ยิ่งนับถอยหลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากขึ้นเท่าไหร่
ไม่ว่าจะยุบสภา ล้มกระดาน เกิดการเลือกตั้งแบบปัจจุบันทันด่วน หรือ “อยู่ครบวาระ” เลือกตั้งใหม่ช่วงกลางปี 2566
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- แจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท จุลพันธ์ชงบอร์ดชุดใหญ่ 27 มี.ค.นี้
- เปิดไทม์ไลน์ แจกเงิน 10,000 ลงทะเบียนเมื่อไหร่ เงื่อนไขเป็นยังไง
นักการเมืองต่างอาศัยช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่คลุกฝุ่นอยู่กับราษฎร ทำคะแนนไว้ในกระเป๋า เตรียมเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง
ทว่า มีพรรคการเมืองหนึ่งที่ระหว่างปิดสมัยประชุมสภา กลับต้องเตรียมเอกสาร-หลักฐาน หิ้วไปชี้แจงกับ กกต. นั่นคือ พรรคก้าวไกล ที่ต้องเผชิญคดีที่ถูกร้องยุบพรรคซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มราษฎร และการอภิปรายเรื่องสถาบัน
ล่าสุด กกต.ทำหนังสือเรียกให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปชี้แจง
สืบเนื่องจาก “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เมื่อ 22 สิงหาคม 2564 ของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ มาตรา 36 งบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการในพระองค์
รวมถึงการเผยแพร่เนื้อหาการอภิปราย หลังจากนั้นถือเป็นการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92 (2) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
โทษถึงการยุบพรรค !
เป็นเหตุให้ 3 แกนนำพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรค รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรค น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องออกแถลงด่วน เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา
“ชัยธวัช” ยืนยันหลักการของ “ก้าวไกล” 2 ข้อใหญ่ สรุปได้ดังนี้
1.การอภิปรายงบประมาณรายจ่ายส่วนราชการในพระองค์ของ น.ส.เบญจา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2564 รวมถึงการนำข้อมูลการอภิปรายดังกล่าวไปเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ของพรรค
ไม่ได้มีการระบุให้ชัดเจนว่าข้อความ หรือการกระทำใดเข้าข่ายเป็นการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92 (2) จึงเห็นว่าการแจ้งข้อเท็จจริงดังกล่าวมีแต่ความคลุมเครือ ไม่ชัดเจน ทั้ง ๆ ที่ข้อกล่าวหาร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรคการเมืองได้
2.ยืนยันว่าการอภิปรายงบฯส่วนราชการในพระองค์เป็นการทำหน้าที่ตามปกติที่ผู้แทนราษฎรพึงกระทำในการตรวจสอบและเสนอแนะ เพื่อทำให้การจัดสรรงบประมาณในทุกหมวด ทุกกระทรวง ทุกหน่วยรับงบประมาณ เพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชน
“ไม่สามารถเป็นเหตุอันชอบธรรมที่นำไปสู่การยุบพรรคได้”
อีกด้านหนึ่งของการแถลงยืนยันความบริสุทธิ์โดยแกนนำพรรคก้าวไกล ปรากฏว่า กลุ่มการเมืองคู่ขนานอย่าง “คณะก้าวหน้า” ก็เคลื่อนไหว
มีแกนนำคณะก้าวหน้า ต่อสายหาบุคคลระดับสูงใน กกต. ขอเคลียร์ใจ-เคลียร์ข้อเท็จจริง รวมถึงความจำเป็นตาม “อำนาจหน้าที่” ของ “สภาผู้แทนราษฎร” ที่ทำได้ตามกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ สมาชิกในพรรคก้าวไกล มีความกังวลเรื่อง “ยุบพรรค” มาเป็นระยะ และว่ากันว่าพรรคก้าวไกลต้องเตรียมแผนสำรองเอาไว้เผื่อเกิดอุบัติเหตุ
หากไม่เตรียมรับมือกับอุบัติเหตุยุบพรรค อาจเจอช่วงเวลาสั่นประสาทที่สุด คือ ถูกยุบพรรคระหว่างที่จะมีการเลือกตั้ง เหมือนกับที่ “พรรคไทยรักษาชาติ” เคยโดน
แต่สถานการณ์ของพรรคก้าวไกล อาจจะดีกว่ากรณีแผ่นดินไหวยุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งถูกยุบก่อนถึงวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 แค่ 17 วัน จากปมเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
เพราะอย่างน้อย เรื่องอภิปรายงบฯสถาบัน ที่พรรคก้าวไกลเผชิญ หากคิดในทางร้ายที่สุด จาก กกต.ต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีเวลาให้เตรียมการ ไม่ต้องรอถึงวันถูกตอกฝาโลงแล้วทำอะไรไม่ทัน
เหมือนที่พรรคเพื่อไทย เพื่อนร่วมฝ่ายค้าน ที่มีประสบการณ์ถูกยุบพรรคมา 2 ครั้ง เตรียมพรรคสำรอง หากเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญเมื่อไหร่ สลับไปพรรคใหม่ทันที
“วันนี้พรรคที่ก่อตั้งไว้แล้ว ในตลาดการเมืองมีให้เลือกเยอะมาก เพราะด้วยกติการัฐธรรมนูญ ทำให้พรรคเล็กไปต่อไม่ไหว ดังนั้น เมื่อถึงคราวจวนตัวก็ไปเตรียมซื้อหัวหน้าพรรคใหม่ มีคนพร้อมขายเยอะ” แหล่งข่าวจากกลุ่มที่เป็นมือตั้งพรรค ในเกมแตกแบงก์พันให้เป็นแบงก์ร้อยตามยุทธศาสตร์ของทักษิณ ชินวัตร ให้ข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาที่พรรคก้าวไกลต้องเผชิญเรื่องการยุบพรรค มิได้มีแค่คำร้องของ “เรืองไกร”
เพราะก่อนหน้านี้ นายณฐพร โตประยูร นักร้อง (เรียน) ชื่อก้องอีกราย ได้ยื่นคำร้องให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล
ฐานเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กรณีเข้าร่วมชุมนุมและใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวนักศึกษา
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2564 ที่ตัดสินการปราศรัยของภาณุพงศ์ จาดนอก อานนท์ นำภา และปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ปราศรัยบนเวที “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พรรคก้าวไกล-คณะก้าวหน้า แท็กทีมล็อบบี้ทั้งบนดิน-ใต้ดิน ออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้รอดพ้นจากเกมยุบพรรคครั้งใหม่