“บิ๊กตู่” เขียนจดหมายถึง 20 มหาเศรษฐีไทย ร่วมมือรัฐบาลแก้ “โควิด”

แถลงการณ์ นายกฯ

เมื่อเวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจตอนหนึ่งว่า

“ผมทราบว่า หลายภาคส่วนในทีมประเทศไทย ได้เริ่มลงมือทำอะไรที่สำคัญ และมีประโยชน์ ไปแล้วหลายอย่าง แต่วันนี้  ผมต้องการเพิ่มความร่วมมือกับท่านทั้งหลาย ให้มากยิ่งขึ้น โดยเริ่มที่ภาคเอกชนก่อน สิ่งที่ผมจะทำในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า ประการแรก คือ ผมจะออกจดหมายเปิดผนึก ถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุด ในประเทศไทย 20 ท่าน ขอให้ท่านเหล่านั้นได้บอกผมว่า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้อาวุโสของสังคม  ท่านจะร่วมมือกันกับเราอย่างไร และท่านจะลงมือช่วยเหลือประเทศไทยของเรา ให้มากขึ้น ได้อย่างไรบ้าง มหาเศรษฐีของประเทศไทยทั้งหลาย ล้วนมีอิทธิพลอย่างมาก ต่อเศรษฐกิจของประเทศ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก  ผมขอให้ท่าน  ได้มีบทบาทสำคัญ  ในการร่วมกันช่วยเหลือประเทศ  และร่วมเป็นทีมประเทศไทยด้วยกันกับเรา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมเข้าใจและซาบซึ้ง ที่หลายท่าน ได้ลงมือทำไปแล้วหลายเรื่องแต่ผมต้องการให้ทุกท่าน ทำเพิ่มเติมมากกว่าที่ท่านได้ทำไป ผมรู้ว่าทุกท่านต่างก็เต็มใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลา ที่ประเทศ ต้องการความช่วยเหลืออย่างมากที่สุด  เพราะผมรู้ว่าความเดือดร้อนของคนไทยก็คือความเจ็บปวดของท่านด้วย ผมขอให้ทุกท่าน ได้แบ่งปันความสามารถ และความฉลาดหลักแหลม รวมทั้งมุมมองอันมีวิสัยทัศน์ของพวกท่าน พร้อมกับใช้องค์กรที่มีศักยภาพสูงของท่าน มาช่วยกันจัดการกับวิกฤต ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในวันนี้

นอกเหนือจากกลุ่มมหาเศรษฐีของประเทศไทย ผมยังอยากจะรับฟัง และใช้ความรู้ความสามารถของภาคเอกชนทั้งหมดอีกด้วย  ดังนั้น สิ่งที่ผมจะทำ ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า ประการที่สอง คือ ผมจะไปพบกับสมาคมภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก  เพื่อรับฟังพวกท่าน ด้วยตัวของผมเอง โดยตรง ไม่ต้องผ่านหน่วยงานใดเพื่อให้ผมจะได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริง ผมต้องการเข้าถึงความรู้ขีดความสามารถ และความเชี่ยวชาญอันหลากหลาย ของภาคเอกชน

นอกจากนี้ ผมต้องการรับฟังความความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ความต้องการ และความท้าทายที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่

ผมต้องการรับฟังว่า พวกท่านต้องการที่จะร่วมมีบทบาท ในการแก้ปัญหาครั้งนี้อย่างไร รวมทั้งสิ่งที่ท่านได้ทำไปแล้วและสิ่งที่ท่านจะช่วยกันทำต่อไปและที่สำคัญ ผมต้องการได้ยินความคิดเห็นของพวกท่าน ว่า มีจุดไหนบ้าง ที่รัฐบาลควรจะทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แน่นอนว่าเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่ต้องช่วยเหลือคนไทยทั้งประเทศ แต่เราสามารถขยายแรงกำลังในการช่วยเหลือ ให้ใหญ่ขึ้นได้ ด้วยการร่วมมือกับภาคเอกชน ที่มีทรัพยากรมาก มีวิธีการทำงาน และวิธีการเข้าถึงผู้เดือดร้อน ได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรัฐบาลจะเข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมมีความคิดเห็นที่หลากหลาย แม้กระทั่งในกลุ่ม ผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้วยกันเอง ก็ยังมีมุมมองการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน  ซึ่งผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ผมอยากจะรับฟังทุกท่าน เพื่อช่วยกันหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด  ผมเชื่อว่า ความคิดเห็นของท่านทั้งหลาย แม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ล้วนเกิดจากความรักชาติ และความปรารถนาดีต่อประเทศทั้งสิ้น และเมื่อเราเลือกที่จะปฏิบัติทางใดทางหนึ่งแล้ว ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน สนับสนุน เพื่อช่วยกันผลักดัน ให้เกิดความสำเร็จตามที่เราต้องการ

