ครึ่งหลังรัฐบาล “ประยุทธ์” ทุกขั้วตั้งพรรคสำรอง รับอุบัติเหตุการเมือง

รายงานพิเศษ

สถานการณ์การเมืองในภาพใหญ่กำลังสั่นคลอน เวทีรัฐสภาอยู่ในช่วง “ปิดเทอม” และเกมแก้รัฐธรรมนูญยังชุลมุน ภายหลังร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญถูกคว่ำในวาระ 3

ลูกผีลูกคน ระหว่างความพยายามแก้ไขรายมาตรา และการชงประชามติถามเจ้าของอำนาจขอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

พรรคร่วมรัฐบาลหลัก ๆ อย่าง พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา รวมหัวกับฝ่ายค้านและภาคประชาชน ปฏิบัติการกดดัน พรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล ให้ยอมจำนนในเกมแก้รัฐธรรมนูญ

สถานการณ์ในพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ต่างกับ “พรรคเฉพาะกิจ” เพราะเป็นการรวมตัวของกลุ่มอำนาจทางการเมืองหลายกลุ่ม-หลายขั้ว-หลายข้าง เกิดภาพชิงเก้าอี้การเมือง เปิดศึกแทงข้างหลังไม่เว้นวรรค จนฝุ่นตลบไปทั่วทั้งพรรค

บุคคล-ตัวกลางที่ยังทำให้ทุกกลุ่มในพลังประชารัฐยอมสงบศึก-พักรบ คือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พี่ใหญ่ที่สุดในรัฐบาลพลังประชารัฐ ซึ่งอยู่ในช่วงโรยรา

ด้านนอกอาคารรัฐสภาม็อบ 3 นิ้ว ก็เผชิญหน้ากับตำรวจ รุนแรงจนเลือดตกยางออก แกนนำราษฎรเจอข้อหาหนักนับไม่ถ้วน เจ้าหน้าที่รัฐตกเป็นจำเลยสังคมในการใช้ความรุนแรงกับประชาชน

ในขณะเดียวกัน แม้ว่าเก้าอี้ผู้นำประเทศของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะเข้มแข็งและมั่นคงในทางการเมือง ทั้งเสียง-จำนวนมือในรัฐสภา ที่มี ส.ว.250 คนค้ำบัลลังก์ และพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังไม่กล้าแตกแถว หวั่นเกมล้มกระดานเลือกตั้งใหม่ ในจังหวะที่ทุกฝ่ายยังไม่พร้อม

แต่ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน โดยเฉพาะครึ่งหลังของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่กำลังจะผ่านพ้น 2 ปีแรก หลังวันที่ 24 มีนาคมนี้

จับตาพรรค 3 ป.

ดังนั้น สถานการณ์การเมืองจึงขมวดเข้าสู่ช่วงไคลแมกซ์สำคัญในนาทีที่อ่อนไหว พรรค-พวกที่พร้อมที่สุด สำหรับยุทธวิธีการถอย-การรุกทางการเมือง คือ 3 ป. บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ-บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

จึงพบร่องรอย “ข่าวลือ” ที่ลืออย่างหนักช่วงชั่วโมงอ่อนไหว คือการก่อตั้งพรรคใหม่ ภายใต้ชื่อพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” โดยมี “บิ๊กฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่กำลังจะอำลาจากตำแหน่ง เกษียณอายุราชการ สิ้นเดือนกันยายนนี้ มาเป็นเลขาธิการพรรค

ก่อนหน้านี้หลายเดือน มีข่าวสะพัดในกระทรวงมหาดไทย ที่ว่ากันว่า “บิ๊กฉิ่ง” ได้ให้ลูกน้องนักปกครองคนสนิท ไปค้นกฎหมายพรรคการเมือง เตรียมตัวสำหรับตั้งพรรคใหม่

เครือข่ายของ “บิ๊กฉิ่ง” ถือตั๋วสิงห์ดำคอนเน็กชั่น มีขุมข่ายตั้งแต่อีลีตระดับบน ไปจนถึงผู้ว่าฯ นายอำเภอ รุ่นน้องที่วางเครือข่ายกันมาอย่างแน่นปึ๊ก เสริมบารมีของ 3 ป.อยู่ข้างหลัง เป็นอะไหล่การเมืองได้อย่างดี

