สถานะ “พรรคใหม่” เครือข่ายทักษิณ “แคร์” ในเงาชินวัตรและ “พรรคจาตุรนต์”

ในขณะที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และนายใหญ่พรรคเพื่อไทย ถูกเชิญให้ร่วมสนทนาผ่านโปรแกรม Zoom บนฟลอร์นานาชาติ ในหัวข้อ THE POSTCOVID-19 WORLD is the corona virus pandemic reshaping the global order ?

เป็นจังหวะเดียวกับที่ พรรค-เครือข่าย”ทักษิณ” ทั้งสายตรง สายอ้อม และสายกำลังพล ในเพื่อไทยกำลังขยับ ปรับเปลี่ยน-รีสตาร์ตวาระทางการเมืองกันใหม่ หนีการเป็นฝ่ายค้านถาวร ตามสไตล์การเมืองแบบ old normal

หลังจากคดี “โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” บุตรชายของ “ทักษิณ” พ้นบ่วงคดี “ฟอกเงินกรุงไทย” แบบแฮปปี้เอนดิ้ง เพราะอัยการไม่อุทธรณ์ ภายหลังศาลอาญาคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบมีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อ 25 พ.ย. 2562

แกนหลักนายใหญ่ “ครอบครัวชินวัตร” ที่ปักหลักในเมืองไทย ไม่มีมลทินติดตัวอีกต่อไป จึงเริ่มเอ็กเซอร์ไซส์ทางการเมือง แม้ไม่มี “ตัวเล่น” ที่นามสกุลชินวัตร

แต่ไพ่ทางการเมืองยังมีอีกหลายใบ ทั้งลูกน้อง-พรรคพวกนายใหญ่ ที่พร้อมลงมือปฏิบัติการ ความเคลื่อนไหวจึงปรากฏในพรรคเพื่อไทย 3 ขา 3 ข้าง

ขาข้างแรก การประกาศตัว นัดประชุมครั้งที่ 3 เมื่อวันอังคารที่ 9 มิ.ย. ของกลุ่มแคร์ ประกอบด้วย สายตรงจากบ้านจันทร์ส่องหล้า สายตรงทักษิณ อดีตมันสมองพรรคไทยรักไทย ทั้ง นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, นายภูมิธรรม เวชยชัย, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี

พ่วงเครือข่ายนักวิชาการ นักธุรกิจกว่า 30-50 คน ที่จะประกาศเปิดตัวภายในเดือน มิ.ย.นี้ ร่นเวลาจากกำหนดเดิมที่จะเปิดตัวช่วงปลายปี

“ภูมิธรรม” ในฐานะ “ตัวเปิดเกม” ของกลุ่มแคร์ “ยืนยันว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดคณะกลุ่มผู้ห่วงใยในบ้านเมืองครั้งนี้ น่าจะมีคนใหม่ที่มีความรู้และประสบการณ์ที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้นประมาณ 30-50 คน หากได้มีการหารืออย่างเต็มที่แล้ว คาดว่าจะพร้อมเปิดชี้แจงให้สาธารณชนได้ทราบภายในสิ้นเดือนนี้ ขณะนี้กำลังเตรียมร่างคำประกาศ”

ตามท้องเรื่องแกนนำ “กลุ่มแคร์” ได้รับไฟเขียวจากบ้านจันทร์ส่องหล้าให้รวบรวมกำลังพล แต่งตัวเป็นพรรคการเมืองใหม่ ก่อนที่จะมีการต่อสายไปถึง “นายใหญ่” ที่ดูไบ ขออนุญาตแจ้งให้ทราบเรื่องการฟอร์มทีม

“ทักษิณ” ที่ประจำการอยู่ในกรุงลอนดอน ให้สัมภาษณ์ “บีบีซีไทย” ว่า “มีคนโทร.มาหาผม มาแจ้งให้ทราบ เป็นอดีต ส.ส.เก่า เขาคิดอยู่ เขามาบอกเพราะไม่ต้องการให้รู้สึกว่าแยกไปทำ โดยไม่ได้มาบอกกล่าว”

