ทุ่ม 4,752 ล้านบาท พัฒนาระบบคลาวด์ สู่รัฐบาลดิจิทัล

รัฐบาลเดินหน้าสู่รัฐบาลดิจิทัล อนุมัติระบบจัดเก็บข้อมูลกลางภาครัฐแบบออนไลน์ เสริมความปลอดภัยฐานข้อมูลรัฐและรองรับการใช้ Big Data

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย เมื่อวันที่ 5 พ.ค.63 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud Services: GDCC) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ภายใต้กรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี ต่อเนื่อง 3 ปี พ.ศ.2563-2565 เป็นวงเงิน 3,954 ล้านบาท และจากงบประมาณกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปี 2563 วงเงิน 798 ล้านบาท รวม 4,752 ล้านบาท

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.ให้มีระบบกลางในการให้บริการจัดเก็บข้อมูลออนไลน์ (Cloud Service) สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่มีมาตรฐานปลอดภัย เป็นระบบสำรองเพื่อการกู้คืนข้อมูลกรณีเกิดภัยพิบัติ และหน่วยงานฯ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง ทันต่อความต้องการในการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่รัฐบาลดิจิทัล 2.รองรับการใช้งานการวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (Big Data) โดยสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (Government Big Data Institute: GBDI) และ 3.พัฒนาบุคลากรภาครัฐให้มีความพร้อมด้านดิจิทัล เพื่อเป็นกำลังในการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล เป้าหมายเบื้องต้น 2,500 คน เข้ารับการอบรมหลักสูตรระดับสูงขึ้นจนมีความเชี่ยวชาญด้าน Cloud computing

ทั้งนี้ โครงการฯ มีเป้าหมายการให้บริการจัดเก็บและบริหารข้อมูล มีหน่วยประมวลผลรวม (เครื่องคอมพิวเตอร์เสมือน Virtual Machine) สูงสุดจำนวน 20,000VM ซึ่งเท่ากับความสามารถในการประมวลผลCPU ของคอมพิวเตอร์ปกติ 4 เครื่อง และมีหน่วยความจำรวมอย่างน้อย 160,000 GB ซึ่งปัจจุบันนี้ ระบบที่ใช้อยู่คือ G-Cloud ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) ที่ให้บริการอยู่มีจำนวน 3,500 VM ซึ่งจะต้องโอนย้ายระบบงาทั้งหมดมายังโครงการ GDCC นี้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลฯได้สำรวจความต้องการใช้บริการ พบว่าจะมีหน่วยงานรัฐเข้าร่วมโครงการอีก100กว่าหน่วยงานระดับกรม จะมีความต้องการใช้งาน จำนวน 8,955 VM และเมื่อรวมความต้องการระดับกระทรวง จะมีความต้องการใช้งาน ทั้งหมดอยู่ที่ 18,000-24,000 VM ระหว่างปี 2563-2565

น.ส.รัชดากล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลนี้ จะทำให้รัฐบาลสามารถประหยัดงบประมาณในส่วนที่เป็นค่าเช่าCloud ของหน่วยงานต่างๆได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 59% (คิดจากราคากลางของค่าเช่า Cloud ในระยะเวลา 3 ปี)

นอกจากนี้ โครงการคลาวด์กลางภาครัฐ ยังทำให้ระบบการจัดเก็บข้อมูลของประเทศมีความมั่นคงปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลและระบบงานของทุกหน่วยงานรัฐจะถูกจัดเก็บในระบบเดียวกันที่เป็นมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยและตั้งอยู่ในประเทศ และจะมีการออกแบบระบบการเข้าถึงข้อมูลตามชั้นความลับของข้อมูลแต่ละประเภท และยังทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ข้อมูลจาก Big Data เพื่อการวางแผนและตัดสินใจ