แนวคิด ธุรกิจเพื่อสังคม “มิตรเมืองไทย” ผ่านการจำนองขายฝากถูกกฎหมาย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขายฝากและจำนองอยู่คู่กับสังคมไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่ระดับประชาชนทั่วไป ธุรกิจ SMEs จนถึงเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ต่าง ๆ ต่างที่ต้องใช้เครื่องมือทางการเงินนี้เหล่าในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำมาใช้จ่าย หรือเพื่อประกอบธุรกิจ การกู้ยืมเป็นหนึ่งในฟันเฟืองหลักที่หมุนเวียนเศรษฐกิจให้ต่อชีวิต เติบโต และเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น ทั้งในระดับรากหญ้าถึงระดับเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

สถิติจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เงินให้สินเชื่อแยกตามประเภทธุรกิจของลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (ธนาคารรัฐ 6 แห่ง) มียอดสินเชื่อกู้ยืมประเภทต่าง ๆ ณ เดือนมกราคม 2564 เป็นจำนวน 5.12 ล้านล้านบาท และถ้าดูจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย สินเชื่อกู้ยืมให้แก่ภาคครัวเรือนไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 ยอดหนี้รวมผ่านการจำนองและจำนำจากสถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย โรงรับจำนำ ฯลฯ ในระบบทั้งหมด รวมเป็นจำนวน 14.65 ล้านล้านบาท หรือ 89.2% ของ GDP

แต่นอกจากหนี้ในระบบสถาบันการเงินแล้ว ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ในการขอสินเชื่อและเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ เช่น การพิจารณาคุณสมบัติผู้กู้ยืม เครดิตบูโร ประวัติการเดินบัญชีย้อนหลัง แหล่งที่มาของรายได้ ทำให้ประชาชนบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้ จากการสำรวจของกระทรวงมหาดไทยพบว่า มีประชาชนที่มีเงินกู้นอกระบบอยู่ประมาณ 1.3 ล้านราย วงเงินรวม 5 หมื่นล้านบาท (ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, 2559)

การจำกัดการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบของสถาบันการเงินต่าง ๆ และการที่ผู้ที่ต้องการเงินทุนไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ที่สามารถต่อรองกับนายทุนได้ ทำให้การขายฝากและการจำนองนอกระบบมีความหมายในแง่ลบ และเกี่ยวข้องกับนายทุนนอกระบบมาโดยตลอด แม้ว่าจะมีกฎหมายกำหนดเรื่องอัตราดอกเบี้ยและขั้นตอนวิธีการในการทำนิติกรรมก็ตาม นายทุนนอกระบบก็ยังคิดดอกเบี้ยร้อยละ 2-3% ต่อเดือนเป็นปกติ แต่หากคิดเป็นต่อปีแล้ว ดอกเบี้ยจะสูงถึง 24%-36% ต่อปี ในบางพื้นที่ห่างไกล การกู้นอกระบบอาจมีดอกเบี้ยสูงถึง 48% ต่อปีแม้ว่าจะมีสินทรัพย์มาค้ำประกันก็ตาม

จึงมีแนวคิดเพื่อสังคมโดย “มิตรเมืองไทย” ที่จะช่วยเหลือประชาชน เจ้าของธุรกิจ SMEs ทั่วไป เป็นอีกช่องทางให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านการจำนอง ขายฝาก ถูกต้องตามกฎหมาย เริ่มจากแนวคิดที่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมและถูกกฎหมาย ที่อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยนอกระบบที่สูงเกินกฎหมายกำหนดทำให้ผู้จำนองหรือผู้ขายฝากนอกระบบไม่สามารถหาเงินมาชำระดอกเบี้ยได้ มากไปกว่านั้นโอกาสที่จะไถ่ถอนแทบจะเป็นไปไม่ได้ การคิดดอกเบี้ยตามกฎหมายจึงเป็นประเด็นหลักในการช่วยเหลือประชาชน

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายแอบแฝงเป็นอีกประเด็นที่ไม่เป็นธรรมกับผู้จำนองผู้ขายฝาก เช่น ค่าไถ่ถอน ค่าปรับไถ่ก่อนกำหนด ค่าขยายสัญญารายปี ค่าเบิกโฉนด เป็นต้น จากการกู้ยืมนอกระบบเหล่านี้ ส่วนมากจะไม่ได้แจกแจงให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้า ซึ่งเมื่อเวลาที่ผู้กู้ต้องการเงินทุนอาจลืมถามถึงค่าใช้จ่ายแฝงเหล่านี้ไป ซึ่งรวม ๆ แล้วจะเพิ่มภาระให้กับผู้กู้ถึงหลายหมื่นหรือหลักแสน ที่เห็นบางรายอาจเจอค่าเบิกโฉนดหรือค่าเดินทางของนายทุนสูงถึง 15,000 บาทต่อครั้ง ค่าต่อสัญญาปีละ 2-3 หมื่น การถูกบังคับให้เปลี่ยนนายทุนเพื่อเอาค่าปากถุงใหม่โดยนายหน้านอกระบบ หรือส่งมอบโฉนดช้าหลังจากจ่ายคืนหนี้แล้ว ทำให้ผู้จำนองผู้ขายฝากหมดโอกาสที่จะขายต่อหรือหาเงินทุนที่ใหม่ ประเด็นเหล่านี้เป็นแค่ตัวอย่างที่มาในรูปแบบต่าง ๆ ที่เอาเปรียบผู้จำนองผู้ขายฝาก แต่มิตรเมืองไทยเข้าใจปัญหาในจุดนี้ และมีแนวคิดที่จะสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ไม่มีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบและจำเป็นต้องใช้การจำนองขายฝากนอกสถามบันการเงินในการเข้าถึงเงินทุน ระบบของมิตรเมืองไทยจึงต้องซื่อสัตย์และเป็นธรรมกับผู้ที่ต้องการเงินทุน โดยที่จะไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง และขั้นตอนจดทะเบียนขายฝากจำนองถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน ทำให้ผู้จำนองและผู้ขายฝากกับมิตรเมืองไทยได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างถูกต้อง

“มิตรเมืองไทย” สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร รับขายฝาก รับจำนองทั่วประเทศ ยินดีให้คำปรึกษา มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ เปลี่ยนนายทุนนอกระบบมาเป็นจดทะเบียนที่ถูกกฎหมาย หากต้องการเงินทุน เพื่อทำธุรกิจ SMEs ประชาชนทั่วไป ผ่านการ จำนอง ขายฝาก ต้อง มิตรเมืองไทย ธุรกิจเพื่อสังคม ขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับความคุ้มครอง สามารถติดตามและตรวจสอบได้ตลอด “ขายฝากจำนองเป็นมิตร ต้องมิตรเมืองไทย” สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mitrmuangthai.com/ หรือที่ Line Official : @mmthai มีทีมเจ้าหน้าที่คอยบริการตลอดเวลา