เพื่อไทย – ปชป.เปิดฟลอถามบิ๊กตู่เคลียร์ปมโรดแมป “เจ๊หน่อย”ชี้ ถ้าไม่เลือกตั้ง ปชช.เดือดร้อนกว่านักการเมือง

เสวนาสมาคมนักข่าว “สุดารัตน์” เปิดฟลอถาม “บิ๊กตู่” เอาให้ชัดเลือกตั้งปีไหน ด้าน “องอาจ” จับพิรุธ 4 คำถามผู้นำมีนัยยะโรคเลื่อนโรดแมป “อนุทิน” เชื่อนายกฯ ไม่อยากอยู่ยาว สะกิด คสช.อย่าเป็นปลาสองน้ำ ถึงเวลานักการเมืองก็ควรจะหยุด

ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์  (บสส.7)  จัดงานสัมมนาสาธารณะในหัวข้อ “โรดแมปไทยไทย ไกลแค่ไหน หรือใกล้เลือกตั้ง?” โดยมีนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมเป็นวิทยากร

@ “เจ๊หน่อย” ถามเอาให้ชัวร์หย่อนบัตรปีไหน

ทั้งนี้ นางสุดารัตน์ กล่าวตอนหนึ่งถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็คงตอบลำบากว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ แต่รัฐบาลประกาศหลายครั้ง ตั้งแต่ปีที่หนึ่งหลังการรัฐประหารและมีการเลื่อนมาโดยตลอด ซึ่งคาดเดาลำบากว่าในครั้งนี้จะเป็นไปตามระยะเวลาหรือไม่ ฟังจากผู้รับผิดชอบบอกว่าคงจะบอกไปหลังจากกฎหมายลูกเสร็จแล้ว แต่ไม่มีการบอกกฎหมายลูกเสร็จเมื่อไหร่ ตามกำหนดหรือไม่ ความไม่แน่นอนคิดว่ายังมีอีกเยอะที่จะระบุวันเลือกตั้งได้

“จะอยู่ยาวอย่างไรก็เอาให้ชัดว่าจะเป็นปี 2561 หรือ 2562 ความเดือดร้อนไม่ใช่อยู่ที่นักการเมืองและพรรคการเมืองแต่อยู่ที่เศรษฐกิจ ถ้านักลงทุนทราบว่าเลือกตั้งเมื่อไหร่จะได้วางแผนการลงทุนได้ เพราะเมื่ออยู่ในระบอบการปกครองพิเศษ การวางแผนทางธุรกิจจะวางแผนอย่างไร ลงทุนได้หรือไม่  ส่วนนักการเมืองและพรรคการเมืองถ้าไม่มีเลือกตั้งอาจไม่ใช่ปัญหา ก็ใช้โอกาสนี้พัฒนาตนเองก็ทำไป แต่การไม่มีเลือกตั้งต้องผ่านประชาชน สุดท้ายประชาชนจะบอกว่าระหว่างมีเลือกตั้งและไม่มีเลือกตั้งอันไหนลำบากกว่ากัน” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

@ ห่วง ส.ส.ทำงาน แต่ติดคุก 

นางสุดารัตน์ กล่าวว่า ดังนั้น ต้องกลับไปถามประชาชนว่าระหว่างการแก้ไขปัญหาให้กับส่วนร่วมหรือประชาชน ภายใต้นักการเมืองที่มาจากการยึดอำนาจ กับ นักการเมืองมาจากเลือกตั้ง ตรวจสอบได้ ติติงได้ อย่างไหนดีกว่ากัน อีกทั้งฝ่ายการเมืองต้องพิจารณาตัวเอง สิ่งที่เป็นปัญหาเกิดขึ้น ถ้าแก้ไขได้การเมืองคงปฏิเสธการรับผิดชอบหรือปรับปรุงไม่ได้  หากได้เสียงข้างมาก หลังเลือกตั้งไม่สำคัญเท่าก่อนเลือกตั้ง ก่อนเลือกตั้งกำลังมีกติกาต่างๆ มากมายที่ออกมาแล้วทำให้กลไกที่ทำงานในวันข้างหน้าที่ทำงานให้กับส่วนรวมแทบจะไม่ได้เลย  ทำแล้วติดคุก ก็กินเงินเดือนเฉยๆ คนที่เลือกให้ไปทำหน้าที่แล้วไปกินเงินเดือนเฉยๆ สุดท้ายประชาชนก็เดือดร้อน

ส่วนการที่ตนมีชื่อติดโพลว่าน่าจับตามองจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น ตอนนี้เราไม่สามารถเปิดประชุมพรรคได้ โดยส่วนตัวนั้นที่มีโพลชี้ก็อาจจะเป็นการที่ตนทำงานมานาน จึงมีชื่อในโพล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือเป็นโอกาส ต่อกระแสท้าทายของพรรคที่จะพัฒนา พรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีรากฐานมาจากพรรคไทยรักไทย ในครั้งนี้มีปัญหาการเมืองเช่นกัน และถ้าปล่อยให้การเมืองอ่อนแอรัฐบาลก็จะอยู่ได้ไม่นาน เราจึงสร้างการเมืองที่เข้มแข็ง การสามารถตรวจสอบได้ พรรคเพื่อไทยก็ต้องปรับปรุง พัฒนา และปฏิรูปพรรคการเมืองเช่นกัน ทุกพรรคต้องปฏิรูปพรรคก่อน