ผมขอให้พวกเราทุกคน ทำงานร่วมกัน เป็นครอบครัวเดียวกันขอให้พวกเราใช้วิกฤตครั้งนี้ เป็นโอกาส ที่จะช่วยสร้างระเทศไทยของเราให้แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง มีความเป็นปึกแผ่น และมีความเป็นหนึ่งเดียวกันของพี่น้องคนไทย ในช่วงเวลาที่ประเทศของเรา กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ขอให้พวกเราทุกคน ได้ร่วมกันแสดงพลังของความเป็นไทย ออกมาอีกครั้ง ให้โลกได้เห็นว่า พวกเราคนไทยได้ร่วมมือช่วยเหลือกัน และต่อสู้ไปด้วยกัน โดยไม่มีสีเสื้อ และไม่มีฝัก มีฝ่ายทางการเมือง ในอนาคตเมื่อมองย้อนกลับมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะเห็นว่า เป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากและความเสียหายมากมาย แต่ในอีกด้านหนึ่ง เราจะเห็นว่านี่คือช่วงเวลา ที่เราได้อะไรที่ยิ่งใหญ่กลับคืนมาด้วย นั่นคือ เราได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริง ของคนไทยอีกครั้ง และเราได้ค้นพบ  ความกลมเกลียว เป็นครอบครัวเดียวกัน ของพวกเราคนไทยทั้งประเทศ ผมมีความหวังแบบนั้นครับ และผมเชื่อว่า  คนไทยทุกคนก็มีความหวังแบบนั้นเช่นกัน ผมขอให้ทุกคนมาร่วมมือกันทำให้ความหวังของพวกเราเป็นความจริงเราจะต้องชนะไปด้วยกัน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงงานที่ได้ดำเนินการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าผมต้องการรายงานให้ทุกท่านทราบ ถึงงานที่ผมกำลังจะทำและบทบาทสำคัญของพวกเราคนไทยทุกคน ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้าก่อนอื่น ผมขอถือโอกาสวันปีใหม่ไทยที่เพิ่งผ่านไป กล่าวสวัสดีวันปีใหม่ไทย กับคนไทยทั้งประเทศ ผมขอให้ทุกท่านมีสุขภาพกาย สุขภาพใจ ที่สมบูรณ์แข็งแรง และผมหวังว่าทุกท่านจะมีความสุข ในวันสำคัญอีกวันของคนไทย นั่นคือวันครอบครัวถึงแม้ว่าปีนี้ จะแตกต่างไปจากทุกปีที่ผ่านมาแต่ก็ยังเป็นวันสงกรานต์และวันครอบครัวที่มีความหมายเพราะเป็นช่วงเวลา ที่ทำให้เราได้เห็นว่า สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของเรา คือครอบครัว ไม่ว่าเราจะต้องเจอกับปัญหาใดๆ ก็ตาม คนที่อยู่เคียงข้างเราก็คือ พ่อ แม่ พี่น้อง และลูกหลานของเราปีนี้ ครอบครัวของพวกเราใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มากกว่าเพียงแค่ญาติพี่น้องทางสายเลือด แต่ครอบครัวของเรา คือเป็นคนไทยทั้งประเทศ ที่อยู่รอบข้างเรา  70 ล้านคน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในช่วงวิกฤตนี้ มีแค่พวกเรากันเองในครอบครัวไทยเท่านั้น ที่จะพึ่งพากันได้ที่จะช่วยกันบรรเทาความทุกข์ร้อน และความยากลำบากที่ทุกคนต้องเผชิญ อย่างเช่นคนแปลกหน้าที่ซื้ออาหาร มาแบ่งปันให้เราได้อิ่มท้อง แบ่งเบาภาระให้เราอยู่รอดต่อไปได้นี่ คือหมายความของการเป็นครอบครัวเดียวกัน ปัจจุบันประเทศไทยของเรา กำลังอยู่ในภาวะการณ์ที่ตึงเครียดที่สุด กำลังทำลายชีวิตและการดำรงชีวิตของคนไทยจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เมื่อถ้ามองไปทั่วโลก เราก็เห็นได้ว่า วิกฤตโควิดได้ก่อให้เกิดความเสียหายมากมาย โดยไม่สนใจว่าเป็นประเทศร่ำรวย  ประเทศยากจน หรือประเทศมหาอำนาจ ปัจจุบันหลายประเทศ ทั้งในภูมิภาคตะวันตก ยุโรป และอื่นๆ รวมถึงประเทศที่มีการพัฒนาสูงสุดก็มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากและมีจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นหลักหมื่นโดยผู้เชี่ยวชาญยังคาดการณ์ว่าตัวเลขผู้เสียชีวิต อาจพุ่งสูงไปถึงหลักแสนต่อไปในอนาคตซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ ไม่เพียงเกิดกับชีวิตของผู้คนเท่านั้น แต่ยังเสียหายไปถึงการทำงาน การค้าขาย และการทำมาหากินที่เกือบจะหยุดชะงักทั้งหมดนี่จึงเป็นภาวะวิกฤตครั้งใหญ่ ที่ทุกรัฐบาลจำเป็นต้องดึงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาให้ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ งานที่ผมมุ่งเน้นเป็นสำคัญ แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มงานหลักกลุ่มงานแรก คือ งานที่เกี่ยวกับสุขภาพ หมายถึง สิ่งที่เราต้องทำ เพื่อลดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 และ เพื่อเพิ่มความสามารถในการรักษาผู้ติดเชื้อ กลุ่มงานที่ 2 คือ งานเกี่ยวกับการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ให้มีเงินเพียงพอต่อการดำรงชีวิต ผ่านมาตรการและความช่วยเหลือต่างๆซึ่งผมได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักในการคิดและปฏิบัติมาตรการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ

หน้าที่ของผม คือ การบัญชาการ และควบคุมการทำงานทั้งหมดของรัฐบาล แทนพี่น้องประชาชน ผมต้องเป็นผู้นำ ให้ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงานทำหน้าที่อย่างถูกต้อง เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ ผมทราบดีถึงความกังวลของพี่น้องประชาชน  เกี่ยวกับมาตรการเยียวยา 5,000 บาท  และมาตรการอื่นๆของกระทรวงการคลังผมไม่ได้นิ่งนอนใจ วันนี้ ผมได้สั่งการ เรียกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้เกี่ยวข้อง  ให้เข้ามาพบผม เพื่ออธิบายที่มาที่ไปและเหตุการณ์ทั้งหมดให้ผมทราบ  ว่าปัญหาเกิดจากอะไร และจะแก้ไขอย่างไรนอกจากเงิน 5,000 บาทแล้ว ช่วยไปติดตามงานของหลายกระทรวงมีมาตรการช่วยเหลือออกมาเกือบทุกกระทรวงทุกกระทรวงช่วยเหลือเต็มที่โดยภาครัฐจะเข้าไปดูแลกลุ่มเป้าหมาย

นอกเหนือจาก 2 งานหลัก ที่ผมเพิ่งกล่าวไปแล้ว ผมขอพูดถึง อีกหนึ่งหน้าที่ ที่ผมถือว่าสำคัญที่สุด และเป็นหน้าที่ ที่คนไทยทุกคน จะต้องมีบทบาทร่วมกันกับผม หน้าที่สำคัญนี้ จะสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้น ได้มากกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า เป็นหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำงานของเรา ถ้าเราต้องการจะเอาชนะสงครามกับไวรัสโควิด-19 ให้ได้ ซึ่งหน้าที่นี้ ต้องเริ่มจากการยอมรับความจริง เราต้องยอมรับจุดแข็ง จุดอ่อน  และข้อจำกัดของตัวเอง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องยอมรับว่า ปัญหาความเสียหายที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 จะแก้ไขได้ด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคส่วนต่างๆ และเราต้องยอมรับว่า รัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว คงไม่สามารถหาคำตอบให้กับทุกปัญหาได้ คนกลุ่มอื่น และภาคส่วนอื่นๆ ก็อาจจะมีคำตอบที่ดีและมีความคิดที่ดีได้ด้วยเช่นเดียวกัน

วิกฤตโควิดครั้งนี้ใหญ่และซับซ้อนมากหน้าที่ของเราจึงต้องต่อสู้ไปด้วยกัน แบบเป็นหนึ่งเดียวทั้งประเทศ เราทุกคนจะต้องเป็นทีมประเทศไทย ด้วยกันเราจะต้องหา ความร่วมมือ ดึงทุกภาคส่วนของสังคมรวมถึงกลุ่มธุรกิจ ทุกกลุ่ม ทุกคนที่มีความรู้ความสามารถและพร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศ เราต้องการคนเก่ง ที่มีอยู่มากมายในประเทศของเรา ให้มาร่วมมือกัน

นี่คือ ทีมประเทศไทย ไม่ว่าจะมาจากภาครัฐ จากมหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัยต่างๆ มาจากภาคเอกชนกลุ่มมหาเศรษฐี หรือพี่น้องประชาชนที่ยอมเสียสละตัวเอง เข้ามาร่วมกันต่อสู้ เหมือนกับที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ร่วมกับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข และอาสาสมัครมากมาย ได้เสียสละตัวเองอย่างกล้าหาญ เผชิญความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ทุกวัน เพื่อช่วยรักษาชีวิตของผู้อื่น