เปิด 55 พันธุ์ไม้ เพาะปลูกในอุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.9 “ปอด” กทม. แห่งใหม่
อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 สถานที่ที่จะกลายเป็นพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ใจกลางกรุง ในปี 2567 ตามแผนงานก่อสร้าง ซึ่งแน่นอนว่า จะมีต้นไม้หลากพันธุ์ให้ประชาชนชื่นชมกันอย่างแน่นอน
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- กองทุนประกันวินาศภัยถังแตก แจ้งชะลอจ่ายคืนหนี้ตั้งแต่ มี.ค.2567
- เรือชนสะพานถล่มในสหรัฐ กระทบเศรษฐกิจ การขนส่งสินค้าเป็นอัมพาต
“ประชาชาติธุรกิจ” นำเสนอพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ ที่มีการนำมาเพาะปลูกในอุทยานฯ โดยมีทั้งพันธุ์ไม้ทรงปลูกจากราชวงศ์ และพันธุ์ไม้อื่น ๆ ที่น่าสนใจรวมกว่า 55 ชนิด
- แรงบันดาลใจ วรรณพร พรประภา ทีมออกแบบอุทยานฯ ร.9 พื้นที่แห่งอนาคต
- เปิดภาพแบบจำลอง อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.9 “สนามม้านางเลิ้ง” เดิม
- อุทยานฯ ร.9 นางเลิ้ง เล็งเชื่อมต่อรถไฟใต้ดินสายสีส้มตะวันตก ขนส่งทุกระบบ
เปิด 5 พันธุ์ไม้ ทรงปลูกในอุทยานฯ ร.9
1. ต้นรวงผึ้ง (Yellow Star) : พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.10) ทรงปลูก
- ถิ่นกำเนิด : ประเทศไทย (พบมากทางภาคเหนือ)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 8 เมตร ใบรูปมนรีหรือขอบขนานปลายแหลม ขอบใบเรียบ ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ออกเป็นช่อสั้น ๆ ตามซอกใบสีเหลืองสด ขนาด 1.3-1.5 เซนติเมตร บานสะพรั่งทั้งต้นคล้ายรวงผึ้ง ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ผลกลมแบบแห้งไม่แตก ขนาด 0.5-1 เซนติเมตร
- ประโยชน์ : เป็นไม้ไทยหายาก ปลูกเป็นไม้ประดับ ดอกไม้กลิ่นหอม
2. ต้นคำมอกหลวง (Golden Gardenia) : สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงปลูก
- ถิ่นกำเนิด : ดอยสุเทพ ประเทศไทย
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้น สูง 7-15 เมตร เรือนยอดกลม โปร่ง ใบรูปรีแกมขอบขนาดกว้าง ปลายยอดแหลมปกคลุมด้วยไขสีเหลือง ดอกสีเหลืองสด ส่วนโคนเป็นหลอดยาว ปลายแผ่เป็น 5 กลีบ เรียงเวียนกัน ขนาดดอกบาน 5.5-7 เซนติเมตร ผลรูปกระสวยมีสันชัดเจน
- ประโยชน์ : เป็นไม้ไทยหายาก ปลูกเป็นไม้ประดับ ดอกไม้กลิ่นหอม
3. ต้นโมกหลวง (Kurchi) : สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงปลูก
- ถิ่นกำเนิด : ทวีปแอฟริกา อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้พุ่มถึงไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 15 เมตร ทุกส่วนของต้นมีน้ำยางขาวใบออกเรียงตรงข้าม รูปรีแกมขอบขนาน ออกดอกเป็นช่อกระจุกสีขาว โคนกลีบเป็นหลอด ส่วนปลายแยกเป็น 5 กลีบ เรียงเวียนกัน ผลเป็นฝักเรียวยาว
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ กลิ่นหอม เนื้อไม้สีขาว ใช้ทำหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ เปลือกต้นมีรสขมฝาดใช้เคี้ยวหรือต้มแก้โรคบิด มาเลเรียและท้องเสีย
4. ต้นรัตนพฤกษ์/คูนสายรุ้ง (Rainbow Shower Tree) : สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงปลูก
- ถิ่นกำเนิด : เป็นลูกผสมจากรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา เกิดจากการผสมของต้นคูนกับกัลปพฤกษ์ นำมาคัดเลือกไว้แต่ดอกสีเหลืองแกมส้มและชมพู
