วิโรจน์ ลาออก ส.ส. พร้อมชิงผู้ว่า กทม. เต็มตัว พร้อมทำงานเพื่อคนกรุงเทพ ในฐานะพนักงานคนหนึ่งที่เจ้านายเรียกใช้งานได้
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ที่รัฐสภา อาคารรัฐสภา วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่อรัฐสภา โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รับเรื่อง
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- ดัน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” จับตาย้าย “ท่าเรือคลองเตย”
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
วิโรจน์ กล่าวว่า หนังสือลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป หลังจากนี้ตนพร้อมขับเคลื่อนงานกับว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และทีมงานพรรคก้าวไกลอย่างเต็มที่ เป็นความท้าทายใหม่ที่ตนเเละเพื่อนร่วมงานจะมาร่วมกันพิสูจน์ในบทบาทงานบริหารกรุงเทพมหานคร ภายใต้กรอบความคิดที่อยู่ใต้สำนึกว่า พวกเราเป็นเหมือนผู้กำลังสมัครงาน เขียนข้อเสนอโครงการ ให้เจ้านายของเราคือ ‘คนกรุงเทพ’ ทุกคน ที่ถืองบประมาณ 100,000 ล้านบาท เลือกให้เราเข้าไปทำงาน
“ความรู้สึกของผมคือตื่นเต้นเหมือนมาสมัครงานใหม่ มาสัมภาษณ์งานกับเจ้านาย ผมเชื่อว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คือ ผู้จัดการสำนักงาน ผู้จัดการโรงงาน ฝ่ายบุคคลที่เขามาดูเเลในเรื่องของสาธารณูปโภค น้ำ ไฟ ในสำนักงานใหญ่แห่งหนึ่ง ที่เรียกว่า กรุงเทพมหานคร โดยมีคนอยู่เต็มไปหมด ที่เราจะต้องดูเเลเรื่องสวัสดิการความเป็นอยู่ที่ดี มีคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานที่พึงพาได้
ผมตั้งใจทำงานให้คนกรุงเทพมหานครที่เป็นเจ้านายของพวกเราทุกคน เราไม่ได้คิดว่าเป็น CEO บนตึกระฟ้า ไม่ใช่กรรมการผู้จัดการที่ใหญ่โต เเต่เราเป็นพนักงานคนหนึ่งที่สมัครงาน เขียนโครงการมารับใช้หัวหน้าของเรา ซึ่งคือคนกรุงเทพ และเราจะตั้งใจทำงานอย่างหนักนับจากนี้”
เตรียมนโยบาย 10 ด้าน เพื่อคนกรุงเทพฯ
วิโรจน์ กล่าวถึงแผนงานหลังจากนี้ว่า เขายังเตรียมแถลงนโยบายหลัก 10 ด้าน ในขั้นเเรกจะเเถลงในเรื่องนโยบายเพื่อคนกรุงเทพ อาทิ
กรุงเทพปลอดภัย ที่ครอบคลุมทั้งเรื่องอาชญากรรม ถนน คนเดินเท้า ทางม้าลาย การข้ามถนน การใช้รถยนต์ต่าง ๆ
นโยบายสาธารณสุข ที่เรามองว่าสถานบริการสุขภาพที่มียังไม่ครอบคลุมมากเพียงพอที่จะทำให้คนกรุงเทพได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานจากบัตรทองได้ ขณะนี้คลินิกในกรุงเทพมหานครมีอยู่ประมาณ 4,000 แห่ง แต่เป็นคลินิกชุมชนที่คนกรุงเทพใช้บัตรทองได้มีเพียง 200 กว่าเเห่งเท่านั้นเอง,
เรื่องการศึกษา จะปรับรูปแบบการประเมินผลเพื่อให้เด็กมีเวลามากขึ้น มีความสุขมากขึ้น ซึ่งหากใครติดตามตนตั้งเเต่เเรกจะทราบว่าตนสนใจในเรื่องของการศึกษาที่พร้อมพัฒนาเพื่อเยาวชนไทยทุกคน
ประเด็นที่หลายคนสะท้อนว่า เสียดายบทบาทในการปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้เเทนราษฎร ในรัฐสภา ต้องขอบคุณจากใจจริง เเสดงว่าสิ่งที่ตน เพื่อนร่วมงาน และทีมงานพรรคก้าวไกล หรืออนาคตใหม่เดิมที่ทุ่มเททำงานกันมาทำให้ประชาชนเห็นคุณค่าในการทำงานอย่างเต็มที่ของพวกเรา
“เมื่อมองย้อนไป มีนาคม 2562 ในการเลือกตั้งทั่วไปที่ประชาชนให้ความกรุณาพรรคอนาคตใหม่ เข้ามาทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่มีใครรู้จัก วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ต่อมา เป็นส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับที่ 33 ของพรรคอนาคตใหม่ และเลขประจำตัว ส.ส. คือ 333 พวกเราทำงานอย่างหนัก จนประชาชนเห็นคุณค่า และรู้จักผม ต้องขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง เเสดงว่าสิ่งที่ วิโรจน์ ทำคือการพิสูจน์ว่าเราตั้งใจทำงานในบทบาท ส.ส.
เเต่ในวันนี้ผมขอพิสูจน์ในบทบาทใหม่ บทบาทของการบริหารงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งจะเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่ประชาชนให้ความหวังต่อบทบาทผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ในการบริหารงบประมาณให้ได้คุ้มค่าที่สุดเพื่อให้ผลประโยชน์ตกกับประชาชนมากที่สุด ทำให้กรุงเทพเป็นเมืองที่โอบรับความหวังประชาชนได้ดีกว่านี้ มีรัฐสวัสดิการเพื่อโอบอุ้มคนกรุงเทพหรือประชาชนสามารถฝากผีฝากไข้ ถ้าล้มก็ไม่ต้องล้มทั้งบ้าน”
เมื่อสื่อมวลชนถามถึงเรื่องของกรอบเวลาการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ที่เหลืออยู่กังวลหรือไม่นั้น วิโรจน์ กล่าวว่า จะเวลาขนาดไหน ก็ตั้งทำงานเต็มที่ เรายึดตามแผนของพวกเราเเละปรับตามสถานการณ์ ไม่เคยมีคำว่าสายเกินไป สุดท้ายในเรื่องเวลาจะเท่าไหร่ เราก็ต้องตั้งใจทำงาน เพื่อเตรียมพร้อมทุกเวลาในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ วิโรจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอฝากเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคฝ่ายค้านในเรื่องการอภิปรายเเบบลงมติในมาตรา 152 ซึ่งพรรคก้าวไกลเเละพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เตรียมอภิปรายเพื่อเเนะนำรัฐบาล ว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องทำต่อจากนี้คืออะไร ทุกวันนี้ประชาชนเข้าใจเเล้วว่า ปัญหาการเมือง ปัญหาปากท้องปัญหาความสิ้นหวังในชีวิต ปัญหาสุขภาพ เป็นเรื่องเดียวกัน
รู้จัก “วิโรจน์” วัย 43
“วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” หรือ “โรจน์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล วัย 43 ปี เกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2520 เขาเกิดและเติบโตในกรุงเทพฯ เป็นพี่ชายคนโตในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 3 คน มาจากครอบครัวชนชั้นกลางระดับล่าง พ่อเป็นผู้จัดการร้านขายผ้าที่สำเพ็ง แม่เป็นแม่บ้าน
เขาเคยให้สัมภาษณ์กับมติชนว่า เขาค่อนข้างจะซึมซับชีวิตที่อยู่ในความจำกัด และต้องดิ้นรนมาก ๆ ไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่มีทรัพยากร ที่จะได้เรียนพิเศษดี ๆ แต่โชคดีที่คุณพ่อเป็นคนที่เห็นความสำคัญทางการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ต้องให้ลูกได้เรียนหนังสือก่อน ของขวัญที่มักจะได้รับ คือ หนังสือ
เขาเรียนจบวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วิศวกรรมยานยนต์) และบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนคว้าคำนำหน้า “ดอกเตอร์” ด้วยปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (เศรษฐศาสตร์) จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ก่อนจะมาทำงานการเมือง เขาทำงานด้านวิศกรรม และงานบริหารกับบริษัทเอกชนเกือบ 20 ปี มีประสบการณ์ด้านงานบริหารธุรกิจค้าปลีก, บริหารทรัพยากรมนุษย์, บริหารธุรกิจการศึกษา และการพัฒนา และปรับปรุงหลักสูตรคณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษด้วย
จากนั้นเบนเข็มมาทำงานการเมือง ด้วยการถูกชักชวนชวนมาเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้จดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งได้ศึกษาอุดมการณ์และแนวคิดของพรรค ตรงกับตัวตนของเขา จึงตัดสินใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งของพรรคอนาคตใหม่ เมื่อทำงานกับพรรคไปเรื่อย ๆ ก็ได้รับการชวนให้ไปลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
ย้อนดูผลงาน ในฐานะ ส.ส.
“วิโรจน์ ลักขณอดิศร” เป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อจากพรรคอนาคตใหม่ ก่อนที่จะถูกยุบพรรค มาเป็นพรรคก้าวไกล ในฐานะ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เขาทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาได้เป็นอย่างดี เขากลายเป็นดาวรุ่งในสภา ในเวลารวดเร็ว จากเนื้อหา ลีลาการพูด การนำเสนอ การอภิปรายในแต่ละครั้ง
ในปี 2563 ชื่อของเขาถูกรู้จักจากการอภิปรายไม่วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยการเปิดโปงขบวนการปฏิบัติการด้านข่าวสาร “ไอโอ” ของรัฐบาล
“ไอโอ” หรือ ปฏิบัติการข่าวสาร เป้าหมายคือคุกคามประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการวิจารณ์รัฐบาล โดยการขุดประวัติบุคคลนั้นมาโพสต์ประจานเหมือนพฤติกรรมการล่าแม่มด ใช้ถ้อยคำเกลียดชังด่าทอประชาชนเข้าไปโพสต์ข้อความด่าทอนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม นักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการ สร้างความเกลียดชัง เลือกเอาข้อมูลด้านเดียว ประโยคเดียว เพื่ออวยกองทัพ
ปี 2564 “วิโรจน์” ขึ้นการอภิปรายไม่วางใจรัฐบาลอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกรทรวงสาธาณสุข ในหัวข้อ การจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ด้วยการฉีกแผนจัดหาวัคซีนลวงโลก
จากนั้น (23 ม.ค.) พรรคก้าวไกลจะประกาศเอาเสาหลักในสภา มาปักลงกลาง กทม. เปิดตัว “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่คาดว่าจะมีการเลือตั้งในเดือนพฤษภาคมนี้ มาทำงานเพื่อประชาชนชาวกรุงเทพ ด้วยวลี “หมดเวลาซุกปัญหาไว้ใต้พรม พร้อมชนเพื่อคนกรุงเทพฯ”