“ไม่เกี่ยวกับผม…ผมมันลอยตัวจากการเมืองแล้ว… ผมมันคนตกงานแล้ว เป็นวัย young old เป็นคนแก่ที่ยังหนุ่ม…ผมขอให้กำลังใจมากกว่า”

“อดีตไทยรักไทย” รุ่นใหญ่ วิเคราะห์ว่า จุดชี้ขาดสำคัญของกลุ่มแคร์ ที่ตั้งพรรคใหม่ใต้เงา “เครือข่ายทักษิณ” อาจหนีความเป็น “ชินวัตร” ยาก ไม่ต่างกับพรรคสำเร็จรูป “ไทยรักษาชาติ” (ทษช.) ตราบใดที่ยังมีสปอนเซอร์ คือ ผู้มีอำนาจบารมีเหนือพรรค

สอดคล้องกับนักวิเคราะห์การเมืองจากสถาบันพระปกเกล้า สติธร ธนานิธิโชติ มองว่า “พรรคใหม่ที่กำลังฟอร์มทีมอาจขายไม่ออก ถ้าขายออก ก็ต้องขายออกตั้งแต่ ทษช.แล้ว เพราะ ทษช.ก็ไม่มีอะไรโดดเด่น เห็น ๆ กันอยู่ ตอนที่ยังไม่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ก็ประมาณหนึ่งเป็นพรรคแบงก์ร้อยของพรรคเพื่อไทยเอาคนรุ่นใหม่มานำพรรคก็ไม่โดดเด่นอะไร โจทย์ใหญ่คือตั้งพรรคขึ้นมาใหม่แล้วจะทำอย่างไรให้ดีกว่า ทษช.”

ขณะที่ขาอีกข้าง เตรียมการสำหรับปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในเพื่อไทย ล้างดุลอำนาจใหม่ เพียงรอจังหวะเหมาะ “ปลดล็อก” พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้พรรคการเมืองจัดประชุมได้อย่างเต็มที่ ก็จะถึงคิวเขย่าขวดในเพื่อไทย

เริ่มมีการ “ปล่อยข่าว” ขยับโครงสร้างอำนาจ เพื่อส่งสัญญาณไปถึงขั้วเจ้าแม่ กทม. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่กำกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ถือดุลอำนาจภาพใหญ่ กำหนดทิศทางการเมือง ให้เพลา ๆ มือ

เพราะเริ่มมี ส.ส.บางส่วนถามหา “ความจริงใจ” ในการบริหารพรรค มากกว่าสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ทีมยุทธศาสตร์ต้องการจะ “ปรับลุก” ไม่ให้พรรคดูแก่ แต่ต้องทันสมัย หากความคิดดังกล่าวยังไม่ถูกใจ ส.ส. ขณะที่ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ถือดุลอำนาจอีกข้างหนึ่ง แม้จะมีการเดินสายพบปะ ส.ส.

แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าอำนาจใหญ่ในพรรคกำลังชักเย่อระหว่าง 2 ฝ่าย ทำให้ทิศทาง-การนำ ที่ออกมาไม่ชัด

มีบทสนทนาของนักการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร พูดกันหนาหูเรื่องเพื่อไทย ถูกวางเป็น “อะไหล่” ให้กับรัฐบาลพลังประชารัฐ หลัง “คดีพานทองแท้” จบแบบสวยงาม ผู้มีอำนาจในพรรคจึงต้อง “ทดแทนบุญคุณ” ทำเอา ส.ส.ในเพื่อไทย ต้องเช็กข่าวกันวุ่น ก่อนที่ “หัวหน้าสมพงษ์” จะออกแถลงการณ์สยบข่าวลือ