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง สูงได้ถึง 10 เมตร ใบประกอบมี 8-10 คู่ผลัดใบช่วงสั้น ๆ ในหน้าแล้งและออกดอกทั้งต้น พร้อมผลิใบอ่อน ดอกออกเป็นช่อใหญ่ตามซอกใบและปลายกิ่ง ช่อเป็นพวงห้อยลงดอกขนาด 3.4-4.5 เซนติเมตร ฝักคล้ายฝักคูน แต่มักไม่ติดฝัก
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ ให้ช่อดอกสวยงามในฤดูแล้ง
5. ต้นสุพรรณิการ์ (Yellow Silk Cotton Tree) : เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ปลูก
- ถิ่นกำเนิด : อเมริกาใต้
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 7-15 เมตร กิ่งก้านคดงอ โคนใบรูปหัวใจ แผ่นใบแยกเป็น 5 แฉก ขอบใบเป็นคลื่น ดอกเป็นช่อออกกระจายที่ปลายกิ่งบานทีละดอก ดอกเหลืองมีกลิ่น กลีบบาง เกสรสีเหลือง ผลกลมเมื่อแก่แตก 3-5 พู ภายในมีเมล็ดรูปไตสีน้ำตาล หุ้มด้วยปุยขาวคล้ายปุยฝ้าย
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ ให้ดอกสวยงาม ใบอ่อนนำมาต้มเอาน้ำสระผมและแก้โรคบิด ดอกแห้งและใบแห้งใช้เป็นยาบำรุงกำลัง
เปิด 50 พันธุ์ไม้ ปลูกในอุทยานฯ ร.9
1. กระทุ่มนา (Mitrayna Korth)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพรรณไม้ต้นผลัดใบขนาดกลาง เป็นทรงพุ่มกลม มีความสูงได้ประมาณ 8-15 เมตร แตกกิ่งแขนงต่ำ ใบเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉากกัน กว้างประมาณ 3-7 เซนติเมตร ช่อดอกออกตามปลายกิ่ง ผลแห้งแตก ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก
- ประโยชน์ : ใบ เมื่อเคี้ยวมีรสขม ช่วยลดความดันโลหิต เปลือกต้นรักษาโรคผิวหนังทุกชนิด แก้มะเร็ง
2. กระพี้จั่น
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : มีขนาดเล็กไปจนถึงปานกลาง โดยมีความสูงประมาณ 8-20 เมตร เปลือกของลำต้นเป็นสีน้ำตาลแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ โคนใบมนหรือแหลม ส่วนปลายใบเรียวแหลมและแผ่นใบบาง ดอกเป็นช่อที่ปลายยอด ปลายแยกออกเป็น 5 แฉก กลีบดอกเป็นรูปดอกถั่วมี 5 กลีบ สีม่วงเกือบดำ
- ประโยชน์ : เนื้อไม้ ช่วยบำรุงเลือด เปลือกต้น ต้มน้ำใช้ชำระล้างบาดแผลเรื้อรัง
3. กัลปพฤกษ์ (Wishing Tree)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ความสูงประมาณ 10-15 เมตร เปลือกนอกสีเทาลำต้นมีรอยเป็นเส้นเล็กน้อยแตกกิ่งก้านพุ่งสู่ด้านบน ออกดอกเป็นช่อมีกลิ่นหอม มีสีชมพูแกมขาว ดอกบานจะมีกลีบดอก 5 กลีบ
- ประโยชน์ : เนื้อในฝักเป็นยาระบายอ่อน ๆ เปลือกฝักและเมล็ดทำให้อาเจียน ลดไข้
4. แก้วเจ้าจอม (Lignum Vitae)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพุ่มขนาดเล็ก ลำต้นค่อนข้างคดงอ และมีปมเป็นข้อ ใบจะออกประกอบกันเป็นคู่ กลมมนเล็ก รูปไข่ ออกเรียงสลับกันตามก้านใบและมีผิวมัน ดอกจะมีสีฟ้าเป็นดอกเดี่ยว สีของมันจะค่อย ๆ จางเมื่อแห้งลง
- ประโยชน์ : เป็นยาขับเสมหะ แก้ไขข้ออักเสบ แก้ปวดประจำเดือน แก้โรคหอบหืด แก้โรคเบาหวาน แก้โรคเกาต์ ขับปัสสาวะ
5. ขนุน (Jackfruit tree)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง 15.30 เมตร ใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปรี ขนาดกว้าง 5-8 เซนติเมตร ยาว 10-15 เซนติเมตร ดอกทั้งช่อจะเจริญร่วมกันเป็นผลรวมมีขนาดใหญ่ ผลดิบเปลือกสีเขียว หนามทู่ เมื่อแก่เปลือกสีน้ำตาลอ่อน
- ประโยชน์ : เนื้อขนุนสุกใช้รับประทานเป็นผลไม้ และใช้ทำขนมได้หลายชนิด
6. ขนุนพันธุ์ไพศาลทักษิณ (Jackfruit tree)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูง 4-6 เมตร ใบออกเรียงเวียนสลับ รูปรี ผลรวมทรงกลม มีหนามสั้น สีเขียวอมเหลือง มีลักษณะเด่นคือ ซังน้อย เนื้อหนา เปลือกบาง และยางน้อย
