เปิดแล้ว “เทอร์มินอล2” อู่ตะเภา “บิ๊กตู่” ยกระดับฮับอาเซียนเชื่อมไฮสปีด 3 สนามบิน

วันที่ 4 ธ.ค.62 เวลา 13.45 น. ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยา ซึ่งพลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ประธานกรรมการบริหารกองทุนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา และ พลเรือโท กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา ให้การต้อนรับ

เมื่อนายกรัฐมนตรีเข้าสู่บริเวณงาน นายกรัฐมนตรีชมนิทรรศการ และ Timeline Board เกี่ยวกับท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยา ชมการแสดง The start of the new experience ชมวีดิทัศน์แนะนำการเปิดใช้อาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือกล่าวรายงานว่า ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยา ได้เปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ปี2532 รวมระยะเวลา 30 ปี ปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี และมีจำนวนเที่ยวบินประมาณ 15,000 เที่ยวบินต่อปี

จึงทำให้อาคารพักผู้โดยสารหลังเดิมที่มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเพียง 7 แสนคนต่อปี เกิดความแออัด ไม่เพียงพอต่อการให้บริการทั้งแก่ผู้โดยสารและสายการบินพาณิชย์ การท่าอากาศยานอู่ตะเภา จึงได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับจำนวนผู้โดยสารและสายการบินพาณิชย์ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของธุรกิจการบินของประเทศ ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงการเดินทางสู่พื้นที่ภาคตะวันออก และสนับสนุนการยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออกให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาคตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือโครงการ อีอีซี (Eastern Economic Corridor : EEC) ของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยอาคารพักผู้โดยสาร หลังที่ 2 แห่งนี้ มีพื้นที่ใช้สอย 30,000 ตารางเมตร สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้ 3 -5ล้านคนต่อปี ซึ่งจะสามารถให้บริการได้เต็มศักยภาพ จนถึงปี2570 ที่ประมาณการจำนวนผู้โดยสารไว้ว่าจะมีมากกว่า 5 ล้านคนต่อปี

ทั้งนี้ การท่าอากาศยานอู่ตะเภา ได้ทำการทดสอบใช้งานระบบการให้บริการด้านต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และได้ทดลองเปิดใช้งานอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 อย่างเต็มรูปแบบมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ผลการดำเนินการปรากฏว่าอยู่ในเกณฑ์ดี นอกจากนั้นยังได้รับความร่วมมือ การสนับสนุนและการให้คำแนะนำต่าง ๆ จากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน ที่ช่วยสนับสนุนและให้คำแนะนำในการดำเนินการต่าง ๆ ส่งผลให้การเปิดใช้งานอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยอย่างดียิ่ง

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาเป็นประธานในงานพิธีเปิดอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยา ในวันนี้ พร้อมกล่าวเปิดงานว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

โดยเล็งเห็นว่าการพัฒนาด้านการคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางรางและทางอากาศ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศให้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน ท่าอากาศยานอู่ตะเภาได้รับการพัฒนาเป็นสนามบินพาณิชย์มายาวนานกว่า 30 ปี และได้มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลได้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสในการเติบโต

จึงทำให้เกิดนโยบายพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ มีการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 2 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการผู้โดยสาร และขณะเดียวกันยังได้เตรียมความพร้อมในด้านอื่น ๆ ให้ครอบคลุมและสามารถรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมการบินของประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

โดยระยะต่อไป รัฐบาลได้มีแผนในการยกระดับท่าอากาศยานแห่งนี้ ให้เป็นศูนย์กลางการบินของอาเซียน ภายใต้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (Eastern Airport City) ควบคู่ไปกับการพัฒนาการขนส่งทางราง เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งทั้ง 3 สนามบินหลักของประเทศไทยผ่านทางรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยมีเป้าหมายให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 60 ล้านคนต่อปี

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีทำพิธีเปิดอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยา โดยการวางสัญลักษณ์ลงบนแท่น และเข้าเยี่ยมชมพื้นที่ภายในอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 ประกอบด้วย ห้องผู้โดยสารขาเข้าในประเทศ โถงผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ร้านค้าภายในท่าอากาศยาน และโถงผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เข้ายังบริเวณเขตการบิน (Air Side) และถ่ายภาพร่วมกับคณะพนักงานท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยาก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยา มีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อรองรับทุกความต้องการของผู้โดยสาร เชื่อมโยงและสนับสนุนการเดินทาง การขนส่งทางอากาศ เพื่อให้พร้อมเป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศไทย

ซึ่งภายในอาคารผู้โดยสารแห่งนี้สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 1,200 คนต่อชั่วโมง ที่เดินทางทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยมีความพร้อมในการให้บริการทุกด้าน ทั้งร้านค้าปลอดอากร ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้า

รวมถึงการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อาทิ ลานจอดรถ หลังคาคลุมทางเดิน และอาคารคลังสินค้าหลังใหม่ อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ ด้วยการส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเชื่อมโยงการขนส่งผู้โดยสารกับสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิและเป็น Aviation Hub หลัก ในภูมิภาคนี้