ความคลาดเคลื่อน-ข้อเท็จจริง ข่าวเศรษฐีอินเดียเหมาเครื่อง บินหนีโควิดมาไทย

ประมวลข่าวเศรษฐีอินเดียบินเข้าไทย
REUTERS/Adnan Abidi

ประมวลเหตุการณ์-ที่มา ข่าวเศรษฐีอินเดียเหมาเครื่องบินหนีโควิดมาไทย รวบรวมทั้งความคลาดเคลื่อน-ข้อเท็จจริง-ความเห็น อย่างละเอียด 

วันที่ 26 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วง 2-3 วันมานี้ ในโลกโซเชียลมีการเรียกร้องให้รัฐบาลแบนเที่ยวบินจากอินเดีย หลังสื่อต่างประเทศรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในอินเดีย พร้อมนำเสนอภาพที่ชวนหดหู่ เช่น ภาพผู้ป่วยโควิด 2 คน ที่ต้องใช้เตียงในโรงพยาบาลร่วมกัน, ภาพการเผาศพผู้เสียชีวิตจำนวนมากในที่โล่ง รวมถึงภาพญาติผู้เสียชีวิตจากโควิดร้องไห้กอดศพ โดยไม่ได้ป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ

จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในอินเดียยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ (25 เม.ย.) พบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นกว่า 3.4 แสนราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมพุ่งไปกว่า 16.9 ล้านราย และเมื่อดูจากค่าเฉลี่ยในช่วง 7 วัน พบว่าอินเดียเจอผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึงวันละ 2.9 แสนราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมที่ 1.92 แสนราย

ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวันที่สูงที่สุดในโลกของอินเดีย จึงไม่น่าแปลกใจที่ข่าว “เศรษฐีอินเดียแห่เช่าเหมาลำบินหนีโควิด-19 บางลำบินเข้าไทย” ในเพจของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จะสร้างความแตกตื่นในประเทศไทย ซึ่งการระบาดของโควิด-19 กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และมีความกังวลว่าระบบสาธารณสุขในประเทศจะไม่สามารถรับมือกับการระบาดครั้งนี้ได้

 

ศบค.โต้ข่าวเศรษฐอินเดีย “เช่าเหมาลำ”

หลังข่าวนี้เผยแพร่เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา เพียงหนึ่งวันถัดมา นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ได้ออกมาโต้ข่าวโดยระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีการเช่าเหมาลำจากอินเดีย แต่มีการดำเนินการเพื่อนำคนไทยที่อยู่ในอินเดียกลับมาประเทศไทย ซึ่งในเดือนพฤษภาคมจะมี 4 เที่ยวบิน เพื่อให้คนไทยได้กลับบ้าน

“ส่วนกรณีคนต่างชาติในอินเดียนั้น ได้มีการชะลอการออกใบอนุญาตที่จะให้คนต่างชาติในอินเดียเข้ามาประเทศไทยแล้ว” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

ขณะเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีพิจารณามาตรการกักตัวผู้เดินทางที่มาจากประเทศอินเดียว่า ได้มอบหมายให้นักวิชาการพิจารณาข้อมูลของเชื้อกลายพันธุ์ในประเทศอินเดีย ซึ่งอาจจะปรับมาตรการกักกันโรคสำหรับผู้ที่เดินทางเพิ่มเป็น 14-21 วัน พร้อมทั้งพิจารณาการกักกันโรคในสถานกักกันโรคของรัฐ (State quarantine) ไม่ให้อยู่ในสถานกักกันโรคทางเลือก (Alternative state quarantine) ทั้งนี้ ต้องรอผลการพิจารณาของนักวิชาการก่อนเสนอเข้า ศบค. ต่อไป

ช่องดังออกคำชี้แจง

ต่อมาสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้ออกคำชี้แจงกรณีข่าว “เศรษฐีอินเดียแห่บินหนีโควิด-19 บางลำบินเข้าไทย” โดยระบุว่าเป็นข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ ซึ่งมีสาระว่า ชาวอินเดียเดินทางออกนอกประเทกันมากช่วงที่โควิด-19 ระบาดรุนแรง โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมคือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินพาณิชย์เส้นทางนิวเดลี-ดูไบ และเส้นทางมุมไบ-ดูไบ ราคาแพงขึ้นหลายเท่าตัวในวันศุกร์และวันเสาร์ก่อนที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะระงับทุกเที่ยวบินจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์-อินเดีย ในวันอาทิตย์นี้

