เลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา-ชุมพร พปชร.-ปชป. คนละครึ่ง พรรคกล้า หวังล็อกถล่ม

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญส่งผลใน “ทางตรง” ให้ 5 แกนนำอดีต กปปส. พ้นสถานะความเป็น ส.ส. ขณะเดียวกันส่งผลใน “ทางอ้อม” ให้เก้าอี้ ส.ส.จังหวัดสงขลา เขต 6 และ ส.ส.จังหวัดชุมพร เขต 1 ต้อง “ว่างลง”

45 วันเป็นอย่างน้อย-ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2565 การเลือกตั้งซ่อม สงขลา เขต 6-ชุมพร เขต 1 จะ “ระเบิดศึกขึ้น” เช็กกระแส-วัดเรตติ้งพรรคการเมืองฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล และภายในขั้วพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ต้นปี 2566

45 วันหลังจากนี้ สปอตไลต์ทางการเมืองจะฉายส่องไปที่การ “เปิดศึก” ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล-พลังประชารัฐ กับประชาธิปัตย์ (อีกครั้ง)

พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ “แชมป์เก่า” จังหวัดสงขลา เขต 6 จะส่ง “สุภาพร กำเนิดผล” รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ภรรยา “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ “สมัยแรก” รักษาแชมป์ แทน นายถาวร เสนเนียม

ขณะที่จังหวัดชุมพร เขต 1 นายอิสรพงษ์ มากอำไพ เลขานุการนายก อบจ.ชุมพร เป็นหลานภรรยาของนายชุมพล ลงสมัคร “ป้องกันแชมป์” ให้ “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส

พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ “รองแชมป์” เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 การเลือกตั้งซ่อมจังหวัดชุมพร เขต 1 เที่ยวนี้ อาจจะ “หลีกทาง” ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ แชร์เสียง “คนละครึ่ง”

นอกจากสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง พล.อ.ประวิตร กับ “ลูกหมี” แล้ว ยังเป็น “สัญญาใจ” ก่อนที่ “อดีตแกนนำ กปปส.” จะซบพรรคพลังประชารัฐทั้งคน-ทั้งแต้ม เพื่อกลับมาเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้ง (ใหญ่) ครั้งถัดไป

ขณะที่การเลือกตั้งซ่อม จังหวัดสงขลา เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ จะส่ง “อนุกูล พฤกษานุศักดิ์” กรรมการ กรรมการบริหาร และ Price Strategist บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) ลูกของ“หัวคะแนนเก่า” นายถาวร ลงสมัคร

“ในเขตเลือกตั้ง ผม น้อง ๆ ทั้งสองฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ก็มีผู้สมัครที่เสนอตัวผ่านกระบวนการของพรรคแล้ว พรรคพลังประชารัฐก็เป็นลูกของหัวคะแนนเก่าผม ลูกของคุณอนันต์ก็รักกัน เคารพกัน รักใคร่ชอบพอกันทั้งครอบครัว” นายถาวรกล่าว

สำหรับ “คะแนนดิบ” ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ได้แก่ นายชวลิต อาจหาญ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 ชุมพร ได้คะแนนเป็นอันดับสอง 32,219 คะแนน

นายสมปอง บริสุทธิ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 6 สงขลา ได้คะแนนเป็นอันดับสอง 19,317 คะแนน

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองพรรคฉีกมารยาททางการเมือง-พลังประชารัฐ ส่ง “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ชนะ “พงศ์สินธ์ เสนพงศ์” ในการเลือกตั้งซ่อม จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 3

ขณะที่ พรรคกล้า ของ “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรค มีโอกาสที่จะวัดเรตติ้ง-กระแสของพรรคเป็น “ครั้งที่สอง” หลังจากเคยส่ง “สราวุธ สุวรรณรัตน์” ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3

พรรคกล้าจะส่ง “ผู้กำกับหนุ่ย” พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม จังหวัดชุมพร เขต 1 ขณะที่สงขลา เขต 6 จะส่ง “ทนายพี่อาร์ม” พงศธร สุวรรณรักษา ลงชิมลางการเมือง

“ผู้การสุชาติ” พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ-แม่ทัพปักษ์ใต้พรรคกล้า วิเคราะห์การเลือกตั้งซ่อม 2 สนามปักษ์ใต้รอบนี้ว่า ถ้าต้องการเปลี่ยนการเมือง พรรคกล้ามีโอกาสชนะ

“การเมืองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เป็นการเมืองเก่า ๆ ล้าหลังทุกมิติ ถ้าพี่น้องรวมน้ำใจกันเพื่อเปลี่ยนให้การเมืองดีขึ้น พรรคกล้าพอมีความหวัง”

“ผู้การสุชาติ” ยอมรับว่า พรรคกล้าเสียเปรียบ เพราะเป็นพรรคใหม่-คนใหม่ “พรรคกล้าอยู่ระหว่างกึ่งกลาง ระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ เราเดินสายกลาง”

“จะได้หรือไม่ได้ พรรคกล้าจะใช้เวทีการเลือกตั้งซ่อมทั้งสองเขตเลือกตั้งเป็นการประชาสัมพันธ์พรรค-นโยบายพรรค และเจตนารมณ์ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า”

“พรรคกล้าคนใหม่ พรรคใหม่ ขอหาประสบการณ์ เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดไปประเมินในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ประมาณหลังมีนาคม 2566”

“อดีตแกนนำกลุ่มด้ามขวานไทย” พรรคพลังประชารัฐ ฟันธงว่า ปัจจัยการชนะเลือกตั้งซ่อม คือ “กระสุนดินดำ” แต่หวังลึก ๆ ที่จะได้รับความไว้วางใจชนิด “ล็อกถล่ม”

“ทุกพรรคมีโอกาสชนะด้วยกันทั้งนั้น เพราะเราไม่รู้ว่าขณะนี้ความรู้สึกของคนส่วนใหญ่หลังจากการเมืองมีการโกงกันระเบิดเถิดเทิง เช่น โครงการจะนะ ทุกพรรครัฐบาลพุ่งไปหาผลประโยชน์ ความรู้สึกของคนตีกลับขึ้นมาก็เป็นโอกาสของพรรคใหม่”

การเลือกตั้งซ่อมสงขลา-ชุมพรกำลังจะเดือด