- ประโยชน์ : ผลอ่อนนำมาลวกจิ้มน้ำพริกหรือประกอบอาหาร ผลสุกเนื้อในสีเหลือง รสหวาน ทรงต้นให้ร่มเงาได้ดี
7. ขี้เหล็กบ้าน (Cassod tree)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงปานกลาง ผลัดใบ สูงประมาณ 8-15 เมตร ลำต้นมักคดงอเป็นปุ่ม ใบประกอบเป็นแบบขนนก เรียงสลับกัน มีใบย่อย 5-12 คู่ ดอกช่อสีเหลืองอยู่ตามปลายกิ่ง ผลเป็นฝักแบนยาวมีสีคล้ำ
- ประโยชน์ : ดอก รักษาโรคเส้นประสาท นอนไม่หลับ ราก รักษาไข้ รักษาโรคเหน็บชา ลำต้นและกิ่ง เป็นยาระบาย รักษาโรคผิวหนัง
8. จันทร์กะพ้อ (Resak)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงประมาณ 5-15 เมตร ต้นค่อนข้างตรง เปลือกเกลี้ยง เรือนยอดเป็นพุ่มรีหรือกว้าง ใบเป็นใบเดี่ยว ดอกออกตามกิ่งเป็นช่อเล็ก ๆ ทยอยบานครั้งละ 1-2 ดอก
- ประโยชน์ : ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ ดอกมีกลิ่นหอมค่อนข้างแรงมาก และสามารถนำดอกมาปรุงเป็นยาหอม แก้ลม และบำรุงหัวใจ
9. จำปี (White chempaka)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 10-20 เมตร ไม่ผลัดใบ ลำต้นสีน้ำตาลแตกเป็นร่องถี่ กิ่งเปราะ หัก ใบเดี่ยวเรียงสลับ ใบมีรูปรี ปลายแหลม ออกดอกเดี่ยวที่ซอกใบ กลีบดอกสีขาวแคบเรียบ มี 8-12 กลีบ ยาว 4-6 เซนติเมตร มีกลิ่นหอม
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ ดอกจะมีกลิ่นหอม สามารถนำมาใช้อบเสื้อผ้าให้มีกลิ่นหอมได้
10. จำปีสิรินธร (Champi Sirindhorn)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ต้นขนาดกลาง ถึงขนาดใหญ่ สูง 20-30 เมตร ใบรูปรี โคนใบมนกลม ออกดอกเดี่ยวที่ซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกตูมรูปกระสวย มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.1.5 เซนติเมตร ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตร
- ประโยชน์ : ปลูกไว้เป็นไม้ดอกไม้ประดับ มีกลิ่นหอม
11. ชงโค (Puple orchid tree)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่มหรือไม้ต้นผลัดใบขนาดกลาง สูงประมาณ 15 เมตร ใบเดี่ยว เรียงสลับ เป็นรูปไข่แยกเป็น 2 แฉกลึก คล้ายใบติดกัน มีขนาดประมาณ 20 เซนติเมตร ดอกสีชมพูอมม่วง สีม่วงสดคล้ายกล้วยไม้ และสีขาว มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
- ประโยชน์ : ใช้รากเป็นยาขับลม เปลือกเป็นยาแก้ท้องร่วง มีฤทธิ์แก้ท้องเสีย พอกฝี
12. ชิงชัน (Rosewood)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ขนาดใหญ่ถึงขนาดกลาง สูงประมาณ 25 เมตร เปลือกของต้นนั้นมีสีน้ำตาลอมเทา เปลือกหนา ใบมีสีแดง บางใบเกลี้ยง บางใบอาจมีขนขึ้นอยู่เบาบาง รูปทรงรี ปลายมน หรือหยักเว้าน้อย ๆ และดอกของต้นชิงชันนั้นจะออกดอกทุกปี
13. ตะกู (Bur-flower Tree)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง 15-30 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลม กิ่งเกือบตั้งฉากกับลำต้น เปลือกแตกเป็นร่องละเอียดตามยาว เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามเป็นคู่ ดอกมีสีเขียวอมเหลือง เมื่อแก่จะกลายเป็น สีเหลืองเข้ม มีกลิ่นหอม
- ประโยชน์ : นำเนื้อไม้ไปแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้ทุกชนิด เนื่องจากไม้ตะกูมีสีสวยงาม
14. ตะเคียนทอง (Iron wood)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบขนาดใหญ่ ลำต้นเปลาตรงความสูงของต้นประมาณ 20-40 เมตร ลักษณะของเรือนยอดเป็นทรงพุ่มทึบ ใบเป็นรูปไข่แกมรูปใบหอกหรือรูปดาบ ปลายใบเรียว ดอกเป็นช่อยาวแบบช่อแยกแขนงตามปลายกิ่งและตามง่ามใบ สีเหลืองแกมสีน้ำตาลขนาดเล็ก กลิ่นหอมและขนนุ่ม
- ประโยชน์ : แก่นมีรสขมอมหวาน ช่วยแก้โลหิตและกำเดา
15. ตะแบกนา (Tabaek)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นต้นไม้ผลัดใบ 15-30 เมตร ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามหรือเยื้องกันเล็กน้อย แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปหอก ปลายใบเป็นติ่งแหลม โคนสอบ ดอกสีม่วงอมชมพูต่อมาเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือเกือบขาว ออกรวมกันเป็นช่อตามปลายกิ่ง
- ประโยชน์ : เนื้อไม้ละเอียดแข็ง ใช้ทำสิ่งปลูกสร้างที่รับน้ำหนักเสา กระดานพื้น และนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
16. ตะแบกใหญ่ (White Myrtle)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ใบโต ปลายใบแหลม ดอกสีขาว เป็นช่อแบนใหญ่ ดอกแตกออกเป็นกลีบกลม 6 กลีบ พอแก่จวนจะร่วง จะกลายเป็นสีม่วงแดงเป็นช่อใหญ่ หรือพุ่มสีผึ้งรวมกันเป็นช่องามน่าดู
- ประโยชน์ : ปลูกไว้เป็นไม้ดอกไม้ประดับ เปลือก ทำเป็นยาแก้บิดและมูกเลือด หรือแก้ลงแดง
17. ทองกวาว (Flame of the Forest)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ขนาดกลาง สูง 8-15 เมตร ลำต้นส่วนมากจะคดงอและแตกกิ่งต่ำ ใบย่อยรูปป้อม โคนเบี้ยว ปลายมน ลักษณะคล้ายรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ใบกลางจะมีก้านใบยาว ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ส่วนฐานรองดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ดอกสีแสดที่เป็นสีเหลืองหายาก ลักษณะเป็นดอกถั่วขนาดใหญ่มี 5 กลีบ
- ประโยชน์ : ดอกให้สีแดงใช้ย้อมผ้า เมล็ดใช้บำบัดพยาธิภายใน
18. ทองหลาง (Indian Coral Tree)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบในระยะสั้น ๆ มีความสูงของต้นประมาณ 10-20 เมตร และอาจสูงได้ถึง 25 เมตร เรือนยอดแผ่กว้างใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ ออกเรียงสลับออกดอกเป็นช่อ กลีบดอกเป็นสีแดงเข้ม ดอกมีลักษณะเป็นรูปดอกถั่ว
- ประโยชน์ : ใบใช้ตำพอกรักษาฝี นำมาบดทาแก้โรคบวมตามข้อ
19. นนทรี (Copper Pod)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้น ทรงพุ่มสูงได้ถึง 25 เมตร กึ่งผลัดใบเรือนยอดรูปร่ม แผ่กว้าง ใบเป็นใบประกอบขนนกสองชั้นรูปไข่ ออกดอกเป็นช่อตั้งขนาดใหญ่ที่ปลายกิ่ง สีเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
- ประโยชน์ : เปลือกบดเป็นผงรักษาโรคสะเก็ดเงินและใช้เป็นยาสมานแผลสด
20. บัวสวรรค์ (Gustavia)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้พุ่ม สูง 1.5-4 เมตร ใบ เดี่ยว ออกสลับ รูปใบหอก ปลายใบเรียว ขอบหยัก ดอกมีกลีบดอก 8-9 กลีบค่อนข้างหนา เมื่อบานเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-7 เซนติเมตร สีชมพู กลิ่นหอม ออกดอกตลอดปี
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ
21. ประดู่แดง (Monkey flower tree)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 10-12 เมตร ผิวเปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลอ่อน เรือนยอดแผ่กว้างกิ่งลู่ลง ผลัดใบ ใบเป็นรูปมนรีออกเป็นคู่ สลับตามลำต้นออกดอกเป็นช่อ ดอกสีแดงสด จะทยอยกันบานไล่ขึ้นไปตั้งแต่โคนก้านช่อจนถึงปลายช่อ เกสรยาวยื่นออกมากลางดอก
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
