อินไซด์ ปรับ-ย้าย “ขุนพลมหาดไทย” คุมฐานการเมือง ค้ำบัลลังก์ 3 ป.

การโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด 36 ตำแหน่งของกระทรวงมหาดไทย เมื่อ 14 กรกฎาคม แม้เป็นการโยกย้ายตามฤดูกาล “ตามวงรอบ” เพื่อรองรับ อธิบดี-ผู้ว่าฯ ที่จะเกษียณอายุราชการ 30 กันยายน

แต่ก็ถือว่าเป็น “วงรอบ” ที่มาเร็วก่อนกำหนด ไวกว่าโผการย้ายสลับเก้าอี้ในปี 2562 ที่เริ่มต้นในเดือนสิงหาคม

ว่ากันว่า ปัจจัยบวกที่ทำให้ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รีบเข็นโผผู้ว่าฯ ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ เพื่อจัดทัพคุมเกมเลือกตั้งท้องถิ่น จนถึงรองรับการเมืองระดับประเทศ

และยังไม่แน่ว่าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 2/2 จะมีสับกำลังระหว่าง 2 ป. “ป้อม-ป๊อก” หรือไม่ ท่ามกลางข่าวลือ ข่าวปล่อยที่ออกมาว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พี่ใหญ่ใจดีของนักเลือกตั้งทุก ๆ ขั้ว อาจนั่งเป็น มท. 1 “พล.อ.อนุพงษ์” ย้ายไปคุมกลาโหม โดยน้องเล็ก ป.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯเพียงตำแหน่งเดียว

อย่างไรก็ตาม ตลอด 6 ปีของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ มีเพียง “พล.อ.อนุพงษ์” ที่ไม่เคยสับเปลี่ยนกระทรวง สร้างฐานปั้นคนขึ้นเป็น “พ่อเมือง” ไว้เป็นมือ-ไม้ หลายคน

โดยเฉพาะข้าราชการสายสิงห์ดำ (จบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ) ที่ถูกปูพื้นอำนาจ มาตั้งแต่ก่อนการยึดอำนาจ ปี 2557 ในยุค “วิบูลย์ สงวนพงศ์” แม้จะคั่นกลางด้วยปลัด “กฤษฎา บุญราช” สิงห์ทอง (จบรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง)

แต่ก็ไม่ทำให้ความเข้มข้นของสิงห์ดำลดลงไป เมื่อ “บิ๊กฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงคนปัจจุบัน สิงห์ดำรุ่น 32 ผงาดเป็นปลัดกระทรวงตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560 เหลืออายุราชการอีก 1 ปี เขาเป็นทั้งมือไม้-แขนขา ให้กับ “พล.อ.อนุพงษ์” ทุกภารกิจ มีกลุ่มรองปลัดกระทรวงสาย “สิงห์ดำ” เป็นแบ็กอัพ คุมแต่ละคลัสเตอร์

เช่นเดียวกับไลน์อัพ การโยกย้ายพ่อเมือง 36 ตำแหน่งรอบล่าสุด “สิงห์ดำ”ก็ผงาดเข้ามาคุมแผงรองปลัด เหมือนทุกครั้ง ปรากฏชื่อในไลน์รองปลัดกระทรวงมี “ชยาวุธ จันทร” ผู้ว่าฯราชบุรี ผ่านการคุมจังหวัด มหาสารคาม อุดรธานี และราชบุรี

คนต่อมา “นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร” ผู้ว่าฯอุดรธานี เป็นรองปลัดกระทรวง ก่อนหน้านี้โยกจากผู้ตรวจราชการ ไปนั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯอุดรธานี ได้เพียง 1 ปี สไลด์มานั่งเก้าอี้รองปลัด โดยเติบโตมาจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โลดแล่นคุมจังหวัดในภาคอีสาน เช่น จ.บึงกาฬ ฐานที่มั่นการเมืองของ “ทรงศักดิ์ ทองศรี” รมช.มหาดไทย ก่อนถูกดึงเข้ามาช่วยในไลน์รองปลัด

รายต่อมาคือ “อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์” ขยับจากผู้ว่าฯตาก มาเป็นรองปลัดกระทรวง เป็นสิงห์ดำที่ใกล้ชิด “บิ๊กฉิ่ง” และคนกลุ่มนี้ถูกวางไว้เป็นทายาทในตำแหน่งอธิบดีกรมต่าง ๆ ในอนาคต

เหมือนการที่แต่งตั้ง “บุญธรรม เลิศสุขีเกษม” จากรองปลัดกระทรวง ไปเป็นอธิบดี ปภ. แทน ชยพล ธิติศักดิ์ ที่เกษียณอายุ 30 ก.ย.นี้ เช่นเดียวกับ “พรพจน์ เพ็ญพาส” รองปลัดกระทรวง ที่ไปเป็นอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นทายาท “มณฑล สุดประเสริฐ” อธิบดีคนปัจจุบันที่เกษียณอายุราชการ

