“พีระพันธุ์” สืบทอดเจตนารมย์ 3 ป. สร้างพลังประชารัฐ

“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” จากตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สู่กุนซือหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐประกาศสืบทอดภารกิจเจตนารมณ์ทางการเมืองของเครือข่ายอำนาจ 3 ป.

หลังเข้าสู่ตำแหน่ง 72 ชั่วโมง พีระพันธุ์ เปิดใจ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภารกิจใหม่และปักหมุดหมายทางการเมืองให้กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า

Q : บทบาทในพรรคพลังประชารัฐ ?

พล.อ.ประวิตร ให้ช่วยดูทุกเรื่อง

Q : ตอนเป็นคนนอกมองเข้าไปในพรรคพลังประชารัฐ เรื่องใดเป็นเรื่องเร่งด่วน ?

เรื่องโครงสร้างและเรื่องหลักการทำงาน ไม่ใช่โครงสร้างบริหาร แต่เป็นโครงสร้างการทำงานและศึกษาการแก้ปัญหาของประเทศและประชนในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านกฎหมาย ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรม เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายของพรรค

ขณะเดียวกันก็ต้องมีโครงสร้างในการแก้ปัญหาหรือดูแลพื้นที่และประชาชน ซึ่งจะเป็นรูปแบบและแนวทางในการทำงานทางการเมืองต่อไป เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ส.ส. ไม่สามารถทำอะไรได้เองเหมือนกันสมัยก่อน

แต่ ส.ส.สามารถรับเรื่องร้องเรียนของประชาชนจากการลงพื้นที่ โดยมีโครงสร้างการทำงานของพรรคในการแก้ปัญหาแบบรวมศูนย์ เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์หรือปรับปรุงแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างเป็นระบบในเชิงการเมือง

อย่างไรก็ตาม การทำงานของพรรค หรือ ส.ส. ก็ต้องมีอะไรที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลได้ เช่น การทำงานของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี มีเรื่องอะไรที่เป็นประโยชน์กับชาวบ้านในพื้นที่ ส.ส. ก็ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์เพื่อให้ชาวบ้านรับรู้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ส.ส. ไปพบปัญหาเรื่องอะไรมาก็สามารถประสานงานกับรัฐบาล หรือ สะท้อนปัญหาได้ เพื่อนำไปเป็นนโยบายต่าง ๆ ของพรรคต่อไป

“ที่ผ่านมายังไม่มีการทำงานในลักษณะนี้ ยังไม่เห็นโครงสร้างของการทำงานกับประชาชนในลักษณะเชิงของพรรคที่จะสามารถกำหนดทิศทางต่าง ๆ ได้ ที่เห็นส่วนใหญ่เป็นโครงสร้างการบริหารพรรค ยังไม่มีโครงสร้างการทำงานกับประชาชน กับรัฐบาล ถ้าไม่ทำก็จะไม่ใช่รูปแบบการทำงานของพรรคการเมือง”

Q : ระบบโควตารัฐมนตรีของพรรคยังไม่ตอบโจทย์ ?

ไม่ใช่ ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของโครงสร้างบริหารพรรค ผมไม่ได้มีปัญหากับเรื่องโครงสร้างบริหารพรรค แต่สิ่งที่ผมจะทำ คือ โครงสร้างในการทำงานทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องรัฐมนตรี ไม่เกี่ยว

Q : ประสบการณ์การพลิกฟื้นองค์กรขนาดใหญ่-ฟื้นฟูบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มองเข้าไปในพรรคพลังประชารัฐเห็นปัญหาทะลุปรุโปร่ง ?

แตกต่างกัน เป็นเรื่องการเมือง ละเอียดอ่อนกว่าเยอะ ต้องหารือกับหัวหน้าพรรคก่อน

Q : แต่มีแผนพลิกฟื้นพลังประชารัฐอยู่ในหัวแล้ว ?

ใช่ ผมคิดว่าต้องมีการทำงานในเชิงการทำงาน ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องโครงสร้างบริหารจัดการพรรค สิ่งที่ผมพูดจะเป็นประโยชน์ที่จะได้กับพรรคในทางการเมือง ขณะเดียวกันประชาชนก็ได้ประโยชน์ด้วย

Q : ยากกว่าการฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทย ?

ยากกว่า ตรงนี้มัน Complicate เพราะเป็นการเมือง

Q : การเข้าไปออกแบบโครงสร้างการทำงานของพรรคให้เกิดประโยชน์กับพลังประชารัฐและประชาชนในช่วงเวลานี้ ก่อนการเลือกตั้งในอีก 18 เดือนข้างหน้า เป็นไทม์มิ่งที่ถูกที่ถูกเวลา ?

