ประยุทธ์ นับถอยหลัง ยุบสภา กดปุ่ม 18 เดือน พรรครัฐบาลลงพื้นที่หาเสียง

ปี่กลองการเลือกตั้งโหมโรงขึ้นดังกระหึ่ม “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี “เป่านกหวีด” หัวหน้าพรรคแกนนำ-พรรคร่วมรัฐบาล ลงพื้นที่ฐานเสียง-เก็บคะแนนนิยม ส่งสัญญาณยุบสภาก่อนครบวาระในอีก 18 เดือนข้างหน้า

“พล.อ.ประยุทธ์” ปักธงลงพื้นที่อย่างแข็งขัน เพื่อติดตามเมล็ดพันธุ์นโยบายของรัฐบาลที่หว่านไถลงไป เริ่มจากใน “พื้นที่ฐานเสียง” รัฐมนตรี-ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ

ปฏิเสธได้ยากว่าเอฟเฟ็กต์ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่งผลให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องปรับตัวเข้าหา ส.ส.พลังประชารัฐมากขึ้น ไม่สามารถลอยตัวอยู่เหนือ ส.ส. ทิ้งภาระให้กับ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค แต่เพียงผู้เดียวได้

เพราะลำพัง 250 ส.ว.แต่งตั้ง “หนุนหลัง” ไม่สามารถค้ำยันเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ “พล.อ.ประยุทธ์” จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องลงพื้นที่ หลังจากได้คะแนนลงมติไม่ไว้วางใจ “มากที่สุด”

เริ่มจากเมืองปากน้ำ-สมุทรปราการ ฐานเสียง “นายกฯตู่” แห่งบ้านใหญ่อัศวเหม ซึ่งขณะนี้น้ำท่วมหนัก-ประชาชนก่นด่านักเลือกตั้งดังระงม

ต่อด้วยจังหวัดชัยนาท ที่มี “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และจังหวัดชลบุรี ที่มี “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี-รมว.แรงงาน เป็น “เจ้าของพื้นที่”

หลังจากนี้ “ทีมงานตึกไทย” จะพิจารณาจังหวัดลงพื้นที่เป็นรายสัปดาห์ อาจจะพุธกับศุกร์ หรือเสาร์เว้นอาทิตย์-อาทิตย์เว้นเสาร์ ตามช่วงเวลาที่เหมาะสม เริ่มจากพื้นที่ใกล้ ๆ กรุงเทพมหานคร เช่น จังหวัดปริมณฑล และจังหวัดภาคกลาง

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ “แพ (เกือบ) แตก” หลังเกิด “ฟ้าผ่า” กลางมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ขับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เหรัญญิก พ้นจากคณะรัฐมนตรี

พล.อ.ประวิตรต้องเข้ามาเก็บกวาด “รอยร้าว” และยอม “กลืนเลือด” ไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก เก็บ “ร.อ.ธรรมนัส” ไว้ใช้งาน ไม่หยิบยื่นศาตราวุธให้ศัตรู

ยังแต่งตั้ง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา “น้องรักบิ๊กป้อม” มาเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค หย่าศึกกลุ่ม-ก๊วนภายในพรรค ตั้งเป้าหมาย กวาดเก้าอี้ ส.ส. 150 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า

และกวาดต้อนงูเห่าจากพรรคเพื่อไทย-พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี ซึ่งมีสิทธิ์ถูก “ขับออกจากพรรค” เข้ามาร่วมชายคาพรรคพลังประชารัฐ หรือ “ฝากเลี้ยง” ไว้กับพรรคภูมิใจไทย

แกนนำพลังประชารัฐรายหนึ่งประเมินความเป็นไปได้ 150 ที่นั่ง ว่า “เหนื่อย” ไม่ใช่เรื่องง่าย กติกาการเลือกตั้งใหม่-บัตรสองใบ พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์ แต่กติกาเดิม-บัตรใบเดียว แกนนำเพื่อไทย-ขุนพลทักษิณ “ตายหมู่” ไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้แต่คนเดียว

“การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นโอกาสให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยได้มารวมตัว แสดงพลังกันอีกครั้ง ขุมกำลังของพรรคเพื่อไทยจะเดินกลับเข้ามาสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเป็นปึกแผ่น จากเดิมต้องแตกแบงก์”

ส่วนโอกาสของพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้กติกาเลือกตั้งบัตรสองใบ จะมีหรือไม่ แกนนำพลังประชารัฐรายเดิมวิเคราะห์ว่า โอกาสเดิมมีแล้ว (บัตรเลือกตั้งใบเดียว) แต่ไปสร้างโอกาสให้คนอื่น

การ “ไฟเขียว” แก้กติกาเลือกตั้งใหม่-บัตรเลือกตั้งสองใบ จึงเปรียบเสมือนพรรคพลังประชารัฐส่งลูกบอลคืนหลัง-คืนความได้เปรียบจากกติกาที่ออกแบบมาเพื่อพวกเรา แต่ไปไม่ถึงผู้รักษาประตู จนถูกพรรคเพื่อไทย-คู่แข่งขันยิงเข้าเป็นประตูชัย

ไม่ต่างอะไรกับการ “ทุบหม้อข้าวตัวเอง” เพราะพรรคเล็ก-พรรคอะไหล่-พรรคสำรอง นั่งร้าน 3 ป. อาจต้องยุติบทบาท “พรรคปัดเศษ”

ผู้อาวุโสแห่งพรรคพลังประชารัฐวิเคราะห์ว่า หลังจากนี้ รัฐมนตรี-ส.ส.ของพลังประชารัฐจะลงพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมการยุบสภา-เลือกตั้งอย่างเร็วไม่เกินปี’65 หลังจากผ่านงบประมาณปี’66-กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ คาดว่าไม่เกินเดือนธันวาคม 2565 ยุบสภาก่อนครบวาระในเดือนมีนาคม 2566

ด้านประชาธิปัตย์ “ออกตัวแรง” ลงพื้นที่ก่อนเพื่อน ตีปี๊บผลงาน-ตีตราจองนโยบายรัฐบาล “ติดปลายนวม” ด้วยการ “เปิดตัว” ผู้สมัครรับเลือกตั้งเกือบจะครบทุกเขต โดยตั้งมั่นกวาดทุกจังหวัดยกทีม กู้วิกฤต “พรรคต่ำร้อย”

โดยเฉพาะการรุกคืบพื้นที่ภาคใต้-ฐานที่มั่นเดิม “พรรคสะตอ” ที่ถูกพลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย เจาะไข่แดงจนเหลือเพียง 22 ที่นั่ง จากทั้งหมด 50 เขต

รวมถึงการหมายมั่นปั้นมือส่งผู้สมัคร ส.ก. 50 เขต และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อพลิกเกม ส.ส.กทม. มีตัวเลขเป็นศูนย์ เพื่อลบอดีตที่ตามมาหลอกหลอน

นอกจากถ่ายเลือดเก่า-ผสมเลือดใหม่ ประชาธิปัตย์ยังได้ต้อนรับ อดีต ส.ส.สามจังหวัดชายแดนภาคใต้-ศิษย์เก่าประชาธิปัตย์ หลังออกจากบ้านไปซบ “พรรคลุงกำนัน” รวมพลังประชาชาติไทย

การเลือกตั้งครั้งต่อไป ภายใต้กติกาใหม่-บัตรเลือกตั้งสองใบ หากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง-เดดล็อกรัฐธรรมนูญ ยังไม่สามารถการันตีได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์-พรรคพลังประชารัฐ จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหรือไม่