โฮมโปรรับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น โชว์ไตรมาส 1/66 รายได้ 18,251 ล้าน

โฮมโปร

HMPRO เปิดผลประกอบการไตรมาส 1/66 มีรายได้รวม 18,251.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.47% กำไรสุทธิ 1,611.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.63% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 จากปัจจัยบวกของการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช้อปดีมีคืน

วันที่ 26 เมษายน 2566 นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 1,611.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.18 ล้านบาท หรือ 6.63% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65 มีรายได้รวม 18,251.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,579.35 ล้านบาท หรือ 9.47%

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี
นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO

โดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้จากการขายสินค้าและรายได้จากการบริการลูกค้า (HOME SERVICE) รวมจำนวน 17,223.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,462.53 ล้านบาท หรือ 9.28% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัว ปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้การบริโภคสินค้ากลุ่มปรับปรุงซ่อมแซมในจังหวัดท่องเที่ยวมีอัตราเติบโตสูงกว่าจังหวัดอื่นเป็นอย่างมาก ภาครัฐมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้การบริโภคในประเทศของภาคเอกชนมีการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายของบริษัทฯ เติบโตสูงขึ้นทั้งในส่วนของสาขาและออนไลน์

ในส่วนกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการบริการลูกค้า (HOME SERVICE) มีจำนวน 4,492.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 395.81 ล้านบาท หรือ 9.66% เมื่อเทียบกับปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขาย จาก 25.99% ในปีก่อน เพิ่มเป็น 26.08% มาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง

โฮมโปร

ในช่วงไตรมาส 1/66  บริษัทจัดงาน HOMEPRO EXPO 2023 และกิจกรรม DOUBLE DAY รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่น ๆ จึงมีการให้ส่วนลดแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัท ยังมีรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่ารายได้จากการขายสินค้า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมเติบโตขึ้นเล็กน้อยที่ 0.09%

ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากค่าเช่า 476.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.08 ล้านบาท หรือ 16.08% จากปีก่อน มาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวในภาคใต้

สำหรับการขยายสาขา ยังคงดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ โดยเปิดสาขาเมกาโฮมใหม่ 3 สาขา ได้แก่ รัตนาธิเบศร์ บางพลี และติวานนท์ ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/66 บริษัทมีโฮมโปร 87 สาขา โฮมโปรเอส 5 สาขา เมกาโฮม 21 สาขา และโฮมโปร ประเทศมาเลเซีย 7 สาขา

“อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 1/66 บริษัทยังคงเผชิญแรงกดดันเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น อาทิ ค่าไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาใหม่ ค่าซ่อมแซม ค่าใช้จ่ายการตลาดและส่งเสริมการขาย ความผันผวนของตลาดการเงิน ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน บริษัทมีการควบคุมและกลยุทธ์ที่รัดกุมเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ติดตั้งหลังคา SOLAR ROOFTOP ที่สาขาเพิ่มเติม เป็นต้น” นายวีรพันธ์กล่าว