ชลน่าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลปรสิต 608 แก่ อมโรค ต้องถูกกำจัด

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

อภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรก “ชลน่าน” อัด รัฐบาล 608 ป่วย แก่ อมโรค นั่งร้านเป็นปรสิต เห็บเหา สูบเลือดประชาชน ต้องถูกกำจัด  

วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลวันแรก โดยมีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม

ทั้งนี้ ฝ่ายค้านได้วางตัวรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันแรก เริ่มจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

เมื่อเวลา 09.40 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้เริ่มอภิปรายเปิดญัตติตอนหนึ่งว่า ใน 8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้องกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า สร้างความเสียหายให้ประชาชนเดือดร้อน ทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส เพียงเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการอยู่ในอำนาจและสืบทอดอำนาจ เพื่อล้มล้างคู่แข่งทางการเมือง ปิดกั้นโอกาสของประชาชน

การอยู่ในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับประชาชนยังไม่พอ ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีการออกโทรทัศน์ เปลี่ยนการแต่งตัว เปลี่ยนบุคลิก แสดงวิสัยทัศน์เรื่อง 3 แกน เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังขึ้นหลังจากนั้น ตนมั่นใจว่าเป็นทางลบอย่างมากมาย เพราะเขารู้ เขาเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการอยู่ต่ออีก 2 ปี เป็นการประจานตัวท่านเองต่อหน้าประชาชน

8 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้น ถ้า พล.อ.ประยุทธ์มีภาวะผู้นำที่แท้จริงจะออกมาประกาศยอมรับว่าความผิดพลาด บกพร่อง ล้มเหลวที่เกิดขึ้น เพราะตัวท่านคนเดียว และท่านจะต้องประกาศให้โลกนี้และประชาชนคนไทยได้รู้ว่าท่านเองไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าได้

แต่หน้าเสียดายที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ทำในสิ่งนี้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์สำนึก รู้ดี รู้ชั่ว เห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมือง ประกาศยอมรับตรง ๆ อย่างนี้ คิดว่าประเทศชาติบ้านเมืองจะเข้าสู่ภาวะปกติ ทุกคนจะมีความหวัง แต่มันไม่เกิดขึ้น เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาบ่งชี้ชัดเจนว่าไม่มีจิตสำนึกรับผิดชอบ มุ่งแสวงหาอำนาจแก่ตนเอง คิดว่าตนเองเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว

“หนำซ้ำความผิดพลาดทั้งหมดได้กระทำการโดยให้พรรคร่วมรัฐบาล ผู้คนแวดล้อมเข้ามามีส่วนร่วม เป็นนั่งร้านสนับสนุนท่านต่อไป นั่งร้านที่เกิดขึ้นขณะนี้เปรียบเสมือนเป็นเห็บเหา ปรสิต ร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่คอยสูบเลือดประเทศและประชาชนด้วยความอิ่มเอมของตนเองและพวกพ้อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องถูกกำจัดออกไป” นพ.ชลน่านกล่าว

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ถ้านั่งร้านเหล่านี้เกิดจิตสำนึกที่ดี เห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมืองช่วยลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะหมดเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์แล้วถ้าไม่มีจิตสำนึกที่จะบอกประชาชนว่าพอแล้ว พรรคฝ่ายค้านจึงทำหน้าที่เด็ดหัว สอยนั่งร้าน ทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเอาความจริง เอาความเสียหายมาตีแผ่ ให้ประชาชนเห็นถึงความผิดพลาด บกพร่อง ล้มเหลว รวมถึงการก่อการทุจริตจะถูกเปิดโปงในสภาแห่งนี้ จะต้องถูกนำไปสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อนำคนที่ทำผิดมาลงโทษ

การทำหน้าที่ตรงนี้จะเป็นการตัดวงจรอุบาทว์ วงจรเห็บเหา ปรสิตที่สูบเลือดประชาชนออกไป ทั้งนี้ ใน 4 วันที่ฝ่ายค้านอภิปราย จะทำหน้าที่แทนประชาชนให้คุ้มค่าที่สุด ตนมั่นใจว่า ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างมากมาย และขอบคุณตัวแทนกลุ่มราษฎร ที่เปิดให้มีการลงมติไม่ไว้วางใจประชาชนทางตรง เมื่อมีมติมหาชนจะทำให้ ส.ส.ในสภา ไม่ว่าฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาล เมื่อเห็นมติมหาชนแล้วจะเปลี่ยนมาลงมติไม่ไว้วางใจร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน

ทั้งนี้ ฝ่ายค้านจะชี้ให้เห็นถึงความผิดพร่องล้มเหลว เป็นผู้นำแห่งความพินาศล้มเหลว เป็นต้นตอความเสียหายทั้งหมดตลอด 8 ปี เป็นผู้นำที่ไร้ความชอบธรรม ไร้ความสามารถ ลวงโลก หลอกลวงประชาชน มีบุคลิกภาพที่มีปัญหาตัวเอง ต่อประชาชน สื่อมวลชน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เป็นเหมือนสินค้ายี่ห้อหนึ่งคือ แบรนด์ประยุทธ์ เมื่อประชาชนได้ฟังคำอภิปรายของฝ่ายค้าน เชื่อมั่นว่าประชาชนร้อยละ 99 จะไม่ใช้สินค้ายี่ห้อนี้อีกต่อไป