เพราะ “เพื่อไทย” ที่ยังเป็นไพ่อีกใบของ “ชินวัตร” ยังแนบแน่น ระหว่างกลุ่มวังบัวบาน ของ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์”ยังเชื่อมกับกลุ่มวังน้ำยม และกลุ่มกำแพงเพชร ที่พัฒนาไปเป็นขั้วการเมือง สามมิตร-กลุ่มกำแพงเพชร ในพลังประชารัฐ

ยิ่งในยุคที่ คสช.เรืองอำนาจ หลังรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 มีข่าวทั้งทางลับ ทางแจ้งว่า เจ้าแม่ กทม. เชื่อมต่อกับ “บิ๊กบราเธอร์” ในรัฐบาล คสช.

เหตุผลทั้งมวล ถูกโยงมาถึงคดีฟอกเงินกรุงไทย ที่ “บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นเก็บไว้ก่อน”

อีกหนึ่งเครือข่าย ที่แยกตัวไปจาก “ทักษิณ” กำลังฟอร์มทีมตั้งพรรคการเมืองไม่อยู่ในกำกับของตระกูล”ชินวัตร” คือ “จาตุรนต์ ฉายแสง”

“ได้ออกจากพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ ปี 2562 ในช่วงปลายปี 2561 เพื่อมาอยู่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ต่อมาพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ ตนไม่ได้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง เพราะไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค จึงยังทำงานการเมืองต่อได้”

“หลังจากการเลือกตั้ง ตนไม่ได้กลับไปพรรคเพื่อไทย และได้ใช้เวลาทั้งหมดในฐานะนักการเมืองที่ไม่มีสังกัดพรรค ในการพูดคุยกับนักการเมือง นักธุรกิจ อดีตข้าราชการ รวมถึงคนรุ่นใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนปัญหาบ้านเมือง ปรับความคิด ซึ่งบางทีก็ใช้ความรู้เหล่านี้ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเรื่อยมา จนกระทั่งมีความเห็นร่วมกันว่าจะต้องตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาอีก เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน”

“จุดคลิก” ของนักเดินทางทางการเมือง ที่จะร่วมงานกับ “จาตุรนต์” เป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่ไม่ใช่แบบเพื่อไทย และออกจากใต้ร่มเงาของ “ทักษิณ”

อย่างไรก็ตาม ยังไม่นับความเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของ “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ปรึกษาเพื่อไทย ที่ขยับมาเชียร์ “ปิติพงศ์ เต็มเจริญ” โฆษกพรรคเสรีรวมไทย

อดีต ส.ส.กทม. 3 สมัย ร่วมบุกเบิกตั้งพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน เคยมีตำแหน่งทางการเมืองเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ สมัย “นพดล ปัทมะ” เป็นรัฐมนตรี ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกฯ ของ “ชูศักดิ์ ศิรินิล”

เป็น “ลูกศิษย์” ของ “ปรีดา พัฒนถาบุตร” ผู้มีศักดิ์เป็นอาของ “พล.ท.ภราดร” ที่ได้สมญาเป็น “ครูการเมือง” ของทักษิณ

ทั้งนี้ จะไป “เซ้ง” พรรคกลาง ที่มี “ดร.ชุมพล ครุฑแก้ว” เป็นหัวหน้าพรรค “พล.ท.ภราดร” บอกว่า ทั้ง ดร.ชุมพล และ ดร.ปิติพงศ์ ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ ทันสมัย คิดใหม่ ทำเป็น นี่น่าจะเป็นตัวอย่างดี ๆ แต่ขั้นตอนที่จะไปแปลงโฉมพรรคกลาง ต้องรอให้ กกต.เปิดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดเก่า เพื่อเปลี่ยนชื่อพรรค เปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรค จากนั้นจึงตั้งชื่อพรรคใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือ

“แต่จุดยืนทางการเมืองจะต้องอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย”

การขยับทางการเมืองค่ายเพื่อไทยไพ่ทุกใบผูกโยงที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร”