แก้วสตาร์บัคส์ 50 ปี เป็นเหตุสังเกตได้ !! แห่ยืนรอต่อคิวซื้อหลายชั่วโมง

แก้วสตาร์บัคส์รุ่นลิมิเต็ด 50 ปี คนแห่ยืนรอต่อคิวซื้อหลายชั่วโมง

วันที่ 25 ตุลาคม 2564 เหล่าสาวกกาแฟแบรนด์นางเงือกอย่าง Starbucks (สตาร์บัคส์) ต่างตื่นตาตื่นใจกับ แก้วลายใหม่ Reusable Cup รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาบนโลกโซเชียลต่างมีการพูดถึงการรอคอยกาแฟแก้วโปรดที่ สตาร์บัคส์ ใจถึงแจกแก้วดังกล่าวเมื่อลูกค้าสั่งเมนูเครื่องดื่มทุกขนาดเฉพาะในวันนี้ (25 ตุลาคม)

ผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายราย ระบุถึง ความตั้งใจในการครอบครองเป็นเจ้าของแก้วดังกล่าวในวันนี้ด้วยการเดินทางไปถึงร้าน สตาร์บัคส์ ตั้งแต่ช่วงเวลาเปิด บางรายระบุว่าเดินทางไปถึงหน้าร้านตั้งแต่เวลา 06.00 น. และอีกหลายรายระบุว่า ใช้เวลารอชำระเงินและรอเครื่องดื่มเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง

ขณะที่ด้านผู้ใช้บริการสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชั่นส่งอาหาร (ดีลิเวอรี่) ต่างมีไรเดอร์ไปยืนรอหน้าร้านเป็นจำนวนมาก เพื่อรอรับออร์เดอร์จากร้าน สตาร์บัคส์ ไปส่งให้ผู้สั่งซื้อเครื่องดื่มโดยมี ไรเดอร์ ของแอปพลิเคชั่นดีลิเวอรี่รายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า ใช้เวลารอออร์เดอร์นานกว่า 3 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ลูกค้าหลายคนภายในร้านยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อที่จะเป็นเจ้าของแก้วรุ่นลิมิเต็ด 50 ปี ดังกล่าว โดยไม่รอที่จะรับเครื่องดื่ม เนื่องจากใช้เวลารอนานอีกด้วย

เนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ได้งดรับแก้วส่วนตัวในการนำมาซื้อเครื่องดื่ม แต่ยังมอบส่วนลด 10 บาท สำหรับลูกค้าที่นำแก้วส่วนตัวมาโชว์ โดยตลอดระยะเวลา 23 ปีที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ ได้มอบส่วนลด 10 บาทให้ลูกค้าที่นำแก้วส่วนตัวมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

“ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป เราจะกลับมารับแก้วส่วนตัวอีกครั้ง เราหวังว่าแก้ว Reusable cup จะเป็นของขวัญและเป็นการจุดประกายให้เราร่วมกันทำสิ่งดี ๆ เพื่อโลกไปด้วยกัน”

ทั้งนี้ สตาร์บัคส์ได้เริ่มแคมเปญแจกแก้ว Reusable Cup ในประเทศอื่น ๆ ทั่วเอเชียแปซิฟิกตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าหมายที่จะส่งมอบแก้วให้กับลูกค้ากว่า 2 ล้านคนทั่วภูมิภาคภายในวันแรกของแคมเปญ โดยสตาร์บัคส์มุ่งหวังว่าจากแก้ว Reusable Cup 1 ใบ ซึ่งจะสามารถทดแทนการใช้แก้วแบบครั้งเดียวทิ้งกว่า 30 ใบนี้ จะช่วยสร้างวัฒนธรรมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ในกลุ่มลูกค้า รวมถึงพาร์ตเนอร์ (พนักงาน) และชุมชน เพื่อสร้างพฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกเพื่อโลกของเรา