22. ประดู่ป่า (Burmese Padauk)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 15-30 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ทึบ ใบประกอบขนนกชั้นเดียว ปลายใบคี่ เรียงสลับ ดอกมีสีเหลือง กลิ่นหอม ออกเป็นช่อยาว 10-20 เมตร
- ประโยชน์ : แก่นสีแดงคล้ำใช้ย้อมผ้า และเปลือกให้น้ำฝาดใช้ฟอกหนัง
23. ประดู่อังสนา (Padauk)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ต้นผลัดใบสูง 10-20 เมตร ทรงกลม แผ่กว้าง ลำต้น เรือนยอดทรง กิ่งก้านห้อยลง เปลือกต้นสีน้ำตาลปนดำและแตกเป็นสะเก็ด ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่เรียง ช่อดอกเป็นช่อกระจะออกที่ซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกรูปถั่ว สีเหลือง เมื่อบานมีขนาด 1-1.5 เซนติเมตร มีกลิ่นหอม
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ ช่อดอกอ่อนกินกับน้ำพริกได้
24. ปีบ (Cork Tree)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่มีความสูงประมาณ 10-20 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มทรงกระบอก กิ่งก้านมักจะย้อยลง ดอกมีสีขาวหรือชมพู มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกซ้อนตามปลายกิ่ง
- ประโยชน์ : ดอกตากแห้งนำมาม้วนเป็นบุหรี่สูบ ใช้สูบทำให้ชุ่มคอ ทำให้ปากหอม
25. ปีบทอง (Tree Jasmine)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ต้นผลัดใบ สูงประมาณ 10 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ ดอกมีสีเหลืองอมส้มหรือสีส้ม ออกเป็นกระจุกตามกิ่งและลำต้น กระจุกล 5-10 ดอก บานไม่พร้อมกัน กลีบเลี้ยง รูปถ้วยสีม่วงแดง กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด
- ประโยชน์ : ลำต้นใช้แก้ซางในเด็กที่มักจะมีเม็ดขึ้นในปากและลำคอ ช่วยแก้ลิ้นเป็นฝ้า ปวดฟัน รักษาโรคผิวหนัง โรคเรื้อน
26. พรหมจุฬาภรณ์
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 2 เมตร มีดอกขนาดเล็ก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 1 เซนติเมตร สีขาวเด่น และเปลี่ยนเป็นสีครีมเมื่อดอกมีอายุมากขึ้น มีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นดอกโมก กลีบดอกชั้นในประกบกันเป็นรูป
- ประโยชน์ : มีสารเคมีทุติยภูมิที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง และอาจพัฒนาเป็นยาต้านมะเร็งได้ในอนาคต
27. มหาพรหมราชินี (Mahaphrom Rachini)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก สูง 4-6 เมตร เปลือกลำต้นสีน้ำตาล กิ่งอ่อนมีขนอ่อนคลุมอยู่ ใบรูปหอก เป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ 1-3 ดอก ใกล้ปลายยอด โคนกลีบสีเขียวอ่อน ปลายกลีบสีม่วงเข้ม กระดกงอขึ้นและประกบติดกันเป็นรูปกระเช้า แต่ละดอกบานอยู่ได้ 3-5 วัน มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ
28. มะกอก (Jew’s plum)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลาง สูงถึง 25 เมตร ลำต้นและกิ่งก้านเลี้ยงไม่มีขน มีใบย่อย 3-5 คู่ ปลายใบเป็นติ่งแหลม โคนใบแหลมหรือเบี้ยว ดอกออกเป็นช่อสีขาวตามปลายกิ่ง ผลสดมีเนื้อฉ่ำน้ำ ลักษณะรูปไข่หรือรูปรี เมื่อสุกผลสีเหลืองหม่น
- ประโยชน์ : ยอดอ่อนและใบใช้รับประทานเป็นผักรสเปรี้ยว ผลรสเปรี้ยวหวานเย็น ผลสุกใช้ปรุงรสเปรี้ยว
29. มะเกลือ (Ebony tree)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 8-15 เมตร อาจสูงได้ถึง 30 เมตร ผลัดใบหรือไม่ผลัดใบ เปลือกสีดำ แตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ตามยาว ใบเดี่ยว เรียงสลับ แผ่นใบรูปไข่ดอกสีขาวหรือเหลืองอ่อน ผลสด รูปทรงกลม ผิวเรียบเกลี้ยง ผลดิบสีเขียว ผลสุกสีเหลืองอมดำ