“เราต้องหาแนวทางก่อนการที่จะกำหนดหัวหน้าพรรค เรามาทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่มีระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการอยู่ดีมีสุขของประชาชนได้ก่อน ดังนั้นเมื่อเปิดประชุมก็ค่อยมาพูดคุยกันว่าใครจะเป็นผู้นำพรรค เชื่อว่าการสู้กันด้วยนโยบายเป็นสิ่งที่ดีสุด ดีกว่าไปสู้กันด้วยเงินทอง แต่การต่อสู้แบบนโยบายก็ถูกตีความว่าเป็นแนวประชานิยมกันไปเอง ส่วนหลังการเลือกตั้งก็ต้องมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา และการจัดตั้งรัฐบาลนั้นไม่ได้มองว่าพรรคเพื่อไทยต้องเป็นรัฐบาลอย่างเดียวแต่มองว่าหลังเลือกตั้งการเมืองมันต้องจบ แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อะไรที่มาจากวิธีพิเศษเราไม่สนับสนุนแน่นอน” แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าว

@ 4 คำถาม ส่อนัยยะเลื่อนเลือกตั้ง

ด้านนายองอาจ กล่าวว่า เรื่องวันเลือกตั้งคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ยังตอบไม่ได้เพราะสับสนอยู่ บางวันบอกว่าเป็นไปตามโรดแมป บางวันอบกว่าอย่ามาถาม บางวันบอกว่าปีหน้าจะเลือกตั้ง ไม่แน่ใจว่าบางวันข้างหน้าจะบอกอะไรอีก ยังอยู่ในสภาวะที่สับสนคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านเมืองสับสนไปด้วย ความไม่แน่นอนเลือกตั้งไม่ได้อยู่ที่คนใดคนหนึ่งแต่เป็นเรื่องของประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีอะไรเป็นปัญหาการเลือกตั้งก็จะประมาณเดือน พ.ย.2561 แต่ถ้าดูท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ พูดเรื่องเลือกตั้งที่จับใจความได้ใหญ่ๆ สามครั้ง เมื่อเดือน ก.พ.2559 พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าถ้าบ้านเมืองมีความขัดแย้งจะไม่มีการเลือกตั้ง และพูดอีกครั้งส่งนัยยะสำคัญจะมีเลือกตั้งไม่เลือกตั้งคือคำถาม 4 ข้อ เมื่อเดือน พ.ค. 2560 เพราะถามไปแล้วเลือกตั้งไปแล้วจะมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลหรือไม่ ถ้าไม่มีจะทำอย่างไร เป็นการส่งนัยยะสำคัญ อาจเป็นการแสวงหาแนวร่วมตามที่คิดให้บ้านเมืองนี้เป็นไป

“ความเคลื่อนไหวทั้งสามอย่างของ พล.อ.ประยุทธ์ดูเหมือนจะมีความชัดเจน แต่จริงๆ ไม่ชัดเจนเพราะคำพูดหลังสุดก็ยังมีเงื่อนไข ถ้ากฎหมายพร้อม ถ้ากฎหมายไม่พร้อมจะไม่มีเลือกตั้งใช่ไหมก็คงใช่ ความปรองดองก็เป็นเงื่อนไขสำคัญ ความหมายปรองดองของหัวหน้า คสช. หรือ ประชาชนตรงกันหรือไม่ ความชัดเจนในเรื่องนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น ในที่สุดคงไม่ใช่ พลงอ.ประยุทธ์ที่ยังสร้างความไม่ชัดเจน แต่ในหลายส่วนก็ยังไมชัดเจน”นายองอาจกล่าว

@ อนุทิน เชื่อ “บิ๊กตู่ รักษาโรดแมป

ส่วนนายอนุทิน กล่าวว่า  พรรคการเมืองพร้อมเลือกตั้งตลอดเวลา พูดมาหลายครั้ง ให้เลือกพรุ่งนี้ก็พร้อม แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผมประสบการณ์น้อยในการบริหารพรรคการเมือง ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าแนวโน้มเป็นอย่างไร เพราะการเลือกตั้งจะช้าหรือเร็วไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล สนช.เท่านั้น อยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนทั้งประเทศมีฉันทานุมัติอย่างเป็นทางการหรือเป็นกระแส เพราะประชาชนเป็นเจ้าของประเทศความต้องการประชาชนเป็นทางเดียวกันอะไรก็ฝืนไม่ได้ โรดแมปก็เชื่อโดยส่วนตัวว่าจะดึงอย่างไรก็ตามก็ดึงได้แค่ระดับหนึ่ง ความรู้สึกของคนทั่วไป ประเพณี ที่เกิดขึ้นในอดีต รัฐบาลหนึ่งชุดมีอายุ 4 ปีไม่ว่ามาในระบอบอะไรก็แล้วแต่ ประชาชนมีรู้สึกโดยธรรมชาติว่าเทอมละสี่ปี ถ้าทำดีก็ได้ต่ออายุ ถ้าทำไม่ดีก็มีกลไกที่ส่งสัญญาณว่าพอเถอะ นี่ก็เหลือ 9 เดือนจะครบ 4 ปี