เพราะตลอดเกือบ 7 ปีที่ “พล.อ.อนุพงษ์” คุมกระทรวงมหาดไทย และมี “บิ๊กฉิ่ง” เป็นลูกมือในฐานะปลัดกระทรวงเกือบ 4 ปี นอกจากสิงห์ดำ (รัฐศาสตร์ จุฬาฯ) ที่ผงาดคุมจังหวัดใหญ่ ๆ ก็มีเครือข่าย “อนุพงษ์” ที่คุมมหาดไทยยกแผง

อีกทั้ง 20 มีนาคมที่ผ่านมา ในงานวันเกิดนางเตือนใจ จรัสเสถียร มารดาของเสี่ยโจ้ “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ส.ส.มหาสารคาม เพื่อไทย ที่ครบอายุ 70 ปี

“บิ๊กฉิ่ง” ยังปรากฏตัว นำหัวหน้าส่วนราชการ-นักปกครอง อาทิ นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผวจ.มหาสารคาม นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัตน์ ผวจ.สกลนคร ท่ามกลางชาวบ้านที่มาร่วมงานนับพันคน

กลายเป็นอีเวนต์การเมืองที่ทุกฝ่ายต้องจับตามองมาที่ “บิ๊กฉิ่ง” บนกระแสข่าวเป็นพ่อบ้านพรรคสำรองของ 3 ป.ที่หนาหูขึ้นเรื่อย ๆ

สอดรับกับข่าวหัวขบวนฝ่ายอนุรักษนิยม “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” หัวหน้ากลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อสัปดาห์ก่อน (19 มีนาคม) ว่า ข่าวดีครับ…ผมได้รับใบรับคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองจาก กกต.แล้วครับ

“เท่ากับว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะมีพรรคไทยภักดี เป็นหนึ่งในพรรคการเมืองของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เราจะไม่ขอเป็นทางเลือกแต่เราจะเป็น #ทางออกของประเทศไทย”

เพื่อไทยล้างไพ่เด็กเจ๊

ขณะที่พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคฝ่ายค้าน แม้ไม่ตั้งพรรค แต่ก็อาศัยจังหวะปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร เคลียร์ล็อกที่ยังไม่ลงตัว หลังจากเปลี่ยนขั้วอำนาจภายใน

จากก๊วน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่ กทม. หัวหน้ากลุ่มสร้างไทย มาเป็นทีมกลุ่มแคร์ ลูกคู่ของ “พี่โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร

ทว่า…นาทีนี้ เจ้าแม่ กทม.ขยันลงพื้นที่อย่างหนักหน่วง นำร่องเปิดเส้นทางสร้างไทย บนข่าวลือที่ว่า พรรคการเมืองที่มี “คุณหญิงสุดารัตน์” กุมบังเหียนจวนจะได้การรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เต็มที แม้ว่ายังหวังใช้ชื่อ “พรรคสร้างไทย” ตามชื่อกลุ่ม

สร้างความระทึกขวัญให้กับหมู่มวลพรรคเพื่อไทย ที่มิอาจนิ่งเฉย หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เมื่อคว่ำวันที่ 17 มีนาคม ปรากฏ 26 ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ไม่โหวตตามมติฝ่ายค้าน

จนพรรคต้องรีบสอบปากคำเหตุใดถึงกล้าสวนมติ ทำให้ “อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” รองหัวหน้าพรรค ฉวยโอกาสนี้ “ดักทาง”พรรคเกิดใหม่ห้าม “ตกปลาในบ่อเพื่อน” แม้ไม่เอ่ยชื่อแต่ทั้งก๊กรู้ว่าพรรคใหม่ของใคร

ในช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภา ทีมผู้บริหารใหม่พรรคเพื่อไทย เตรียมพิสูจน์ความจริงใจ-จับตาดูความร่วมมือส.ส.ที่เคยปักหลักอยู่กับกลุ่มเจ้าแม่ กทม. ไม่ว่าเขตพื้นที่ กทม. หรืออีสาน ส่งสายสืบลงไปมอนิเตอร์ถึงพื้นที่ใครทำงาน-ใครเกียร์ว่าง