ต้องเกี่ยวกันอยู่แล้ว เพราะเราเป็นพรรคการเมือง เมื่อเราเป็นพรรคการเมือง นโยบายก็ต้องลิงก์กับประชาชนให้ได้ ตอบสนองกับปัญหาของประชาชนให้ได้โดยตรง

Q : โครงสร้างบริหารพรรคพลังประชารัฐที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ตอบโจทย์เพียงการแก้ปัญหาการเมืองภายในพรรค ?

ผมไม่ยุ่ง แต่สิ่งที่ผมจะสร้างให้คือตรงนี้

Q : เป้าหมายเพื่อดึงกระแสของพรรคพลังประชารัฐให้กลับขึ้นมาอีกครั้ง ?

เป้าหมาย คือ ต้องสร้างพรรคพลังประชารัฐให้เป็นสถาบันทางการเมืองและเป็นพรรคหลักของประเทศต่อไปในการค้ำจุนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน

“เราไม่ไปเปรียบเทียบกับใคร (พรรคประชาธิปัตย์) แต่จะต้องทำให้เป็นสถาบันหลักทางการเมืองให้ได้ เป็นสถานบันหลักในการค้ำจุนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน”

Q : เป็นม็อตโต้เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าไปทำงานในพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ ?

ใช่

Q : ถือเป็นงานที่ท้าทาย ?

ใช่ ต้องมีแนวทางและนโยบายที่จะสร้างความเป็นธรรมกับสังคม ความเสมอภาค ความเจือจุนซึ่งกันและกัน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการเมืองให้มากที่สุด สำคัญที่สุด คือ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม

Q : เป็นสิ่งที่คิดจะทำตั้งแต่อยู่พรรคประชาธิปัตย์ ?

เป็นความคิดผม ไม่ใช่เป็นเพราะผมอยู่ที่ไหน ผมคิดว่าบ้านเมืองต้องเดินหน้าไปอย่างนี้ ผมคิดว่า สังคมอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีความยุติธรรม ความเสมอภาค แต่สิ่งที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ คือ พรรคการเมือง แต่ไม่ใช่การให้ความสำคัญในเรื่องการเมือง ความเสมอภาค ความเจือจุน ไม่ใช่เรื่องทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของความเป็นอยู่และสังคม

Q : ถ้าคุยกับนักเลือกตั้งมองเป้าหมายทางการเมือง คือ การชนะเลือกตั้ง ทำไมมองต่างกันออกไป ?

ผมมองว่า เป้าหมาย คือ ทำให้สังคมอยู่กันได้ด้วยความสุขและความเป็นชาติของเราอยู่ยั้งยืนยงต่อไป ให้ลูกให้หลาน ไม่ใช่เรื่องความอยู่รอดของพรรคการเมือง แต่พรรคการเมืองต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้กับชาติบ้านเมือง ให้กับคนไทยและประเทศไทย

Q : เป็นสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐยังขาดอยู่ ?

ไม่ทราบ แต่ผมเข้าไป ผมจะทำให้ได้

Q : ให้เวลากับตัวเองนานขนาดไหน ?

ผูกมัดไม่ได้ ไม่สามารถกำหนดเวลาได้ แต่จะพยายามทำให้ได้ ซึ่งผมเชื่อว่า เป็นเป้าหมายและเจตนารมณ์ของทั้ง 3 คน (พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์) ที่ต้องการให้มีพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมือง

Q : เป็นจ็อบดิสคริปชั่นที่ได้รับมาจาก 3 ป.?

ท่านไม่ได้มาพูดกับผมแบบนี้ แต่ที่ผมพูดคุยกับท่าน สื่อกับท่านมา ผมเชื่อว่า นี่คือ แนวทางและความคิดของท่าน ท่านไม่ได้ต้องการตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อเป็นฐานอำนาจ ท่านไม่ได้การอำนาจทางการเมือง ท่านไม่ได้ต้องการตั้งมาเพื่อเป็นพรรคเฉพาะกิจ แต่เพราะท่านต้องทำงานเพื่อบ้านเมืองและต้องการให้พลังประชารัฐเป็นพรรคที่จะสร้างสิ่งเหล่านี้ให้กับบ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อตัวท่าน แต่เพื่อบ้านเมืองและประชาชน

Q : ไม่ต้องการทำพรรคการเมืองชั่วครั้งชั่วคราว หรือเป็นพรรคเฉพาะกิจ แต่ต้องการทำให้พลังประชารัฐเป็นสถาบันทางการเมืองให้อยู่ถาวรเพื่อบ้านเมือง ?

ใช่