เช่นเดียวกับการเช่าเหมาลำเครื่องบินเจ็ตขนาดเล็ก มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นมาก ต้องสั่งเครื่องบินจากต่างประเทศมาให้เพียงพอกับความต้องการในอินเดีย สำนักข่าวเอพีรายงานว่าลูกค้าที่ติดต่อสอบถามจองเครื่องบินเจ็ตส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดมีจุดหมายปลายทางที่ดูไบ แต่มีบางรายที่สอบถามจองเครื่องบินเจ็ตบินเข้าประเทศไทย

ปิดท้ายด้วยการขออภัยที่รายงานข่าวชิ้นนี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและตื่นตระหนก จึงถอดข่าวชิ้นนี้ออกจากทุกแพลตฟอร์ม

ชาวเน็ตยอดนักสืบ

เรื่องนี้ดูเหมือนจะจบลงเพียงเท่านั้น ถ้าชาวเน็ตไม่ไปขุดข้อมูลจากเพจ ศูนย์ข้อมูล COVID-19 จนพบว่ามีชาวอินเดียเดินทางมาถึงประเทศ เมื่อวันที่ 17 เมษายน จำนวน 7 ราย ทั้งหมดเป็นเพศชาย อายุระหว่าง 27-61 ปี เมื่อเข้าตรวจหาเชื้อในวันที่ 21 เมษายน ปรากฏว่าพบเชื้อทั้งหมด โดยไม่มีอาการ จากนั้นจึงแยกไปรักตัวที่โรงพยาบาลเอกชน จังหวัดชลบุรี 1 ราย และ โรงพยาบาลเอกชน จังหวัดนนทบุรี 6 ราย

ชาวเน็ต ซึ่งนาทีนี้ไม่สนใจแล้วว่าชาวอินเดียเข้ามาประเทศไทยด้วยวิธีการเช่าเหมาลำหรือไม่ เข้าไปถล่มเพจ ศบค. โดยชูประเด็นที่โควิดระบาดหนักในอินเดีย เพราะหวั่นว่าโควิดสายพันธ์ุอินเดียจะทำให้สถานการณ์ในประเทศไทยเลวร้ายลงไปอีก ประกอบกับตอนนี้ผู้ติดเชื้อในประเทศก็แทบไม่มีเตียงรักษาแล้ว ทำไมทางการจึงรับชาวต่างชาติเข้ามารักษาในโรงพยาบาลอีก

ข่าวสด สอบถามข้อเท็จจริงไปทาง นพ.รุ่งฤทัย มวลประสิทธิ์พร นายแพทย์ สสจ.นนทบุรี ได้รับคำตอบยืนยันว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดชาวอินเดีย จำนวน 6 ราย เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนของจังหวัดนนทบุรี จริง ส่วนอีกหนึ่งรายเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดชลบุรี โดยเป็นการส่งตัวมาจากส่วนกลาง ยืนยันว่าไม่ใช่การตรวจพบในสถานการณ์ทั่วไปของทางจังหวัด

นพ.รุ่งฤทัย กล่าวอีกว่า ทางโรงพยาบาลเอกชนมีความพร้อมในการดูแลกรักษาและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อเป็นอย่างดี จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องวิตกกังวลไป แม้ว่าทางผู้ติดเชื้อชาวอินเดียที่เข้ารับการกักตัว จะมีเชื้อไวรัสสายพันธุ์อินเดีย ที่มีความรุนแรงก็ตาม นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยังเพิ่มเวลาในการกักตัวชาวอินเดียทั้ง 7 ราย เป็น 21 วัน อีกด้วย

ลุยเพจสถานทูตไทยในอินเดีย

เมื่อทราบว่ามีชาวอินเดียทยอยเดินทางเข้าประเทศไทยก่อนจะมีข่าว ชาวเน็ตได้ตามไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมที่เพจสถานทูตไทยในนิวเดลี กระทั่งพบการประกาศรายชื่อชาวอินเดียจำนวนมาก ที่เดินทางเข้าไทยตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน

จากนั้นชาวเน็ตไทยได้แห่เข้าไปแสดงความเห็นใต้โพสต์ดังกล่าว จนถึงขณะนี้มีการแสดงความเห็นมากกว่า 1,300 ครั้ง แชร์กว่า 7,300 ครั้ง ส่วนใหญ่ไม่ต้อนรับชาวอินเดีย และไม่พอใจที่ ศบค.ออกมาโต้ข่าว

สถานทูตไทยในอินเดียแจ้งยกเลิก-ระงับ COE มีผล 1 พ.ค.

