สมเด็จพระสังฆราช มีพระดำรัสถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2564
วันที่ 28 กรกฎาคม เพจสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้เผยแพร่ข้อความว่า เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2564 ความว่า
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงมุทิตาปราโมทย์ และถวายพระพรชัยมงคล
สมัยหนึ่ง เมื่อครั้งพุทธกาล พระเทวทัตจัดแจงให้ควาญปล่อยช้างดุร้ายชื่อนาฬาคิรี เข้าไปยังหนทางที่จะเสด็จออกบิณฑบาต หมายให้ช้างนั้นประทุษร้ายต่อพระชนม์ของพระพุทธองค์ ภิกษุต่างกราบทูลอาราธนาให้ทรงหลีกหลบ ส่วนคนทั้งหลายก็พากันวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว
สมัยนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงดำรงพระองค์มั่นคงด้วยพระกิริยาอันงามสง่า ทรงแผ่พระเมตตาจิตด้วยพระหฤทัยอ่อนโยน เต็มเปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณาอย่างไม่มีประมาณ ช้างดุร้ายพลันได้สัมผัสพระเมตตาจิต ก็คลายพยศ ลดงวงลงแล้วค่อย ๆ ย่างเข้าไป พระผู้มีพระภาคทรงยกพระหัตถ์ขวาขึ้นลูบกระพองช้าง พลางตรัสประทานพระบรมพุทโธวาท ช้างนาฬาคิรีน้อมกายลงเอางวงลูบละอองธุลีพระบาทแล้วพ่นลงบนกระหม่อม ย่อตัวถอยกลับคืนสู่ที่ของตน ด้วยพุทธชัยมงคลเห็นอัศจรรย์ปานนี้ มหาชนจึงแซ่ซ้องสดุดีสรรเสริญพระพุทธคุณ ว่า
“คนพวกหนึ่งย่อมฝึกช้างและม้า ด้วยใช้ท่อนไม้บ้าง ใช้ขอบ้าง ใช้แส้บ้าง ส่วนสมเด็จพระพุทธเจ้าผู้แสวงพระคุณใหญ่ ทรงทรมานช้างได้ โดยมิต้องใช้ท่อนไม้ มิต้องใช้ศัสตรา” ความอันกล่าวถึงเนื่องในพระพุทธประวัตินี้ เป็นตัวอย่างหนึ่งแห่งพระพุทธจริยาที่เปี่ยมด้วยเมตตาคุณ และพระพุทธจริยานี้เอง ย่อมแสดงให้เห็นอำนาจแห่งเมตตาว่ามีคุณปานใด
สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงเป็นอัครพุทธศาสนูปถัมภก ทรงทราบกระจ่างถึงหนทางประสบชัยมงคลอันต้องตรงตามวิถีแห่งพระพุทธจริยา จึงทรงตั้งพระบรมราชปณิธานที่จะทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ผู้ทรงเปี่ยมด้วยน้ำพระราชหฤทัยเมตตาต่อพสกนิกรสืบมา ทรงแผ่พระมหากรุณามาโอบอุ้มคุ้มครองให้มหาชนทั่วหน้าได้รับความผาสุกเกษมโสตถิ์ ยังให้ทรงสำเร็จประโยชน์ในการประกอบพระราชกรณียกิจด้วยดี สมพระราชสัตยาธิษฐานที่จะทรงครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร
ณ อุดมสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา อาตมภาพขออัญเชิญนิพนธคาถา แห่งสุขาภิยาจนคาถา มากล่าวอ้างเป็นสัจจวาจา ว่า มาตา ปิตา จ อตฺรชํ นิจฺจํ รกฺขนฺติ ปุตฺตกํ เอวํ ธมฺเมน ราชาโน ปชํ รกฺขนฺตุ สพฺพทา ฯ
ความว่า “มารดาและบิดา ย่อมถนอมบุตรน้อย อันบังเกิดในตนเป็นนิตย์ฉันใด พระราชาจงทรงรักษาประชาราษฏร์โดยชอบ ในกาลทั้งปวงฉันนั้น”
ด้วยเดชะแห่งสัจจวาจานี้ ขอราษฎรทั้งปวงจงสมัครสมานสามัคคี ประพฤติปฏิบัติตนตามหน้าที่โดยสุจริตธรรม พร้อมเพรียงกัน ทำนุบำรุงชาติบ้านเมืองให้วัฒนาสถาพร เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ผู้ทรงตั้งพระราชหฤทัย ที่จะทรงรักษาประชาราษฎร์โดยชอบ ดุจดั่งบิดรมารดา จักได้ทรงบริบูรณ์ด้วยพระกำลังอันมั่นคง ในอันที่จะทรงปกป้องคุ้มครองพสกนิกรไทยสืบไป
ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และพระราชกุศลธรรมจริยา จงอภิบาลรักษาสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เสด็จสถิตเป็นมิ่งขวัญหลักชัยแห่งราชอาณาจักรไทย ตราบจิรัฏฐิติกาล เทอญ.