ ได้กล่าวถึงแก้ปัญหาความมั่นคง ว่า อยากให้ประชาชนเลือกว่าอยากให้ใครแก้ไขปัญหาความมั่นคงของประเทศ เป็นกลุ่ม นักวิชาการ ที่หาข้อมูลด้วยการใช้มือไถแท็บเล็ตหาข้อมูล และสมคบคิด กับพวกนักเรียนนอก ซ้ายจัดตัด ดัดจริต ไปเรียนในประเทศที่เคยล่าอาณานิยม และชอบใช้ 2475 เป็นตัวชี้นำ อ้างว่าตัวเองเป็น ประชาธิปไตย แต่มีวาทกรรมจาบจ้วง หรือ ให้พวกนักการเมืองบางคน นึกถึงประโยชน์ส่วนตัวไม่นึกถึงส่วนรวม หรือนักการเมือง ที่อยู่ในภาคใต้ เอาเรื่องศาสนา การแบ่งแยกดินแดน หรือจะเชื่อกกลุ่มนักการเมือง ผึ้งแตกรัง ลูกพี่หนีคดีไปต่างประทศ หรือจะเชื่อนักธุรกิจ ที่ชีวิตเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง มีพฤติกรรมร่วมชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง ชักศึกเข้าบ้าน เจาะพฤติกรรม ล้างสมองคนรุ่นใหม่ มีพฤติกรรมล้มล้างชาติ สถาบัน เรียกว่า ฮ่องเต้ซินโดรม