นพ.ชลน่านกล่าวว่า 8 ปี ที่บริหารประเทศ ไม่เคยใช้อำนาจปกติบริหารประเทศเลย ใช้ ม.44 ขณะที่ออกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 26 มีนาคม 2563 แทบไม่เคยใช้กฎหมายปกติเลย ดังนั้น การบริหารประเทศจึงไร้ความชอบธรรม อีกทั้งแบรนด์ยี่ห้อประยุทธ์ยังไร้ความสามารถ รับช่วงจากรัฐบาลพลเรือน ไม่สามารถทำให้สถานการณ์ประเทศปกติได้ พอมีโรคระบาดเกิด พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำที่ไม่สามารถบริหารภาวะวิกฤตได้ ภาวะปกติยังบริหารไม่ได้ เมื่อเจอภาวะวิกฤตจึงเห็นได้ปัจจุบัน

นอกจากบริหารไม่เป็น ยี่ห้อนี้ไม่สามารถหารายได้ให้กับประชาชน หารายได้ให้กับประเทศ เพราะขาดความรู้ความสามารถ ไร้วิสัยทัศน์ ซึ่งการขาดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน คือ บังอาจตั้งตนเองขึ้นมาเป็นทีมเศรษฐกิจของประเทศ โดยไม่สนใจเรื่องความรู้ความสามารถของตนเอง การบริหารประเทศที่ผ่านมาใช้ปากบริหารประเทศ เสพติดอำนาจจนหลอนตัวเอง หลงตัวเอง ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำที่เพิกเฉยต่อการปฏิบัติตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ไม่สนใจใยดีในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ

นอกจากมองตัวเองไม่ออก มองตนเองไม่เป็นแล้ว ยังใช้คนไม่ถูกกับงาน ผู้คนที่ทำงานรอบข้าง พล.อ.ประยุทธ์เป็นเหมือนตุ๊กตา เป็นเพียงหุ่น ตัวอย่างเช่น พอเจอสถานการณ์วิกฤตโรคระบาด ก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้ง ศบค.ขึ้นมา สถาปนาตนเองเป็น ผอ.ศบค. เอาทหารมาทำหน้าที่แทนหมอ

พอเจอวิกฤตอาหาร พลังงานก็เอาสภาความมั่นคงมาจัดการเรื่องนี้ มันถูกกับงานหรือไม่ เห็นแก่พวกพ้องตนเองที่ทำงานด้วยกันมา เห็นแต่แคบ ๆ เห็นแต่ทหาร มีแต่ตั้งคณะทำงานแล้วจะแก้ไขให้ทันสถานการณ์ได้อย่างไร

นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า คนในชาติอับอายขายหน้ากับวิสัยทัศน์ ไร้ภาวะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ เวลาอยู่ในประเทศทำตัวใหญ่มาก อำนาจมากที่สุด แสดงอาการโดยไม่เกรงใจประชาชน แต่กลับกัน พอเดินทางออกไปต่างประเทศเมื่อใดก็ตาม มีแต่บุคคลคนหนึ่งที่ทำท่าทาง จ๋อง ๆ เจี๋ยม ๆ ไม่กล้าสู้หน้าผู้นำต่างชาติ เขาบอกให้เดินไปซ้าย แต่กลับเดินไปขวา

เสื่อมเสียเกียรติภูมิ ปล่อยให้ประเทศเพื่อนบ้านนำเครื่องบินรบใช้น่านฟ้าไทยปฏิบัติการทางทหาร โจมตีชนกลุ่มน้อย ไม่มีคำขอโทษอย่างเป็นทางการ แต่กลับมาบอกว่า เพื่อนบ้านเลี้ยวกว้างไปหน่อย เดินผ่านสนามหน้าบ้าน จะเอาเป็นเอาตายกันหรือ แต่นี่คือเกียรติภูมิของชาติแต่กลับปล่อยปละละเลย การบินถ้าไม่แจ้งพิกัดถือว่ารุกล้ำ ต้องปฏิบัติการอย่างทันท่วงทีนำเครื่องบินไปผลักดัน แต่ พล.อ.ประยุทธ์กลับปล่อยปละละเลย ยินยอม เสมือนรู้เห็นเป็นใจกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีที่มาที่ไปเหมือนกับ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

“มีประชาชนฝากให้มาอภิปรายในสภาว่า พล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาล เป็นกลุ่ม 608 ทั้งแก่ ไร้ความสามารถ อมโรค แล้วจะปล่อยให้รัฐบาล 608 บริหารประเทศต่อไปได้อย่างไร” นพ.ชลน่านกล่าว