บุคคลในเครือข่ายสายเจ๊ ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ และเสี่ยงถูกคัดชื่อทิ้งจากการลงเลือกตั้งครั้งหน้าจึงมีอยู่ 2 จำพวก

พวกแรกที่แสดงเจตนาชัดเจนว่าอยู่เคียงข้างเจ้าแม่ กทม.ในการลงพื้นที่หาเสียง แม้ตัวยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย

พวกสอง พวกที่ยัง “แทงกั๊ก” ดูทิศทางลม ยังเก้ ๆ กัง ๆ และไม่ค่อย active ในพื้นที่

ส่งตัวสำรองลงวอร์ม

มีรายงานว่า ส.ส.ในเครือข่ายคุณหญิงสุดารัตน์บางรายถึงขั้นไปยืนยันกับแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า ได้ไปแจ้งต่อคุณหญิงแล้วว่า “ขออยู่พรรคเพื่อไทยที่เดิม” เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ในที่จะอยู่ทำงานกับเพื่อไทยต่อไป

ตอนนี้ ส.ส.เพื่อไทย ที่เคยอยู่ในคาถาของ “คุณหญิงสุดารัตน์” จึงอยู่ในภาวะ “ดวงชง” ทางการเมือง เพราะนอกจากพรรคเพื่อไทย ส่งสายสืบคอยเช็กผลงานแล้ว ยังส่ง “ตัวสำรอง” ลงทำพื้นที่กันล่วงหน้า

เพราะทีมผู้บริหารพรรคประเมินสถานการณ์ว่า หากพรรคเพื่อไทยนิ่งนอนใจ และไม่ส่ง “ตัวสำรอง” ลงไปวอร์มข้างสนาม หากถึงทีอุบัติเหตุการเมือง ต้องมีการเลือกตั้งกะทันหัน แล้ว ส.ส.เครือข่ายคุณหญิงสุดารัตน์ย้ายพรรคขึ้นมา จะไม่มีตัวตาย-ตัวแทน

“เรากำลังหาว่าใครจะไปบ้าง เพราะถ้าไม่เตรียมตัว กลับตัวไม่ทันก็จะเป็นปัญหา เพราะเกี่ยวกับไพรมารี่โหวตด้วย ถ้าไม่ส่งก็ไปไม่ได้เลย ต้องสำรองไว้ เรามองเฉพาะคนที่คิดว่าจะไป” แหล่งข่าวกล่าว

เพราะตามกฎหมายเลือกตั้ง 2560 บังคับว่า ส.ส.ต้องมาจากการเลือกตั้ง “ไพรมารี่” จากสมาชิกพรรคในพื้นที่ และยังต้องเคลียร์คนในการทำพื้นที่เลือกตั้ง ส.ก. ส.ข.ในเร็ว ๆ นี้อีก

เจ๊หน่อยโหมอีเวนต์การเมือง

ส่วนคู่กรณีกลุ่ม “สร้างไทย” ของ “คุณหญิงสุดารัตน์” ที่ขอยื่นจดทะเบียน “พรรคสร้างไทย” กับ กกต. แต่ปรากฏว่ามีมือลึกลับจากพรรคเพื่อไทยไปชิงจดตั้ง “พรรคสร้างไทย” ไปก่อน จึงต้องปรับแผนใช้ชื่อ “พรรคไทยสร้างไทย”

ความคืบหน้า ขณะนี้ยังรอการรับรองจาก กกต. และใช้ “บ้านลาดปลาเค้า” ของเจ้าแม่ กทม.เป็นฐานบัญชาการ กำหนดทิศทางทางการเมืองชั่วคราว โดยมีขุนพลข้างกาย โภคิน พลกุล วัฒนา เมืองสุข พงศกร อรรณนพพร ต่อพงษ์ ไชยสาส์น

“เจ้าแม่ กทม.” ขยันลงพื้นที่ ปักหมุดเคมเปญ “สู้เพื่อคนตัวเล็ก” เน้นหนักปัญหาปากท้อง จัดอีเวนต์การเมืองทุกสัปดาห์ ควบคู่กับปมแก้รัฐธรรมนูญ และการแก้ปัญหายาเสพติด

