ประยุทธ์ เร่งเบิกจ่ายงบฟื้นตัวเศรษฐกิจ ครึ่งแรกปีงบประมาณ ทะลุ 1.59 ล้านล้านบาท ยื่นดาบรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง หั่น งบโครงการล่าช้า – ปรับแผนทุ่มแก้ไขปัญหาความยากจน
วันที่ 16 พฤษถาคม 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงบประมาณได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตครีว่าการกระทรวงกลาโหม ทราบถึงความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2565 (ต.ค. 2564 – มี.ค. 2565) รวมระยะเวลา 6 เดือนมีการเบิกจ่ายแล้ว 1.59 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51.40 ของงบประมาณทั้งหมด 3.1 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 0.40 มีการก่อหนี้ผูกพันแล้ว 1.82 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 58.73 สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 2.49
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า เฉพาะรายจ่ายด้านการลงทุนมีการเบิกจ่ายแล้ว 1.91 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31.48 ของวงเงินรายจ่ายลงทุนรวม 6.08 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 2.48 มีการก่อหนี้ผูกพันแล้ว 4.04 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 66.43 สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 8.28
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การเบิกจ่ายงบประมาณในภาพรวมตลอดจนรายจ่ายเพื่อการลงทุนที่ดำเนินการได้เกินกว่าเป้าหมายนั้น มาจากนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่เร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายเพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวต้องการแรงสนับสนุนจากเม็ดเงินของภาครัฐ โดยนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการตั้งแต่ต้นปีงบประมาณให้ทุกหน่วยงานจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันแต่ละไตรมาส
น.ส.ไตรศุลีกล่าสว่า อย่างไรก็ตาม สำนักงบประมาณได้รายงานเพิ่มเติมว่า เฉพาะรายจ่ายลงทุนในปีงบประมาณ 2565 ทั้งสิ้น 112,163 รายการ วงเงินรวม 6.08 แสนล้านบาทนั้น ณ สิ้นไตรมาสที่2/65 มีรายการที่เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว 80,727 รายการ วงเงินรวม 5.02 แสนล้านบาท คงเหลือสถานะไม่อยู่ในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 31,436 รายการ วงเงิน 1.06 แสนล้าน ของ 568 หน่วยงาน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นโครงการที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง 4,374 รายการ วงเงิน 3.12 หมื่นล้านบาท
“นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนให้แล้วเสร็จ พร้อมกับมอบหมายให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล มีการติดตาม เร่งรัด และประเมินผลการปฏิบัติงานและการใช้่จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย หากพบว่ารายการใดหมดความจำเป็นหรือคาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ ก็ให้พิจารณาปรับแผนปฏิบัติการและการใช้จ่ายไปดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนเป็นอันดับแรกตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อเป็นกลไกการขจัดปัญหาความยากจน สอดคล้องกับสถานการณ์ข้อเท็จจริงและบริบทของแต่ละพื้นที่” น.ส.ไตรศุลีกล่าว