‘ผบ.ทบ’ ตัดพ้อเป็นคนอ่อนไหว ปมแถลงข่าวด้วยน้ำตา รับกระทบครอบครัวต้องปิดโซเชียลหนี

“ผู้บัญชาการทหารบก” รับเสียงวิจารณ์แถลงข่าว กระทบครอบครัวจนต้องปิดโซเชียลจาก ผ่อนคลายหลังได้พูด พร้อมเดินหน้าเปิดศูนย์ให้กำลังพลร้องเรียนจันทร์นี้ ฝากชาวโซเชียลอ่านหนังสือมากกว่า 8 บรรทัด 

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 08.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกระแสภายหลังแถลงข่าวรายละเอียดเหตุการณ์กราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 อ.เมือง จ.นครรราชสีมา ว่า คิดว่าสื่อมีความเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ถือเป็นบทเรียนทั้งประเทศ และเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกในโลก ในส่วนของกองทัพบกก็แสดงความเสียใจ และความรับผิดชอบไปแล้ว แต่ในสื่อออนไลน์ก็ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ก็เป็นเรื่องปกติ และเราก็ทำใจมานานแล้ว เพราะห้ามไม่ได้ ขอบคุณสื่อทีระมัดระวังเรื่องการตั้งคำถามมากกว่าให้เป็นเรื่องประเด็นทางการเมือง

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เดินทางไปร่วมพิธีศพ อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพวงรีด และพระราชทานสวดพระอภิธรรม รวมถึงพระราชทานเพลิงให้กับผู้เสียชีวิต ในส่วนของตนก็จะเดินทางไปร่วมงานศพของตำรวจที่เสียชีวิตที่วัดตรีทศเทพด้วย

ขณะที่ส่วนอื่นเป็นเรื่องภายในที่กองทัพบกต้องแก้ไข ทั้งนี้หลังจากได้ชี้แจงไปเมื่อวานนี้แล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ทุกคนก็ต้องพร้อมรับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป ในวันจันทร์ทื่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 จะพยายามเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ ให้ได้ โดยได้สั่งการให้ไปหาระบบมา และควบคุมโดยสำนักงานผู้บัญชาการทหารบก โดยจะจัดเจ้าหน้าที่ทำงานตามวันเวลาราชการ 08.00 – 16.30 น. ส่วนนอกเวลาราชการ จะเป็นระบบตอบรับอัตโนมัติเพื่อบันทึกเป็นข้อมูลไว้ แต่รับรองว่ามีเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์อยู่แน่นอน

ยืนยันว่าสิ่งที่กำลังพลทุกนาย ถูกเอาเปรียบต้องมีการรายงาน ยศ ชื่อ ตำแหน่ง และสังกัด รวมถึงหมายเลขประจำตัว รับรองว่าทุกอย่างจะเป็นความลับ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี “เมื่อคืนมีคนส่งข้อความมาถึงผมเรื่องเบี้ยเลี้ยงต่างๆ ผมจึงได้ส่งไปถามผู้บังคับหน่วยเพื่อให้ดำเนินการ ไม่ใช่ดูอย่างเดียว ขั้นต้นผมก็ได้มีการลงโทษ และในวงรอบต่อไปก็จะมีการปรับย้าย ยืนยันว่าทำจริงจัง ทั้งนี้ขอร้องผู้ที่แจ้งข้อมูลว่าต้องแจ้งข้อความจริงที่เกิดขึ้นกับตนเอง เพื่อจะได้ตรวจสอบได้ว่าบุคคลที่แจ้งมีตัวตนจริง ถ้าโกหกต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย เพราะทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จ” ผบ.ทบ. กล่าว

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นอดีต ผบ.ทบ. ได้ให้ข้อแนะนำหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บอกว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปรับแก้ ให้ทันยุค ทันเหตุการณ์ ต้องยอมรับว่ากองทัพเป็นเป้าหมาย รวมถึงตนเองด้วย เพราะฉะนั้นการที่ผู้บังคับบัญชา ต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่บังคับแต่คนอื่น

เมื่อถามต่อว่า มองภาพรวมผลตอบกลับจากการแถลงข่าวอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า ตนไม่มีอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก ได้รับแต่ข้อความจากโทรศัพท์มือถือ ในส่วนของภริยาและบุตร ก็ต้องปิดโซเชียลมีเดียไปเลย เป็นผลกระทบจากตน ที่ทำให้บุคคลใกล้ชิดและครอบครัวได้รับผลกระทบไปด้วย แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งตนมองว่าวิกฤตนี้ไม่ควรลืมไปง่าย ๆ เราควรหันมารักใคร่กลมเกลียวสามัคคีกัน หันหน้าเข้าหากัน มองผลประโยชน์ของประเทศชาติและความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก อย่างมุ่งแต่ คนนั้นดี คนนั้นเก่ง คนโน่นไม่ดี สิ่งไม่ดีก็ช่วยกันแนะนำแก้ไข ตอนนี้มีกำลังใจดี เมื่อวานได้ผ่อนคลายในสิ่งที่ตนเองรู้สึกตั้งแต่วันเกิดเหตุ และได้แสดงความรับผิดชอบ ตนพูดจากใจ อาจจะมีคนไปตีว่าเป็น emotional บ้าง อะไรบ้างแต่ทุกอย่างมาจากใจ สิ่งที่ตนทำเขียนมาจากใจกว่าจะลงมาเป็นตัวปากกา

ขณะที่สื่อเองก็ได้รับบทเรียน โดยเฉพาะดิจิทัลทีวีที่ถูก กสทช.เรียกไปทำความเข้าใจ ว่าในต่างประเทศเขาบริหารจัดการกันอย่างไร หลายสื่อก็ได้ให้ข้อเสนอแนะที่ดี เพราะบางอย่างอาจทำให้เกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบขึ้นมา รวมถึงเอกอัครราชทูตหลายประเทศได้ส่งเอกสารมาถึงตนเอง ว่าประเทศเขาก็เคยเกิดขึ้นและได้แนะนำวิธีการบริหารจัดการในหลายๆ อย่าง

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามต่ออีก ว่า รู้สึกอย่างไรที่ถูกมองเรื่องแถลงข่าวด้วยน้ำตา พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า ตนเป็นคนมีอารมณ์อ่อนไหวกับเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะสิ่งที่เสียใจที่สุดคือการสูญเสียผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะพลทหารเมธา เลิศศิริ ที่ไม่มีใครกล่าวถึงว่าเขาเสียชีวิตระหว่างยืนยามรักษาการณ์ แต่ไปมองว่ากองทัพหละหลวม ตนถามว่าถ้าหละหลวมจะมียืนยามรักษาการณ์อยู่ไหม เพราะคนที่เห็นหน้ากันทุกวันใครจะรู้ว่าจะเดินเข้ามาแล้วเอาปืนมายิง คนทำงานด้วยกันเห็นหน้ากันทุกวันใครจะไปรู้ ใครจะไปเฉลียวใจ

อย่างไรก็ตาม ฝากขอให้คิดไปดูข้อความที่คนแชร์ในโซเชียลมีเดีย เรื่องเฉินหลง ที่บรรทัดแรก ๆ เขียนว่าเฉินหลง 65 ปีได้นอนอย่างสงบที่ฮ่องกง ทำให้เข้าใจว่าเฉินหลงเสียชีวิต แต่พอไล่บรรทัดถัดมาเขาก็เขียนว่า เฉินหลงตื่นเช้ามาก็ตื่นเช้าออกกำลังกายปกติ จึงอยากให้คนไทยอ่านหนังสือมากกว่า 8 บรรทัด เวลาอ่านอะไรอย่าอ่านแค่ 3-4 บรรทัดแล้วไม่อ่าน

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง “ผบ.ทบ.” แถลงขอโทษเหตุกราดยิงโคราช ปมซื้อที่ดิน ผิดใจผู้บังคับบัญชา