เวลาต่อมา สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ได้ออกประกาศยกเลิกและระงับการออก COE (Certificate of Eligibility: หนังสือรับรองสถานภาพการพำนัก) ให้กับบุคคลที่ไม่ได้มีสัญชาติไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นไป แถลงการณ์ระบุว่าตามที่สถานทูตได้มีการออกประกาศเมื่อวันที่ 22 เมษายน เกี่ยวกับเที่ยวบินเดินทางกลับไทยในวันที่ 1, 15 และ 22 พฤษภาคมนี้ สถานทูตขอประกาศว่าเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในไทย ศบค.ได้กำหนดมาตรการคุมเข้มสำหรับบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย ที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศไทยตามเที่ยวบินดังกล่าวดังนี้

  1. COE ทั้งหมดที่ออกให้กับบุคคลที่ไม่ได้มีสัญชาติไทยที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยจากอินเดีย โดยจะเดินทางเข้าไทยตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป ถูกยกเลิก

2.การออก COE ให้กับบุคคลที่ไม่ได้มีสัญชาติไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปยังประเทศไทยจากอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไปจะถูกระงับ จนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ดังนั้นสถานเอกอัครราชทูตจะไม่จัดหาที่ให้กับบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย ในการเดินทางไปกับเที่ยวบินในวันที่ 1, 15 และ 22 พฤษภาคม 2564

อย่างไรก็ตาม ชาวโซเชียลยังแสดงความกังวลว่า ทำไมจึงไม่ประกาศยกเลิกและระงับการออก COE ให้กับบุคคลที่ไม่ได้มีสัญชาติไทยโดยเร็วที่สุด เหตุใดต้องรอจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม เพราะเกรงว่าชาวอินเดียจะสามารถเดินทางเข้ามาได้ในช่วงปลายเดือนเมษายน ซึ่งต่อมามีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งช่วยชี้แจงว่า การบินจากอินเดียมาไทยจะเป็นลักษณะพิเศษ เที่ยวบินที่มีอีกทีเลยคือวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ไม่มีการปล่อยบินอิสระ จะเป็นลักษณะรัฐบาลจัดเครื่องเท่านั้น

กต.แจงยิบข่าวคลาดเคลื่อน

ล่าสุด นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยกรณีรายงานข่าวเกี่ยวกับชาวอินเดียเช่าเหมาลำเครื่องบินเพื่อเดินทางมาประเทศไทยว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ซึ่งเกิดจากการแปลข่าวที่ตีพิมพ์โดยสำนักข่าวต่างประเทศผิด ทำให้มีการตีความว่า มีกลุ่มบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งมีฐานะร่ำรวยประสงค์จะเช่าเหมาลำเที่ยวบินโดยสารจากประเทศอินเดียมายังประเทศไทย ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยเนื้อข่าวระบุแต่เพียงมีกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในอินเดียประสงค์จะเดินทางไปยังเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และมีบางส่วนได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศไทยเท่านั้น

นายธานีกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลไทยในอินเดีย ได้รับการยืนยันว่าไม่ได้ออก COE ให้บุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยเดินทางเข้าประเทศโดยเที่ยวบินเช่าเหมาลำในช่วงดังกล่าว และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ยืนยันเช่นเดียวกันว่า ไม่ได้อนุญาตให้เที่ยวบินเช่าเหมาลำที่เดินทางจากอินเดียเข้าลงจอดในประเทศไทย ในช่วงเวลาที่มีการกล่าวอ้างถึง

