ส่อง 12 ทำเลซีเนียร์ลิฟวิ่ง “ใกล้หมอ-ใกล้ห้าง-ใกล้สวน”

กทม.
ดาต้าเบส

LPN Wisdom แนะนำ 12 ทำเลในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล พัฒนาที่อยู่อาศัยตอบโจทย์ผู้สูงวัย

โดย “ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS หรือ LPN Wisdom) บริษัทวิจัยและพัฒนาในเครือ LPN ระบุว่า จากการสำรวจศักยภาพทำเลพัฒนาโครงการรองรับตลาดซีเนียร์ลิฟวิ่ง ซึ่งมีข้อคำนึง 3 องค์ประกอบ

ได้แก่ 1.ระยะเวลาการเดินทางถึงโรงพยาบาลไม่เกิน 15 นาที 2.มีโรงพยาบาลอยู่ในรัศมีใกล้เคียงไม่น้อยกว่า 3 แห่ง 3.มีแหล่งใช้ชีวิตทั้งห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ พบว่ามีทำเลน่าสนใจ 4 กลุ่ม 12 ทำเล ดังนี้

“ทำเลพัฒนาคอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท” หรือคอนโดฯราคาที่ลูกค้าส่วนใหญ่เอื้อมถึงได้ ที่เรียกว่า affordable condominium ได้แก่ โซน “มีนบุรี-รามอินทรา กม.8-พระราม 2”

“ทำเลเหมาะทำคอนโดฯ 3 ล้านบาทขึ้นไป” (standard and premium condominium) ได้แก่ โซน “ประชาชื่น-เกษตรฯ/พระราม 9-ศรีนครินทร์/พระราม 4-เอกมัย”

“ทำเลเหมาะทำบ้านแนวราบไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือ affordable house ได้แก่ โซน “มีนบุรี-บางใหญ่-หนองแขม”

“ทำเลเหมาะทำบ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป (standard and premium house) ได้แก่ โซน “ภาษีเจริญ-ศรีนครินทร์-กล้วยน้ำไท”

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจ 12 ทำเลดังกล่าวมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ จุดโฟกัสอยู่ที่เป็นทำเลที่มีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอต่อการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุและสมาชิกในรุ่นอื่น ๆ ของครอบครัว ทั้งเด็กและวัยทำงาน เหมาะกับการพัฒนาโครงการในรูปแบบอารยสถาปัตย์ หรือ universal design ซึ่งเป็นแนวคิดดีไซน์เพื่อคนทุกวัย

นอกจากนี้ ในด้านรูปแบบโครงการและการบริการ มีความจำเป็นที่จะต้องออกแบบเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ โดยจะต้องคำนึงถึงการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม ให้ความสำคัญเรื่องสุขอนามัย รวมถึงบรรยากาศการอยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบาย อาทิ ห้องน้ำต้องใช้พื้นกันลื่น, มีที่จับเพื่อการประคองตัวสำหรับผู้สูงอายุ, ลดความลาดชันในแต่ละพื้นที่ของที่อยู่อาศัย เป็นต้น

ในขณะที่งานบริการในโครงการควรมีระบบการแพทย์ฉุกเฉินและกู้ชีพรองรับ 24 ชั่วโมง, มีระบบพร้อมที่จะส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล, มีทีมดูแลอาคารที่สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้น, การจัดกิจกรรมภายในโครงการเพื่อส่งเสริมด้านจิตใจและสังคมของผู้อยู่อาศัย


ความร่วมมือกับภายนอกโดยเฉพาะโรงพยาบาลใกล้เคียง โดยอาจรวมถึงบริการรถรับ-ส่ง 24 ชั่วโมง มีส่วนลดค่ายา, แพ็กเกจตรวจสุขภาพประจำปีในราคาพิเศษ, มีวัคซีนประจำปี รวมถึงบริการ telemedicine ร่วมมือกับศูนย์บริการสุขภาพที่อยู่ใกล้เคียง-ฟิตเนส-ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นต้น