“เพื่อไทย” โมเดลใหม่ ตั้งโรงเรียนประชาธิปไตย คัดนักการเมือง

ที่ประชุมเฉพาะกิจพรรคเพื่อไทย ตั้ง “ชัยเกษม” คุมคณะกรรมการการเมือง กำหนดยุทธ์ศาตร์พรรค ผุด โรงเรียนประชาธิปไตย เพาะนักการเมืองรุ่นใหม่ ยัน ไม่ส่งคนเข้าร่วมคณะกรรมการสมานฉันท์

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ที่พรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมแกนนำพรรคเพื่อไทย ประธานคณะทำงานในพรรคด้านต่าง ๆ ว่า ภายหลังจากการปรึกษาหารือกัน การเมืองเพื่อไทยมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน เราจึงกำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการการเมืองขึ้นมา 1 คณะ มีนายชัยเกษม นิติศิริ เป็นประธาน มีนายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรค พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อดีตหัวหน้าพรรค เป็นที่ปรึกษา

นอกจากนี้ ในคณะกรรมการชุดนี้จะมีคณะกรรมการบริหารพรรค คณะที่ปรึกษาของพรรค และสมาชิกพรรค ร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ด้วย โดยพรรค จะมีการประกาศแต่ตั้งคณะกรรมการชุดนี้อย่างเป็นทางการภายใน 1-2 วันนี้

ยังมีการตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่เลือกตั้ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยกำลังขยายเรื่องเขตเลือกตั้งของ ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคส่งผู้สมัคร 250 เขต แต่ต่อไปพรรคจะส่งผู้สมัคร 350 เขต จะมีการพิจารณาเขตเลือกตั้ง จะได้ตั้งหน่วยงานขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่งเพื่อไปทำหน้าที่แสวงหานักประชาธิปไตยรุ่นใหม่ เอามาอบรมให้เกิดประโยชน์ ซึ่งเราคาดว่า จะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ และเริ่มต่อยอดได้ในเดือนมกราคม ปี 2564 เป็นต้นไปได้

นายสมพงษ์ กล่าวว่า เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรมีหนังสือมายังพรรคเพื่อไทย โดยผ่านทางประธานวิปฝ่ายค้านให้เสนอบุคคลสองท่าน เข้าไปเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์ โดยที่ประชุมมีมติว่า เราคงจะไม่ส่งตัวแทนไปในคณะกรรมการชุดนี เพราะ 1. เราได้ดูองค์ประกอบแล้วยังไม่เป็นกลางพอที่เราจะร่วมได้ 2. คู่ขัดแย้งบางกลุ่มปฏิเสธในเรื่องนี้ ถ้าคู่ขัดแย้งปฏิเสธจะจบอย่างไรจึงมีมติไม่ร่วมสังฆกรรมดังกล่าว ตามที่ได้พูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้ว

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค กล่าวเสริมว่า พรรคเพื่อไทยมองว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงโดยตลอด มีมติให้ตั้งคณะกรรมการการเมือง และมติตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่เลือกตั้งขึ้นนั้น เพื่อกำหนดท่าทีและบทบาทของพรรค ติดตามสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนไป

นอกจากนี้ จะตั้งโรงเรียนเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรในพรรค รวมทั้งเชิญชวนคนภายนอกมาเป็นนักพัฒนาประชาธิปไตย และนักการเมืองรุ่นใหม่ในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่าการพัฒนาหลักสูตรโดยจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2563 และจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนมกราคม 2564 รวมทั้งเพื่อขยายฐานสมาชิกและตัวแทนประจำจังหวัดซึ่งเรายังมีไม่ครบทุกเขต

ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีการกล่าวถึงทีมงานสายคุณหญิงสุดารัตน์ คือ “คณะกรรมการดังกล่าวจะมีประมาณไม่เกิน 25 คน โดยมีประธานคณะกรรมการต่าง ๆ มาร่วมเป็นกรรมการด้วย เช่น นายนพดล ปัทมะ ในฐานะประธานคณะกรรมการ ฝ่ายกิจการสภา นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู ฝ่ายญัตติในสภามี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน จะเข้ามาร่วมทำงาน” นายประเสริฐกล่าว

โดยคณะกรรมการการเมืองกำหนดแผนงานประจำสัปดาห์ และประจำเดือน เพื่อจ่ายงานให้ ส.ส.ทำ โดยจะกำหนดวาระเร่งด่วนหรือไม่เร่งด่วน แล้วแต่สถานการณ์

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการทำงานติดตามสถานการณ์ในสภาฯ นั้น ขณะนี้มี 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งอยู่ในวาระ 2 โดยพรคเพื่อไทยแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการฯถึง 37 คน 2.ร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติ ซึ่งเราจะประเมินสถานการณ์ต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เหมือนการทำประชามติรัฐธรรมนูญปี 60 ที่จำกัดสิทธิและไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น

3.คณะกรรมการสมานฉันท์พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติไม่เข้าร่วม และ 4.สถานการณ์เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมาที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สิ้นสุดลงหรือไม่กรณีพักอยู่บ้านหลวง ซึ่งทุกคนคงทราบคำวินิจฉัยแล้ว

อย่างไรก็ตาม เรามีข้อสังเกต 2 เรื่อง คือ 1.ระเบียบของกองทัพบกว่าด้วยบ้านพักรับรองนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 2.มีการเปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้บ้านพักรับรองในภายหลังหรือไม่ ซึ่งพรรคได้มอบหมายให้ ส.ส.ไปติดตามและแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป