ทีมมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 ประกอบด้วย น้ำ-พัชรพร จันทรประดิษฐ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 พร้อมด้วย อินดี้ อินดี จอห์นสัน รองอันดับ 1, พัดชา พัดชาพลอย เรือนดาหลวง รองอันดับ 2, ออยล์ จุฑามาศ เมฆเสรี รองอันดับ 3 และโบนัส ณัฐณิชา ศรีทองสุก รองอันดับ 4 พร้อมเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นต่าง ๆ ประชาชาติธุรกิจ เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา
“หนูไม่เคยอยากทำลายประเทศ ถ้าบอกว่าหนูชังชาติ หนูก็คงอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร แล้วปล่อยให้เป็นเช่นนั้น เพราะรักชาติ ทุกอย่างมันมาจากใจ…หนูไม่เคยอยากทำให้ใครเจ็บใครโกรธเลย” น้ำ-พัชรพร จันทรประดิษฐ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 เผยความรู้สึกหลังได้รับตำแหน่ง รวมถึงการถูกวิจารณ์ด้วยถ้อยคำรุนแรงอย่างหนักจากการตอบคำถามทางการเมือง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ส่วนคำวิพากษ์วิจารณ์ถึงรูปร่างหน้า “น้ำ” บอกว่า เธอโดนมาตลอด ตั้งแต่เด็กจนอายุ 22 ปี ไม่ใช่เพิ่งมาโดนช่วงประกวด แต่ด้วยมุมมองในการรักตัวเอง รักสิ่งที่พ่อแม่ให้มา ทำให้เธอไม่สามารถรับสิ่งลบจากคนอื่นได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอรู้ตัวเองดีว่า เธอเป็นคนยังไง
“น้ำ” ยังได้แสดงมุมมองถึงความสวยในปัจจุบันว่า ความสวยไม่สามารถวัดได้จากสีผิว เพราะปัจจุบันมีเครื่องมือทางการแพทย์มากมาย ขอแค่มีเงินก็สามารถสวยได้ “ดังนั้นรักในสิ่งที่พ่อกับแม่ให้มาค่ะ”
“จากสถานการณ์ของผู้ชุมนุมขณะนี้ (19 ก.ย.) ส่อเค้าความรุนแรงยิ่งขึ้น หากคุณมีโอกาสได้พูดคุย อยากจะพูดกับฝ่ายใด ระหว่างผู้ชุมนุมหรือรัฐบาล และพูดอะไรเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น” นี่เป็นคำถามในรอบ 5 คนสุดท้ายบนเวที มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 ที่ทำให้มีการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก
ความรู้สึกของ “น้ำ” ในวินาทีที่ได้ยินคำถาม เธอนึกถึงความเป็นตัวเองก่อนอันดับแรก พร้อมบอกว่า “ทุกอย่างมาจากใจ” เพราะมองว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่เรียกตัวเองว่า “ประชาธิปไตย” ดังนั้น “ไม่ผิด” ที่จะแสดงความคิดเห็น เพราะมันคือหนึ่งในสีสันของประชาธิปไตย
“ทุกคนมีจุดยืนของตัวเอง แม้วันนี้จะไม่รับตำแหน่ง น้ำก็ยังจะแสดงความคิดเห็นเหมือนเดิม เพราะน้ำคือคนไทย เราต้องการเห็นประเทศชาติของเรามันดีขึ้น เราไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทำร้ายประเทศหรือต้องการความรุนแรง เราคือเยาวชนที่จะมีชีวิตต่อไปในประเทศนี้ และสิ่งที่เราต้องการเห็น คือ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”
ขณะที่ “อินดี้-อินดี จอห์นสัน” รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 เธอบอกว่า เธอเลือกที่จะพูดกับผู้ชุมนุม โดยมองว่า การที่เด็กรุ่นใหม่เลือกออกมาแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะอนาคตต่อจากนี้ พวกเราคือ คนที่ต้องอยู่ต่อ
เมื่อถามการขับเคลื่อนสังคมหลังจากนี้ “อินดี้” บอกว่า การที่เธอและเพื่อน ๆ มิสแกรนด์ออกมาแสดงความคิดเห็นด้านการเมืองอย่างเที่ยงธรรม และเที่ยงตรง ถือว่าเป็นการขับเคลื่อนสังคมอย่างหนึ่งแล้ว ซึ่งเธอทำมาตั้งแต่ก่อนการประกวดด้วยซ้ำ
ส่วน รองอันดับ 2 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 อย่าง “พัดชา-พัดชาพลอย เรือนดาหลวง” เธอคนนี้เลือกที่ไปพูดกับฝ่ายรัฐบาล เธอมองว่า การออกมาของประชาชนในวันนี้ เพื่อมาทวงความเป็นประชาธิปไตย ถ้าท่านเล็งเห็นถึงความคิดเห็นของประชาชนสักนิด เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น
การตอบคำถามของ “พัดชา” ที่มีคำว่า “ประชาธิปไตย” เป็นวาทกรรมที่สร้างความเกลียดชังหรือไม่ เธอมองว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงคำพูด แต่สิ่งที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงจริง ๆ คือ การกระทำ ซึ่งเธอยืนยันว่า คำว่า ประชาธิปไตย คือ สิ่งที่จะทำให้เกิดความสามัคคีกันมากที่สุด
ด้าน “ออยล์-จุฑามาศ เมฆเสรี” รองอันดับ 3 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 เธอเป็นคนเดียวบนเวทีในรอบ 5 คนสุดท้าย ที่ตอบคำถามถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ โดยเธอเลือกที่จะพูดกับฝ่ายรัฐบาล ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่ในปัจจุบัน เธออยากให้รัฐบาลหันกลับมามอง คุณภาพชีวิตของประชาชนที่ยังลำบาก และไม่มีจะกิน
“ออยล์” ยังกล่าว กับประชาชาติเพิ่มเติมด้วยว่า เธอติดตามข่าวสารมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะเธอเองก็เป็นหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบจากการค้าขายโดยตรงเช่นกัน
ขณะที่ “โบนัส-ณัฐณิชา ศรีทองสุก” รองอันดับ 4 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 เธอคนนี้เลือกที่จะพูดกับผู้ชุมนุม โดยบอกว่า ขอพูดในฐานะประชาชน เธอเห็นด้วยและสนับสนุนให้ทุกคนออกมาแสดงสิทธิ และแสดงจุดยืนของตัวเอง เพราะว่าทุกคนมีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมกัน แต่เธอจะไม่เห็นด้วย หากเกิดความรุนแรง เพราะขึ้นชื่อว่าความรุนแรง มักจะจบไม่ดีเสมอ อยากให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้ามาคุยกันด้วยสันติวิธี
การที่บุคคลสาธารณะออกมาแสดงจุดยืนทางการเมือง แต่กลับโดนฝ่ายตรงข้ามโจมตีหรือแบนผลงาน “โบนัส” มองว่า อยากให้ทุกคนเคารพการเห็นต่าง เพราะไม่มีใครที่จะมีความคิดเห็นที่เหมือนกันไปหมด โดยอยากให้รับฟังความคิดเห็นกันให้มากขึ้น และไม่อยากให้เอาความคิดเห็นกับศักยภาพมาตัดสินกัน
นอกจากนี้ ประชาชาติธุรกิจ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของทั้ง 5 สาวเกี่ยวกับการเมืองตัวอย่างเช่น ถ้าให้เลือกระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการจะเลือกข้อใด ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเธอเลือกที่จะอยู่ข้างประชาธิปไตย และเมื่อให้เลือกระหว่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กับ “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน ทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า….