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวอีกว่า กลุ่มบุคคลสัญชาติอินเดียที่เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา เป็นการเข้ามาตามระบบซึ่งได้จองไว้ล่วงหน้าแล้ว มิได้เข้ามาในเที่ยวบินเช่าเหมาลำ และกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ใช่นักศึกษาทั้งหมด แต่เป็นผู้มีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย 1 คน และที่เหลืออีก 6 คน เป็นนักศึกษาและผู้ติดตามนักศึกษา

นายธานีกล่าวด้วยว่า เที่ยวบินปกติจากสายการบินของประเทศอินเดียที่ขออนุญาตเข้ามายังประเทศไทยในปัจจุบัน มีเที่ยวบินสัปดาห์ละหนึ่งเที่ยวบิน สำหรับผู้เดินทางตามความจำเป็น และเพื่อนำคนไทยกลับบ้าน (repatriation flight) ซึ่งผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยที่จะเดินทางเข้าประเทศได้ต้องเป็นไปตามเกณฑ์เฉพาะบุคคลตามข้อยกเว้นตามข้อกำหนดเท่านั้น รวมถึงต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขโดยกักตัวอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม มีคนไทยได้ลงทะเบียนเข้าประเทศไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนี้ วันที่ 1 พฤษภาคม จำนวน 1 คน วันที่ 8 พฤษภาคม จำนวน 70 คน วันที่ 15 พฤษภาคม จำนวน 60 คน และวันที่ 22 พฤษภาคม ยังไม่มีผู้ลงทะเบียนกลับไทย

นายธานีกล่าวว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค. ในวันที่ 25 เมษายน ได้มีมติให้กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกและชะลอการออก COE ของผู้ไม่มีสัญชาติไทยที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศไทยจากอินเดียทั้งหมด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ในอินเดียดำเนินการแล้ว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศย้ำว่า ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งหมดจะต้องเข้าสู่มาตรการคัดกรอง คือ การยื่นเอกสารตามที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่กำหนดเพื่อขอรับ COE และเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยต้องเข้ารับการกักตัวตามมาตรการของรัฐในสถานที่ที่รัฐกำหนด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการระบาดเพิ่มเติมจากผู้ที่เดินทางกลับไทย

อินเดียเข้าไทย 1-20 เม.ย. 602 คน

ไทยพีบีเอส รายงานข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีหน้าที่ช่วยเหลือด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค ในการช่วยตรวจคัดกรอง ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนเข้าประเทศ โดยจะตรวจเอกสารที่สถานทูต ประเทศต้นทางออกให้ และจะดูเงื่อนไขวีซ่าตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และ ตามที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กำหนด เป็นหลัก หากพบว่าผิดเงื่อนไขก็ปฏิเสธการเข้าเมือง และผลักดันกลับทันที

เงื่อนไขการเข้าประเทศไทยของสัญชาติอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1-20 เม.ย.2564 แบ่งเป็นเข้ามาทำงาน 426 คน กลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน 110 คน เป็นกลุ่มนักธุรกิจ มีคู่สมรส บิดามารดา หรือบุตรคนไทย จำนวน 30 คน นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนนักศึกษา จำนวน 16 คน มีถิ่นที่อยู่ในไทย จำนวน 10 คน และคณะทูต ผู้แทนรัฐบาล จำนวน 8 คน และเข้ามารักษาพยาบาลที่ไม่ใช่โรค COVID-19 จำนวน 2 คน

สำหรับจำนวนบุคคลที่เข้ามาในไทย แยกตามสัญชาติระหว่างวันที่ 1-20 เม.ย. พบว่าสัญชาติอินเดียอยู่ในลำดับที่ 7 จำนวน 602 คน โดยก่อนที่ชาวต่างชาติทุกคนเข้ามาในไทย จะต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตในประเทศต้นทางก่อนว่าผ่านการตรวจเชื้อ COVID-19 มาแล้ว และมีผลยืนยันไม่เกิน 72 ชั่วโมง รวมทั้งต้องมีประกัน COVID-19 ทุนประกันวงเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งหมดนี้คือข้อเท็จจริงและความคลาดเคลื่อนจากข่าว “เศรษฐีอินเดียแห่บินหนีโควิด-19 บางลำบินเข้าไทย” ซึ่ง “ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมให้ผู้อ่านได้ใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสาร