“รถไฟ” นำร่องส่งผู้ป่วยโควิดอีสานถึงบ้านเที่ยวแรก 27 ก.ค. 64 นี้

“ศักดิ์สยาม” สั่งสแตนบายด์หน่วยงานคมนาคม “รถไฟ-บขส.-ขนส่งทางบก” ส่งผู้ป่วยโควิดภาคอีสาน 7 จังหวัดกลับบ้าน “รถไฟ” ประเดิมนำส่งผู้ป่วยกลับบ้านปลายทาง “อุบล” พรุ่งนี้ (27 ก.ค. 64)

วันที่ 26 กรกฎาคม 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า วันนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นประธานการประชุม ติดตามเตรียมการส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนาในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครราชสีมา อำนาจเจริญ ยโสธร และสุรินทร์  ผ่านระบบประชุมทางไกลออนไลน์ โปรแกรม Zoom ณ กระทรวงคมนาคม  

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า การส่งผู้ป่วยโควิด-19 จากกรุงเทพฯและปริมณฑล กลับภูมิลำเนา เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)  สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ร่วมกันกำหนดแนวทางและวางระบบการดูแลจัดส่งผู้ป่วยโควิดกลับอย่างปลอดภัยไม่ให้มีการแพร่เชื้อระหว่างการเดินทาง 

สำหรับการประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมสรุปทั้งในส่วนของขั้นตอนการประสานจัดส่งผู้ป่วย ความพร้อมของทั้งส่วนกลาง กับจังหวัดปลายทาง ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยมีความพร้อมดำเนินการแล้ว โดยเฉพาะใน 7 จังหวัด มีความพร้อมทั้งในส่วนจุดรับเมื่อผู้ป่วยถึงจังหวัด ขั้นตอนการคัดกรอง และพื้นที่ให้การรักษาผู้ป่วยทั้งส่วนที่เป็นศูนย์พักคอย โรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาล  

บขส.-รถไฟ-ขนส่งทางบก สแตนบายด์

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคมนั้นขณะนี้มีความพร้อมที่จะรับส่งผู้ป่วยแล้ว โดยหน่วยงานภายใต้กระทรวงได้แก่ บริษัท ขนส่ง จำกัด กรมขนส่งทางบก การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ได้จัดขบวนรถ รวมถึงได้ออกแบบเส้นทางการขนส่ง การอบรมให้ความรู้เจ้าหน้าที่ที่จะให้บริการ มีความรู้ความเข้าใจในข้อปฏิบัติเพื่อให้การขนส่งผู้โดยสารเป็นไปตามมาตรฐานสาธารณสุข  

รถไฟนำร่องส่งผู้ป่วยถึงอีสานเที่ยวแรก 27 ก.ค.นี้

ซึ่งหน่วยงานแรกที่จะเริ่มส่งผู้ป่วยได้ คือ ร.ฟ.ท. โดยมีการเตรียมแผนที่ให้บริการรถไฟสายอีสานใต้ ผ่านนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เริ่มให้ส่งผู้ป่วยตั้งแต่วันพรุ่งนี้(27 ก.ค. 2564) เป็นต้นไป โดยขบวนรถไฟขบวนแรกที่จะทำหน้าที่นี้  เป็นขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษ ขบวน 971 เส้นทางต้นทางสถานีรถไฟบางซื่อ – ปลายทางอุบลราชธานี ออกเดินทางจาก 


สถานีบางซื่อ วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2564 เวลา 9.00 น. 

“ในส่วนของกระบวนการรับและส่งผู้โดยสารโดยหน่วยงานของคมนาคม ได้สั่งการย้ำว่าทุกขบวนจะต้องเป็นขบวนพิเศษทั้งกรณีรถของ บขส. หรือรถไฟ  ทั้งพื้นที่และเวลาการขนส่งผู้ป่วยจะต้องแยกกับผู้โดยสารทั่วไป เพราะประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุดคือความปลอดภัยของทั้งผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป โดยหากจังหวัดอื่นๆ มีการประสานเข้ามา กระทรวงคมพร้อมจะสนับสนุนการเดินทางกลับภูมิลำเนาของผู้ป่วยโควิด-19 ภายใต้โมเดลเดียวกันกับ 7 จังหวัดนี้”นายศักดิ์สยาม กล่าว

ประสานสาธารณสุข ช่วยด้านความปลอดภัย

รมว.คมนาคม กล่าวว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าการส่งผู้ป่วยจะดำเนินไปอย่างรัดกุม การจัดส่งผู้ป่วยของหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม จะดำเนินการโดยประสานข้อมูลร่วมกันกับ 3 หน่วยงานหลัก คือ สปสช. สพฉ. และ จังหวัด เพื่อให้การจัดส่งมีความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยตามขั้นตอนผู้ป่วยจะต้องติดต่อผ่านสายด่วน สปสช. 1330 หรือติดต่อแจ้งความประสงค์กับแต่ละจังหวัด  จากนั้นแต่ละจังหวัดจะรวบรวามรายชื่อ จำนวนผู้ป่วย จำนวนเตียงที่ว่างแล้วแจ้งยอดต่อ สพฉ. จากนั้น สพฉ. จะแจ้งยอดผู้ป่วยให้แก่กระทรวงคมนาคมเพื่อจัดขบวนรถและจัดเส้นทางการขนส่ง พร้อมประสานวัน เวลา เพื่อเข้ารับตัวผู้ป่วยจากที่พักอาศัยโดยจะไม่มีกรณีผู้ป่วยเดินทางมา ณ จุดขึ้นรถเอง  

ยันแยกผู้ป่วยออกจากตู้รถไฟปกติ

นอกจากนี้ ระหว่างการส่งผู้ป่วยโดยรถขบวนพิเศษนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ทั้งด้านสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตรวจ ไปกับขบวนรถเพื่อดูแลผู้ป่วย และความเรียบร้อยในขบวนรถ  มีการแยกกลุ่มผู้ป่วยที่ชัดเจน เช่น กรณีของ ร.ฟ.ท.จะมีการแยกโบกี้ระหว่างผู้ป่วยกลุ่มยืนยันด้วยผลตรวจ RT PCR positive กับกลุ่มผลตรวจ ATK positive เพื่อป้องกันกรณีที่ผู้มีผลตรวจ ATK positive คลาดเคลื่อนมาปะปนกับผู้ที่ผลตรวจชัดเจนแล้ว และก่อนออกเดินทาง สพฉ. จะมีการประเมินอาการของผู้ป่วยทุกรายก่อนให้ออกเดินทาง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเอง

“ขอย้ำผู้กับผู้ป่วยที่ประสงค์จะเดินทางกลับไปรักษาตัว ณ ภูมิลำเนาทุกคนว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนการเดินทางเต็มที่ ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยผ่านระบบของทางการ อย่าเดินทางกลับเอง เพื่อเป็นการดูแลทั้งตัวท่านเองและประชาชนท่านอื่น หากประสงค์กลับบ้านให้ติดต่อสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อเข้าสู่ระบบการจัดส่งผู้ป่วย โดยทั้งหมดภาครัฐให้การสนับสนุนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย” นายศักดิ์สยาม กล่าว