“ณัฐชา” ก้าวไกล เปิดหน้ากากไอโอภาค 2 ผุดฝ่ายขาว-ฝ่ายดำ 54,800 บัญชี

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์

“ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์” ส.ส.กทม.ก้าวไกล แฉกองทัพ ใช้ 2 แอปพลิเคชั่น ปั่นไอโอ แบ่งทีมขาว ทีมดำ 5 หมื่นบัญชี แบ่งแยกประชาชน ด้าน พล.อ.ชัยชาญ สวน แค่ฝึกปฏิบัติการทางทหาร

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเป็นวันที่ 4 โดย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล

โดยมีการเปิดคลิปการอบรมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มณฑลทหารบกที่ 21 เป็นการประชุมสั่งการโจมตีฝ่ายตรงข้าม มีการมอบหมายให้ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารกับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นการประชุม 17 กุมภาพันธ์ 2563 เป็น 4 วันก่อนการยุบพรรคอนาคตใหม่

แต่ขณะนั้นมีการสั่งการชัดเจนว่าจะมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ตนลุ้นจนนาทีสุดท้ายว่าจะถูกยุบหรือไม่ แต่คนในกองทัพรู้ล่วงหน้าให้เตรียมรับมือไว้ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้อย่างไร นอกจากนี้ ยังมีการกำชับว่าอย่าให้เอกสารหลุดไปถึงสื่อมวลชน โดยเฉพาะเอกสารทางการเงิน ถามว่าเอาภาษีประชาชนมาจัดการคนที่วิพากษ์วิจารณ์กองทัพใช่หรือไม่

นายณัฐชา กล่าวว่า ปฏิบัติการสร้างความเกลียดชังแผ่กิ่งก้านไปอย่างน่ากลัว มีทีมฝ่ายขาว ประชาสัมพันธ์ในแง่ดีของกองทัพ ส่วนฝ่ายดำ ใช้เพื่อโจมตี และใส่ข้อกล่าวหาไม่จงรักภักดี เน้นโจมตี ฝตข. หรือ ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งคือประชาชนและพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม มีกลไกการสั่งการผ่าน 2 แอปพลิเคชั่น ใช้ twitter broadcast ใช้ในการปั่นแทก สามารถทวิตข้อความครั้งเดียวได้เป็นร้อยเป็นพันยูสเซอร์ และ free messenger ทำงานคล้าย Line มีความเข้มข้นมากกว่า หากใครแคปหน้าจอจะรายงานไปยังผู้ควบคุม การใช้งานทั้งสองแอป มีกำหนดเป้าหมายชัดเจนว่าจะต้องมีบัญชี 54,800 บัญชีไอโอ

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล

“การกระทำอย่างนี้เป็นการกระทำที่ร้ายแรง การนำประชาชนนำคนมาแสดงความจงรักภักดี เป็นเรื่องที่ถูกต้องรัฐบาลทำได้อย่างเป็นทางการให้สมพระเกียรติไม่เป็นอะไร แต่การนำขบวนการไอโอบังคับเหล่าทหาร การมีแอปพลิเคชั่นสร้างตัวตนปลอม ๆ เป็นการกระทำมิบังควรและไม่สมควรอย่างยิ่ง” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชากล่าวว่า นี่หรือการประชาสัมพันธ์กองทัพที่บอกว่าทำอย่างสร้างสรรค์ ใชงบประมาณแผ่นดิน ใช้เวลาราชการ ใช้คนในราชการมาปฏิบัติภารกิจเหล่านี้เราสูญเสียงบประมาณไปเท่าไหร่ เพียงเพื่ออยู่ในอำนาจต่อไปต้องใช้องคาพยพขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่านี่คือการใช้งบประมาณและบุคลากรของกองทัพเพื่อป้องกันบัลลังก์อำนาจของตนเอง แบ่งแยกประชาชนเพื่อสร้างความเกลียดชังและสร้างความชอบธรรมให้กับนายกฯ และพวก

นายณัฐชา กล่าวว่า ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง แต่วันทรวงทหารไทยไล่ข่มเหง เป็นไอโอยุแยกแตกกันเอง รั้วของชาติมาข่มเหงประชาชน ฝากให้นายกฯ พิจารณา เผื่อที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ หากปล่อยให้เป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหม รังแต่จะทำลายระบอบราชการไทย สร้างวัฒนธรรมอันเลวร้ายขององค์กรต่าง ๆ ของชาติ รังแต่จะทำให้ประชาชนแตกแยก บ้านเมืองแตกเป็นเสี่ยง ๆ สถาบันครอบครัวแตกสลาย จึงไม่สามารถไว้วางใจให้บุคคลนี้เป็นองค์ประกอบหนึ่งของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยได้

ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงว่า กระทรวงกลาโหม รวมถึงนายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่มีนโยบายหรือสั่งการให้หน่วยงานใด ๆ ไปให้ร้ายบุคคล แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ในโซเชียลมีเดียมีข้อความที่เป็นเท็จ แต่คำพูดของผู้อภิปรายก่อให้เกิดความเกลียดชัง ความแตกแยก มีผลกระทบต่อสถาบัน ความสงบเรียบร้อยอันดี กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ตรงนี้มีอยู่จริงในโซเชียล

ที่กล่าวว่าทหารไปให้ร้ายประชาชน ทหารก็คือประชาชน ทำอย่างไรให้ทหารได้เรียนรู้ความเข้าใจพัฒนาทางเทคโนโลยี ติดตามสื่อต่าง ๆ ได้เท่าทัน มีสติ มีการพิจารณาที่ถูกต้องว่าข้อความในโซเชียลถูกต้อง เป็นจริงหรือไม่ จะโพสต์อะไรลงไป หรือจะส่งต่อจะต้องใช้วิจารณญาณ เพราะกระทบความมั่นคง ที่พูดถึงมีการจัดการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจสื่อโซเชียลอย่างมีประสิทธิภาพอย่างสร้างสรรค์

“บัญชีเปิดเผยชัดเจน ไม่ได้ปิด ถ้าปิดคงไม่มีรายชื่อ ไม่ได้ทำไปเพื่อให้ร้ายใคร กล่าวเหมือนมีความเชี่ยวชาญมากกว่ากองทัพเสียอีก ที่พูดถึงฝ่ายขาว ฝ่ายดำ ฝ่ายตรงข้าม เป็นลักษณะวิธีการของการเรียนรู้ ฝึกปฏิบัติการทางทหาร มิได้หมายความว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นประชาชนทั่วไป” พล.อ.ชัยชาญ กล่าว