- ประโยชน์ : ผลสดสีเขียว รสขื่นเฝื่อนเบื่อฝาด ขับพยาธิในไส้เดือน
30. มะตูม (Bael)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ลำต้นมีความสูง 18 เมตร เปลือกลำต้นมีสีเหลืองสีเทาเรียบเป็นร่องตื้น เนื้อไม้แข็ง ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยรูปไข่หรือรูปหอกมี 3 ใบ ดอกสีขาวหรือขาวอมเขียว มีกลิ่นหอม ผลมีเปลือกแข็งเรียบและมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-15 เซนติเมตร
- ประโยชน์ : ใช้รับประทานได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง และใช้เป็นยารักษาอาการท้องร่วง ท้องเดิน โรคลำไส้
31. มะเม่า (Maoberry/Mamao)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้น ใบเดี่ยวสีเขียวเป็นมัน โคนใบเรียวมน ดอกออกเป็นช่อ ตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกแยกเพศแยกต้น ผลกลม ออกรวมกันเป็นพวง ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกเป็นสีแดง สุกเต็มที่เปลี่ยนเป็นสีดำ
- ประโยชน์ : ผลรับประทานได้ มีรสเปรี้ยว โดยรับประทานเป็นผลไม้ สดหรือแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ เป็นยาระบาย ช่วยบำรุงสายตา
32. มะฮอกกานี (Broad Leaf Mahogany)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง 15-25 เมตร ขนาดทรงพุ่ม 6-10 เมตร ผลัดใบ ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่เรียงเวียนสลับ ดอกสีเหลืองอมเขียว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนง ที่ซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ช่อดอกตั้งยาว 10-15 เซนติเมตร
- ประโยชน์ : เปลือกต้น รสฝาดขม ฝนทาสมานแผล ต้มดื่มแก้ไข้
33. โมกมัน (Ivory)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ต้นผลัดใบ สูงได้ถึง 20 เมตร เปลือกสีขาวหรือสีเทาอ่อนถึงน้ำตาล ใบรูปรี ยาว 3-18 เซนติเมตร ดอกสีขาวนวล ออกเป็นช่อ ตามปลายกิ่ง ยาว 4-6 เซนติเมตร ผลเป็นฝักรูปทรงกระบอกฃ
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ เปลือกต้นและรากใช้แก้พิษสัตว์ กัดต่อยและโรคไต
34. โมกราชินี
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ต้นขนาดกลางสูงได้ถึง 6 เมตร เป็นดอกเดี่ยวออกที่ปลายยอด ดอกบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-5 เซนติเมตร กลีบดอก 5 กลีบ สีขาว กลางดอกมีรยางค์เป็นขนยาว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ผลเป็นฝัก ออกเป็นคู่กางออก เมื่อแก่มีสีน้ำตาลและแตกออก
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับและไม้มงคล
35. ยางนา (Yang)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูง 40-50 เมตร ไม่ผลัดใบ ลำต้นตรง เปลือกเรียบหนาสีเทา ใบเดี่ยวรูปไข่แกมรูปหอกกว้าง ปลายใบสอบเรียว ดอกสีชมพู ออกเป็นช่อสั้น ๆ สีน้ำตาล กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบประสานเหลื่อมกัน ปลายกลีบบิดเวียนตามกันแบบกังหัน
- ประโยชน์ : เปลือกเป็นยาบำรุงร่างกาย ฟอกเลือด บำรุงโลหิต
36. รวงผึ้ง (Yellow Star)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 8 เมตร ใบรูปมนรีหรือขอบขนานปลายแหลม ขอบใบเรียบ ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ออกเป็นช่อสั้น ๆ ตามซอกใบ สีเหลืองสด ขนาด 1.3-1.5 เซนติเมตร ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ผลกลมเป็นแบบแห้งไม่แตก ขนาด 0.5-1 เซนติเมตร