อย่างไรก็ตาม แม้ “ไทยสร้างไทย” มีขุมกำลังในมืออยู่บ้าง แต่ก็เป็นจำพวก “อดีต ส.ส.” เพราะกลุ่มที่เป็น ส.ส.ยังฝังตัวในพรรคเพื่อไทย ณ นาทีนี้ ส.ส.ในค่ายหลายคนยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจ รอดูท่าทีว่าพรรคใหม่ของลูกพี่เวิร์ก-ไม่เวิร์ก ดังนั้น ตัว ส.ส.ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย

บรรดา ส.ส.ในค่ายเจ้าแม่ กทม.ก็ต้องยอมรับสภาพการ “ถูกบีบ” จากหัวขบวนพรรคเพื่อไทยให้เร่งแสดงความชัดเจน

สร้างไทย พรรคจาตุรนต์

ขณะเดียวกันยังปรากฏเงาพรรคใหม่ของ “จาตุรนต์ ฉายแสง” อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ที่ว่ากันว่าใช้ชื่อพรรค “เส้นทางใหม่”

เมื่อ “เศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์” อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ประกาศถอยห่างจาก “ทักษิณ ชินวัตร” และพรรคเพื่อไทยอีกราย พร้อมเผยว่าจะไปสังกัดพรรคชื่อว่า “เส้นทางใหม่”

“30 ปีในทางการเมือง ผมยืนหยัดในแนวทางและอุดมการณ์ทางการเมือง ที่ผมเชื่อมั่นมาตลอดชีวิต การเมืองผมเริ่มจากพรรคความหวังใหม่ ย้ายมาอยู่ตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาเป็นเพื่อไทย เพราะเชื่อมั่นว่าพรรคการเมืองนี้จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีผู้นำที่มีความสามารถ และผมก็จะทำประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวมได้…”

สถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน มีหลายปัจจัยที่ทำให้เขาต้องคิดใหม่ ทำใหม่ “ผมได้ตัดสินใจแล้วครับว่าจะลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ คงต้องหาวันไปยื่นใบลาออก และลาผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมเคารพ โดยเฉพาะบุคคลที่ผมรัก เคารพและศรัทธา คือท่านทักษิณ ชินวัตร”

“ส่วนพรรคการเมืองใหม่ ใครจะเป็นหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค เมื่อถึงเวลาจะแจ้งให้ทุกท่านทราบต่อไปครับ”

อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันว่า เสี่ยเอ-เศกสิทธิ์ แนบแน่นกับ “จาตุรนต์” มาตั้งแต่พรรคความหวังใหม่ ไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงเพื่อไทย ก่อนที่ “เศกสิทธิ์” จะพ้นวงโคจร ส.ส. เพราะผลกระทบจากเขตเลือกตั้ง จ.ร้อยเอ็ด ที่มีจำนวนลดลง

แต่กระนั้น เขาได้เตรียมตั้งสาขา-ที่ทำการพรรคในจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเฟซบุ๊กของ “เศกสิทธิ์” Seksit Vainiyompong ก็โพสต์กิจกรรมของ “จาตุรนต์” เป็นระยะ พร้อมกับเปิดตัวโลโก้ของพรรคตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ซึ่งวันนั้นยังไม่มีการเปิดเผยชื่อพรรค

ด้าน “จาตุรนต์” เปิดเผยว่า “ขณะนี้ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคดังกล่าว แต่มีพรรคพวกไปจดไว้กับ กกต. ส่วนจะใช้ชื่อพรรคเส้นทางใหม่หรือไม่ ยังต้องคุยกรรมวิธีกันก่อน เพราะยังอยู่อีกหลายขั้นตอน เดี๋ยวขั้นตอนมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบ”

ส่วนที่มีการระบุว่าเตรียมจัดประชุมใหญ่พรรคเดือนมิถุนายนนี้นั้น “จาตุรนต์” กล่าวว่า “มีทีมที่ทำกันอยู่ ผมยังต้องฟังคนวางแผนอีกครั้ง”

ทุกฝ่ายต่างเตรียมพร้อมกับความไม่แน่นอนในช่วง 2 ปี ครึ่งหลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์