ขณะที่ตำแหน่ง “พ่อเมือง” ที่ถูกขยับไปอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ เช่น “ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม” จากผู้ว่าฯเลย เป็นผู้ว่าฯปทุมธานี ซึ่งคนทั่วไปเห็นภาพในฐานะที่ ผู้ว่าฯปั่นจักรยานไปทำงาน-กวาดถนน

แต่อีกด้านหนึ่ง เขาโตมาจากสายกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ประจำการอยู่ที่ จ.นครราชสีมา พื้นที่ทางการเมืองของตระกูล “ลิปตพัลลภ” ก่อนจะเข้ามาเป็นหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี ในยุค “พล.อ.อนุพงษ์” เป็นอีกคนที่จำรายละเอียดการประชุมต่าง ๆ ป้อนให้กับ”บิ๊กป๊อก” ได้ทันทีเมื่อถูกถาม

ถัดมา “สยาม ศิริมงคล” จากผู้ว่าฯนครพนม เป็นผู้ว่าฯอุดรธานี เคยถูกจารึกว่าเป็น “พ่อเมืองที่หนุ่มที่สุด” เป็นผู้ว่าฯตั้งแต่อายุ 40 ต้น ๆ เป็นดาวรุ่ง ในไลน์สิงห์ดำ เคยช่วยงาน “พล.อ.อนุพงษ์”และ “ฉัตรชัย” ในตำแหน่ง “ผู้ช่วยปลัดกระทรวง”

ขณะที่ “วันชัย คงเกษม” จากผู้ว่าฯร้อยเอ็ด มาเป็นผู้ว่าฯสมุทรปราการ แม้ไม่ใช่ “ดาวรุ่ง” ในสายสิงห์ดำ และไม่ได้รับใช้ใกล้ชิด “พล.อ.อนุพงษ์” แต่ก็ถือว่าเป็น “มือเก๋า” ในทีมสิงห์ดำ มีคอนเน็กชั่น เครือข่ายการเมือง-นักกฎหมายเคยเป็นกุนซือให้ “สิงห์ดำรุ่นพี่” หลายคน

ขณะที่ “ไกรสร กองฉลาด” ผู้ว่าฯสุรินทร์ อีกหนึ่งสิงห์ดำ ที่ถูกย้ายไปเป็น ผู้ว่าฯนครพนม ทันทีที่ถูกปรับย้าย เขาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว หลัง ครม.มีมติว่า “เหมือนฟ้าผ่ากลางวัน ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย เฮ้ออออ”

ทว่าคนที่มานั่งเก้าอี้ “พ่อเมืองสุรินทร์” แทน คือ “สุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์” ถูกโยกมาจาก “แม่ฮ่องสอน” เป็นผู้ว่าฯสายสิงห์ทอง ที่ได้มาคุมเมืองควาญช้าง อันเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นของ “ภูมิใจไทย” ที่มี “ทรงศักดิ์ ทองศรี” มท.2 กำกับอยู่

ขณะที่ “พ่อเมือง” สาย “สิงห์แดง” (จบจากรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์) ที่ได้รับการโปรโมตในยุค “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” แห่งภูมิใจไทย เป็น มท.1 และมีบุคคลชื่อ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เป็นประธานคณะทำงาน เมื่อ 10 ปีที่แล้ว (ปัจจุบันเป็น รมว.คมนาคม) ก็ได้ฟื้นคืนชีพ กลับมาอยู่ในจังหวัดที่ใหญ่-ใกล้ศูนย์อำนาจ

ตัวอย่างเช่น “สุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ” ที่ย้ายจากผู้ว่าฯระยอง มาเป็นผู้ว่าฯนครปฐม ไม่ได้ถูกย้ายเพราะเหตุโควิด-19 ตามข่าวลือ

แต่สลับกับ “ชาญนะ เอี่ยมแสง” ผู้ว่าฯนครปฐม ที่ไปเป็น ผู้ว่าฯระยอง สายสิงห์แดงซึ่งเคยเป็นมือไม้ให้ “ภูมิใจไทย” ในยุคที่เขาเป็นผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยี ของสำนักงานปลัด ได้รับให้ทำบิ๊กโปรเจกต์มากมาย ก่อนจะไปเป็นรองผู้ว่าฯ ศรีสะเกษเช่นเดียวกับ “ทรงพล ใจกริ่ม” สายสิงห์แดงก็ขยับจากกรุผู้ตรวจราชการกระทรวงที่ถูกเก็บในยุค คสช. ก็ได้ออกไปเป็นผู้ว่าฯกาฬสินธุ์


กระนั้น ยังมีอีก 2 ลอตให้จับตา คือโผการขยับจากรองผู้ว่าฯ ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ และการย้ายสลับของรองผู้ว่าฯ เพื่อรองรับการเมืองระดับชาติ และเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นปลายปี