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ ให้กลิ่นหอม
37. ราชพฤกษ์/คูน(Golden showe)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีความสูง 10-20 เมตร ดอกขึ้นเป็นช่อยาว 20-40 เซนติเมตร แต่ละดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-7 เซนติเมตร มีกลีบดอกสีเหลืองขนาดเท่ากับ 5 กลีบ ผลยาว 30-62 เซนติเมตร และกว้าง 1.5-2.5 เซนติเมตร มีกลิ่นฉุน และมีเมล็ดที่มีพิษเป็นจำนวนมาก
- ประโยชน์ : เป็นต้นไม้มงคลนิยมใช้ประกอบพิธีที่สำคัญ
38. ลำดวน (Landman)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูง 5-20 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดรูปกรวย หนาทึบ ลำต้นปลาตรง มีเปลือกสีน้ำตาล ใบเดี่ยว เรียงสลับ ดอกมีสีนวลกลิ่นหอม ออกเดี่ยวตามซอกใบที่ปลายกิ่ง กลีบดอกหนาและแข็ง ดอกมีกลิ่นหอม ลักษณะผลเป็นผลทรงกลม สีเขียว เมื่อสุกสีดำ รสหวานอมเปรี้ยว
- ประโยชน์ : ดอกแห้งมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง บำรงโลหิต
39. ลีลาวดี (Temble tree)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง 6-12 เมตร เรือนยอดรูปไข่หรือรูปร่ม แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มกว้าง ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอกแกมรูปไข่กลับ ดอกเป็นช่อแบบกระจุกแยกแขนง ปลายแยกเป็น 5 แฉก ดอกมีสีขาวแกมสีเหลือง มีกลิ่นหอม
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ ดอกลีลาวดีใช้ผสมกับพลู ทำเป็นยาแก้ไข้ และไข้มาลาเรีย รากช่วยรักษาไข้หวัด
40. ศรีตรัง (Green ebony)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นต้นไม้ขนาดเล็กผลัดใบ สูง 4-10 เมตร ทรงเรือนยอดโปร่ง ต้นสีน้ำตาลอ่อนปนเทา โตช้า ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ออกตรงกันข้าม ดอกสีม่วง ออกเป็นช่อแขนงขนาดใหญ่ตามปลายกิ่ง โคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด มี 5 กลีบ เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร ผลเป็นฝักแบน
- ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ
41. สมอไทย (Myrabolan Wood)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูง 20-30 เมตร เปลือกต้นขรุขระ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปวงรี ดอกออกที่ซอกใบหรือปลายยอด กลีบสีเหลือง ผลเป็นผลสด รูปวงรี เมื่อแก่จะมีสีเขียวอมเหลือง
- ประโยชน์ : ผลอ่อนจะมีฤทธิ์เป็นยาระบาย ผลแก่จะมีฤทธิ์ฝาดสมาน นอกจากนี้ยังใช้อมกลั้วคอแก้เจ็บคอ
42. สมอพิเภก (Beleric myrobalan)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้น เปลือกต้นสีน้ำตาลอมแดง มีรอยแตกขนาดเล็ก บางและหลุดร่อน ใบเป็นใบเดี่ยว ดอกเป็นช่อ ช่อดอกชี้ขึ้น ดอกขนาดเล็ก สีเหลืองหรือเหลืองอมเขียว กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ เชื่อมติดกัน ฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย ผลเดี่ยว ทรงกลมรี สีเขียว หรือเขียวอมเหลือง ผิวเกลี้ยง เนื้อแข็งติดเมล็ด
- ประโยชน์ : ผลดิบรสเปรี้ยว ใช้เป็นยาระบาย แก้ไข้
43. สะเดา (Siamese neem tree)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นต้นไม้ สูง 15-25 เมตร เปลือกต้นแตกเป็นร่องลึกตามยาว เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับรูปใบ ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกสีขาวนวล กลีบเลี้ยงมี 5 แฉก กลีบดอกโคนติดกัน ปลายแยกเป็น 5 แฉก ผลรูปทรงรี ผิวเรียบ ผลอ่อนสีเขียว สุกเป็นสีเหลืองส้ม เมล็ดเดี่ยว รูปรี