“ในฐานะผู้บริหารพรรคต้องวางแนวทางตลอดเวลา ก็เชื่อว่าการเลือกตั้งไม่เกิดในปี 2561 ปี 2562 ก็ต้องเกิด ถ้าไม่เกิดก็ตัวใครตัวมัน ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย สำหรับผู้บริหารประเทศก็น่าจะเกิด เชื่อว่าพลงอ.ประยุทธ์ต้องรักษาโรดแมป เพราะเป็นผู้ให้สัญญา ยังมั่นใจชายชาติทหารรับผิดชอบประเทศขนาดนี้ มีตัวอย่างว่าถ้ารักษาสัญญาไม่ได้จะเจอแรงกดดันขนาดไหน ต้องให้กำลังใจหัวหน้า คสช. ความจริงคือผู้รับผิดชอบประเทศคนเดียวที่เหลือไม่ช่วยท่านเท่าไหร่ เพราะยังมีความหวังต่อเนื่องว่าจะอยู่ต่อ

@ สะกิด แม่น้ำ 5 สายอย่าเป็นปลาสองน้ำ

“คนที่เข้ามาในระบอบแบบนี้ก็ควรอยู่ในระบอบแบบนี้อย่าเป็นปลาสองน้ำเล่นการเมืองในระบอบรัฐสภาเป็นไปไม่ได้ ถ้าเข้ามาช่วย พล.อ.ประยุทธ์แล้วก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเป็นประชาธิปไตยเหมือนน้ำกร่อยอยู่ไม่ได้ ถึงเวลาน้ำเค็มมาเล่นก็เป็นของปลาทะเลไป ผมเชื่อว่าประยุทธ์ 4 ปีคง ไม่ได้อยากสืบอำนาจต่อ ส่วนสูตรที่จะให้ คสช. ไม่ว่าใครก็ตามมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยให้ ส.ว. 250 คนอุ้มมา นั่นคือฝันร้ายตอนกลางวันที่สุด อุ้มมาแล้ววางหายเลย ประคองอยู่ไม่ได้ ดังนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดคือตั้งพรรคการเมืองมาแข่งกัน ทุกคนมีดี ทุกคนรักบ้านเมือง ประชาชนเลือกได้ ยอมรับได้ แต่ขอให้มาในระบบที่อธิบายได้ การเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นง่าย ใครก็เป็นได้ แต่เป็นอย่างสง่างามเป็นที่น่านับถือ หรือคิดให้ดี ใคร ๆ ก็ยอมรับ ขอให้มาในระบบที่มันพอได้” นายอนุทิน กล่าว

@ ชี้ คสช.มีไพ่ 5 หน้าในมือให้เล่น    

ด้าน ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่า รัฐธรรมนูญของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ออกแบบต่างจากรัฐธรรมนูญทุกฉบับ โดยหลังจากมีรัฐธรรมนูญจะให้มีการเลือกตั้งต่อเมื่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ ประกาศใช้ ถ้าเสร็จเมื่อไหร่กรอบเวลาถึงเริ่มต้นนับ สมมติว่าหากไม่อยากเลือกตั้งปี 2561 ก็สามารถทำได้หรือไม่  เพราะกฎหมายลูกถ้าไม่ผ่านขึ้นมาสักฉบับต้องทำอย่างไร นายมีชัยไม่ได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ถ้าหากเป็น คสช.จะเป็นเจตนาดีต่อบ้านเมือง ถ้า คสช.อยากอยู่ต่อแล้วกติกา ไม่ผ่านกฎหมายไปสักฉบับ โดยจะต้องมีการร่าง 8 เดือนโดยอนุโลม มีขั้นตอนส่งกลับไปกลับมาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติก็เพิ่มไปอีกปีหนึ่ง หรืออีกกรณีถ้าอยากอยู่นานกว่านี้เมื่อบทเฉพาะกาลไม่ได้เขียนไว้ก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าอยากอยู่ต่อเพราะรัฐธรรมนูญนายมีชัยเปิดช่องให้แล้ว

“ไม่ใช่ความสับสนของนายกฯ แต่การเมืองมีทางเลือกอยู่บนมือ ไม่มีใครเล่นไพ่หน้าเดียว คสช.มีไพ่ 5 หน้า แต่จะเลือกเล่นหน้าไหน อยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนไม่รีบเลือกตั้งก็เล่นหน้ายาวๆ ได้ แต่ถ้าประชาชนบอกเลือกตั้งได้แล้วก็จะเกิดการเปรียบเทียบอย่างชัดเจนเมื่อครบสี่ปีระหว่างการเมืองเลือกตั้งกับยึดอำนาจต่างกันอย่างไรจะเอาแบบไหน