ประยุทธ์ชี้ ยุบสภาเป็นเรื่องนายกฯ สถานการณ์เป็นตัวกำหนด ทำไมต้องรีบบอก

ประยุทธ์หัวใจใหญ่ ให้เกียรติพรรคเล็กเสมอ ยุบสภาเป็นการตัดสินใจนายกฯ ทำไมต้องรีบบอก เมินแผนพรรคเล็กรวมหัวกันล้มกระดาน ท้าเทียบผลงาน 10 ปี

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มีนาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พร้อมยุบสภาหลังจบการประชุมเอเปก ว่า เป็นเรื่องของ พล.อ.ประวิตร ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้คุยกับตนแล้วว่า ท่านพูดในมุมของท่าน แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของนายกฯ

“ส่วนจะยุบสภาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เป็นเรื่องของนายกฯ ตัดสินใจ นายกฯ ก็เก็บไว้ก่อนสิ เป็นเรื่องของนายกฯ จะบอกก่อนทำไม ทำไมต้องรีบบอก”

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่านายกฯ มีวันยุบสภาในใจแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็สถานการณ์เป็นตัวกำหนดทั้งหมด ผมก็อยากให้ทุกคนคำนึงถึงว่าอะไรสำคัญกว่าอะไร ประเทศชาติมีปัญหาสำคัญ ประชาชนเดือดร้อน สำคัญไหม ควรจะสำคัญกว่าอย่างอื่นก่อนไหม ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเมื่อใดก็ตามที่ประเทศไทยของเราเข้าสู่สภาวะไม่ปกติ คนไทยทุกคนจะรวมพลังต่อสู้เอาชนะมัน จนอยู่รอดปลอดภัยมาถึงวันนี้”

“เราจะแตกแยกกันไปถึงไหน ปัญหาอะไรที่สามารถลดลงไปได้ก็ลดลงไปเสียบ้าง ขอร้องกันแค่นั้นเอง ก็คงขอได้แค่นั้น”

ส่วนการนัดพรรคเล็กร่วมรัฐบาลทานข้าวช่วงเย็นวันที่ 17 มีนาคม มีนัยอะไรหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี เป็นการพูดคุยกัน เจอกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน จริง ๆ ตนก็คุยกับพรรคเล็กอยู่แล้ว เจอกันหลายครั้งในสภา วันนี้ถือว่าเป็นการเจอกัน ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานเพื่อประเทศชาติกันดีกว่า อย่างอื่นว่ากันทีหลัง ไม่มีอะไรเป็นประเด็น

“เรื่องการไม่รัก ไม่สามัคคี ไม่ให้เกียรติกัน ไม่ใช่ ผมให้เกียรติกันเสมอ ผมเจอท่าน ท่านอาวุโสน้อยกว่าผม ก็สวัสดีผม อายุมากกว่าผม ผมก็สวัสดีท่าน ผมไม่เคยคิดว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ที่สุดยอดเมื่อไหร่ ให้เกียรติ”

เมื่อถามว่า ไม่มีเรื่องน้อยอกน้อยใจกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “คนเรานะ มันต้องหัวใจใหญ่ ทำตัวให้หัวใจมันใหญ่ขึ้นมาสักหน่อย ไม่ใช่หัวใจเล็ก หัวใจที่เราจะต้องรู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน ถ้าคนที่ควรให้อภัย”

เมื่อถามว่า จะมีเรื่องการเมืองที่เป็นปัญหาในการทำงานของนายกฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไปถามการเมืองสิ ตนอยู่ฝ่ายบริหาร

เมื่อถามว่า เรื่องเสียงในสภาจะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่เสียงในสภา ตนบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคิดว่าทำไปแล้วประเทศชาติจะดีขึ้นก็แล้วแต่ท่าน

เมื่อถามว่า ในการทำงานของคณะรัฐมนตรีจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมก็คุยกับทุกท่าน ทุกวัน นอกจากการประชุม ครม. ผมก็ติดต่อโดยตรง ส่งไลน์คุยกับท่านเรื่องนั้นเรื่องนี้รับไปดูแลได้หรือไม่ ไม่ใช่นั่งเจอกันอาทิตย์ละครั้ง ผมเจอท่านทุกวัน ทุกกระทรวง พอมีเรื่องนี้ส่งมาผมก็ส่งไป พี่ช่วยทำตรงนี้หน่อย ช่วยดูตรงนี้หน่อยนะ จะทำยังไง อะไรที่ผมสามารถแนะนำได้ เพราะผมอยู่ข้างบน เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ก็บอกว่าให้กระทรวงนั้นทำอย่างนี้นะ พี่ไปทำอย่างนี้ต่อได้ไหม ทุกอย่างต้องทำงานแบบนี้ บริหารแบบนี้”

เมื่อถามว่า จะต้องมีการปรับทัพ หรือเสริมทัพ ครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มี ยังไม่มีการปรับอะไรทั้งนั้น”

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร ถามกับพรรคเล็กว่ามีแผนล้มนายกฯ หรือไม่ หวั่นใจกับเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ก็ให้มาล้มเถอะไป ใครจะล้มก็ล้มมาเถอะ ผมไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้นะ ผมคิดว่าทุกคนมีวุฒิภาวะที่ดีเพียงพอ ให้เกียรติท่านทุกคน มันจะเกิดประโยชนอะไรกับใคร ผมถามหน่อยสิ วันนี้ผมถามมาเท่าไหร่ อะไรมันสำเร็จมาบ้าง ไปเทียบดูก็ได้ ไปเทียบมาเลย 10 ปีที่ผ่านมา หรือ 8 ปีที่ผ่านมา ไปเทียบผลงานกับผมเลย ประชาชน..ไปแยกแยะเอาเองก็แล้วกัน โอเคนะ”