- ประโยชน์ : ดอก ยอดอ่อน แก้พิษโลหิต กำเดา ก้านใบ แก้ไข้
44. สะเดาข้าง (Pink Cedar)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูงราว 20-35 เมตร เปลือกต้นสีเทาเรียบ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ขึ้นเรียงสลับ ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกย่อยขนาดเล็ก เวลาบานมี 5 กลีบ สีขาวอมเหลือง ส่งกลิ่นหอมทั้งวัน
- ประโยชน์ : ใบกับเมล็ด นำมาสกัดสารทำยาฆ่าแมลง เปลือก นำไปต้มดื่มน้ำทำเป็นยาแก้บิดและท้องร่วง
45. สัก (Teak)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ผลัดใบในฤดูร้อน ลำต้นเปล่า ตรงเปลือกเรียบหรือแตกเป็นร่องเล็ก ๆ ใบเดี่ยวใหญ่มาก ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ดอกมีขนาดเล็ก สีขาวนวลออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ผลเป็นผลแห้งค่อนข้างกลม
- ประโยชน์ : ใบนำมาต้มกับน้ำรับประทานเป็นยาลดระดับน้ำตาลในเลือด บำรุงโลหิต รักษาโรคผิวหนัง เป็นยาขับพยาธิ
46. เสลาใบเล็ก (Thai bungor)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นต้นไม้ขนาดกลาง สูง 10-15 เมตร เรือนยอดทรงกลมทึบ ใบดก กิ่งโน้มลงรอบทรงพุ่ม เปลือกต้นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม ดอกสีม่วง ม่วงอมชมพู หรือม่วงกับขาว ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ผลรูปเกือบกลม ผิวแข็ง
- ประโยชน์ : เนื้อไม้ใช้สร้างบ้าน ใบ บดกับกำยานก้อนเล็ก ๆ ใช้ทาแก้ผดผื่นคัน
47. อินทรชิด/เสลา
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นต้นไม้ขนาดกลาง ผลัดใบสูง 1-2 เดคาเมตร เรือนยอดทรงกลมทึบ ใบดก กิ่งโน้มลงรอบทรงพุ่ม ดอกสีม่วง ม่วงอมชมพู หรือม่วงกับขาว ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงเชื่อมกันเป็นรูปถ้วย ผลรูปเกือบกลม ผิวแข็ง
- ประโยชน์ : ไม้ทำเครื่องแกะสลัก ด้ามเครื่องมือ ทำพื้น รอด ตงคาน ได้ดี ปลูกเป็นไม้ประดับ
48. หว้า (Jambolan Plum)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นสูง 10-35 เมตร เปลือกต้นค่อนข้างเรียบ สีน้ำตาล ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปไข่หรือรูปรี ดอกช่อ สีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ออกที่ซอกใบหรือปลายยอด ผลเป็นผลสด รูปรีแกมรูปไข่ ฉ่ำน้ำ มีสีม่วงดำ ผิวเรียบมัน มีขนาด 1 เซนติเมตร
- ประโยชน์ : เปลือกต้น ต้มน้ำดื่มแก้บิด อมแก้ปากเปื่อย ผลดิบแก้ท้องเสีย ผลสุก รับประทานได้ มีรสเปรี้ยวอมฝาด
49. อินจัน (Gold Apple)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 10-20 เมตร เรือนยอดเป็นทรงกลมหรือทรงกระสวย หนาทึบ ลำต้นตรง เป็นใบเดี่ยวสีเขียวเข้ม ออกเรียงสลับกัน ดอกมีสีขาวนวลหรือสีเหลืองอ่อน ดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือดอกช่อ ผลอ่อนมีสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะเป็นสีเหลือง เนื้อนุ่ม มีกลิ่นหอมและมีรสหวาน
- ประโยชน์ : แก่น ช่วยบำรุงผิวพรรณ ผล ช่วยบำรุงกำลังให้สดชื่น
50. อินทนิลน้ำ (Queen’s Crape Myrtle)
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นต้นไม้สูง 5-20 เมตร ผลัดใบเร็ว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเป็นคู่หรือเยื้องกันเล็กน้อย ดอกบานกว้าง 10 เซนติเมตร กลีบรองดอกรูปถ้วย ปลายแยกเป็น 6 แฉก รูปช้อนปลายแผ่ โคนกลีบเป็นก้านเรียว ผลแห้ง รูปกระสวยป่องกลาง
- ประโยชน์ : ใบอ่อนตากแดดแล้วชงเป็นชาแก้เบาหวานและลดความอ้วน