“หมอชลน่าน” แฉ “ประยุทธ์” ฮุบเหมือง – เงินครูหมื่นล้าน หน้าเหมือนมีสเตอร์บีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลช่วง 18.00 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้รับมอบหมายจากพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมฝ่ายค้าน และประชาชนคนไทยทั่วประเทศ ที่ไม่อยากเห็นประเทศนี้มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอขีดเส้นใต้ ตนจะไม่เรียกอย่างอื่น แต่จะเรียก “พล.อ.ประยุทธ์” เพราะ “พล.อ.” เป็นยศพระราชทาน ท่านจะได้มีจิตสำนึกดูหน้าชื่อท่านว่าเป็นอะไร ท่านควรจะอยู่อย่างไร พี่น้องประชาชนเขาอยากให้ตนมาอภิปรายไม่ไว้วางใจตามกระบวนการระบบรัฐสภา ไม่ไว้วางใจให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะประชาชนอยากเห็นสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นที่เพิ่งที่หวังที่เขาเลือก มาทำหน้าที่แทน และใช้โอกาสนี้เอาบุคคลท่านนี้ออกจากตำแหน่งนี้ให้ได้

อย่างไรก็ตาม อาจสิ้นหวังที่จะเอาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพราะการลงคะแนนอยู่ในอาณัติมอบหมายผูกมัดไว้ แต่เรื่องที่จะอธิบายต่อไปนี้เกี่ยวกับตัวบุคคล โดยเฉพาะการเข้าสู่อำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ การใช้อำนาจที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศ ความไม่มีวุฒิภาวะผู้นำ การใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรม ออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อแสวงหาประโยชน์และอยู่ในอำนาจต่อไป

ฮุบเงินครูหมื่นล้าน

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบว่ามีพฤติกรรมฮุบเงินครู ที่มีสมาชิกกว่า 1.2 ล้านคน ในกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ของบุคลกรทางการศึกษา จำนวนกว่า 20,237 ล้านบาท ที่ยึดเงินส่วนดังกล่าวเป็นของรัฐโดยใช้มาตรา 44 ดำเนินการ เมื่อวันที่ 17 เม.ย.58 เพื่อยกเลิกกรรมการ 3 คณะ คือ คณะกรรมการคุรุสภาฯ คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สก.สค.) และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา และตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ให้รมว.ศึกษาธิการเป็นประธาน

ซึ่งตนขอกล่าวหาว่าใช้อำนาจยึดเงินกองทุน รวม 13,000 ล้านบาท เพื่อให้หน่วยงานรัฐ ทั้งที่เงินกองทุนดังกล่าวเป็นเงินของบุคคล ไม่ใช่ของรัฐ การยึดผลประโยชน์ของบุคคลเป็นของรัฐ คือ การเอื้อประโยชน์ ตีความตามกฎหมายคือทุจริตต่อหน้าที่ เข้าข่ายขัดคุณสมบัติของการเป็นนายกฯ จงใจฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งเงินจำนวนที่ยึดดังกล่าวแม้จะตั้งคณะกรรมการบริหารได้ แต่ไม่ใช่การอนุมัติให้เงินกองทุนครู ใช้หนี้องค์การค้าทั้งที่ไม่เกี่ยวข้อง

แฉกระบวนการฮุบเหมืองอัครา

นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้แจงต่อว่า นอกจากนี้มีเรื่องการฮุบเหมืองทองคำชาตรีของบ.อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่เป็นบริษัทลูกของบริษัทคิงส์เกต ออกคำสั่งมาตรา 44 ระงับการทำเหมืองแร่ จนตอนนี้เรื่องถึงอนุญาโตตุลาการ ที่จะวินิจฉัยชี้ขาดในอีก 7 เดือน หากมีคำวินิจฉัยออกมา ตนกังวลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะกลายเป็น “Prayuth Junta ” ข้ออ้างในการออกมาตรา 44 ที่ไปเอาเหมืองเขามาเป็นของไทย มันไม่สมเหตุสมผล เพราะท่านไม่ใช้กฎหมายปกติ เช่น กฎหมายว่าด้วยแร่ฯ มาตรา 125 สามารถออกคำสั่งให้ปิดเหมืองได้ โดยปิดมาแล้ว 2 ครั้ง น่าสงสัยว่าในช่วงนั้นราคาทองที่สูงขึ้นถึงบาทละ 2 หมื่นบาท ก็อาจจะทำให้อยากได้จนน้ำลายไหล อยากได้ของเขามาเป็นของตนเอง

“ระหว่างปิดเหมืองถึง 2 ครั้ง มีบุคคล อักษรย่อ ช. อยู่ในวงการปิโตรเลียม ไปขอเจรจาซื้อหุ้น และคนคนนี้เป็นญาติสนิทสายเลือดเดียวกับ “พล.อ.ว.” ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ “พล.อ.ว. เกี่ยวข้องตั้งแต่ปี 51 เริ่มกิจการ ด้วยความอยากได้อยากมี ออกอำนาจใช้ มาตรา 44 ยึดกิจการเขาจนนำไปสู่การฟ้องร้อง หลังเกิดเหตุมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ออกมาบอกสื่อว่าเราไม่เสียค่าโง่ 3 หมื่นล้าน แต่หนังสือจาก บ.คิงส์เกตฯ บอกว่าผลการต่อสู้ของเขาดียิ่ง ดังนั้นตนวิงวอนส.ส. ตนเชื่อว่ามั่นในจิตมโนสำนึก ฐานจิตที่ดีของพวกท่าน ขอให้คิดถึงราชอาณาจักรไทย หากท่านลงคะแนนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไป หายนะจะเกิดขึ้น แต่ถ้าท่านเปลี่ยนใจ ไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ครม.ก็จะพ้นไป รัฐบาลชุดใหม่จะเป็นความหวังในการเจรจาต่อรองเพื่อลดความสูญเสียให้กับประเทศ เพราะรัฐบาลชุดเดิมเขาไม่เชื่อถือ เชื่อมั่น เพราะต่อให้เราชนะ เราก็เสียเรื่องความเชื่อมั่นและศรัทธา

ดวงผู้นำทำลายดวงเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ นพ.ชลน่าน อภิปราย โดยยกเรื่องดวงของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า กำลังทำลายดวงเมือง ทำให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงว่าอภิปรายนอกประเด็น โดย นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมแนะนำว่า เรียนจบวิทยาศาสตร์มาไม่ควรพูดถึงดวง โดย นพ.ชลน่าน สรุปว่า หากยังไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศอยู่ จะเกิดความวิบัติกับราชอาณาจักรไทย แม้จะไม่ได้ไป เพราะ ส.ส.ในสภา แต่ก็ต้องไปด้วยอำนาจของประชาชน และจะเดินอย่างไม่มีความสุขที่สุดในชีวิต

“บิ๊กตู่” เหมือนมีสเตอร์บีน

นอกจากนี้ นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่าไม่เหมาะกับการเป็นนายกฯ มันเหมือนกับ “มิสเตอร์บีน” ทำให้ น.ส.ปารีณา ลุกขึ้นประท้วงสวนว่า ผู้อภิปรายขัดข้อบังคับการประชุมข้อที่ 69 และข้อ 9.ประท้วงประธานฯ ให้ควบคุมผู้อภิปราย เพราะประธานฯ ได้บอกไปหลายครั้งแล้ว จนเกิดการประท้วงมากขึ้นเรื่อยๆ และผู้อภิปรายขณะนี้เริ่มมีอาการไบโพลาร์ จึงขอให้ประธานฯช่วยควบคุม ทำให้นายศุภชัย โพธ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า “ไปกันใหญ่แล้ว” ก่อนที่จะตัดบทเข้าสู่การอภิปรายต่อไป