#หมอริท ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ หลังทวิตถึง #โตโน่ภาคิน ข้ามโขง 10 รอบ บริจาค 1 พันล้าน หมอ พยาบาล เหนื่อยเท่าเดิม
วันที่ 23 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ นพ.เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช หรือ หมอริท นักร้อง และนักแสดง รุ่นน้องคนสนิทของโตโน่จากเวทีเดอะสตาร์ ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว Ritz Rueangritz S. ถึงการ
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ราคาทองวันนี้ (17 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 350 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 42,050 บาท
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
ที่ “โตโน่” ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ นักร้อง จบภารกิจว่ายข้ามแม่น้ำโขงภายใต้โครงการ OneMan And The River หนึ่งคนว่ายหลายคนให้ รวมระยะทางกว่า 15 กม. เพื่อระดมทุนจัดหาเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลไทย และ สปป.ลาว โดยยอดบริจาคทะลุ 60 ล้านบาท
ทำให้เกิดแฮชแท็ก #หมอริท ขึ้นมาติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ตีคู่กับ #โตโน่ภาคิน ทั้งนี้ “หมอริท” ระบุว่า ยินดีด้วยกับการ #ว่ายน้ำข้ามโขง ของพี่ #โตโน่ภาคิน ในวันนี้นะครับ ที่ปลอดภัย และได้รับเงินบริจาคจำนวนมาก อย่างแรกต้องขอขอบคุณในน้ำใจ และความเสียสละของพี่ที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ คนที่พร้อมจะเสียสละเพื่อคนอื่นแบบพี่ ไม่ได้หาได้ง่ายเลย นับถือใจจริง ๆ
ในบทสัมภาษณ์มีหลายครั้งที่พี่พูดว่า ที่พี่มาว่ายน้ำครั้งนี้ เพราะหมอ และพยาบาลเค้าเหนื่อยกว่า เสี่ยงกว่า เลยอยากขออนุญาตฝากมุมมองไว้ซักนิดครับ เผื่อพี่อาจจะลืมมองเหตุผลพวกนี้นะครับ (ไหน ๆ คนก็สนใจโครงการพี่เยอะแล้ว)
ในบทสัมภาษณ์มีหลายครั้งที่พี่พูดว่า ที่พี่มาว่ายน้ำครั้งนี้ เพราะหมอและพยาบาลเค้าเหนื่อยกว่า เสี่ยงกว่า เลยอยากขออนุญาตฝากมุมมองไว้ซักนิดครับ เผื่อพี่อาจจะลืมมองเหตุผลพวกนี้นะครับ (ไหน ๆ คนก็สนใจโครงการพี่เยอะแล้ว)
1.ต่อให้พี่ว่ายน้ำข้ามโขงเป็น 10 รอบ ได้เงินบริจาคมากว่า 1000 ล้าน หมอ พยาบาล เค้าก็เหนื่อยเท่าเดิมครับ ขอยกตัวอย่างในฝั่งของหมอนะครับ ระบบสุขภาพของประเทศไทยคือ ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า แปลว่า คนไทยจะป่วยยังไง ก็มีการรักษารองรับ
(ซึ่งจริง ๆ ดีกับคนไทยในบางมุมนะ เช่น คนจนมีสิทธิเข้าถึงการรักษา แต่ข้อเสียก็คือ คนไทยไม่ใส่ใจสุขภาพ เกิดปัญหา เช่น ติดเหล้า ติดบุหรี่ และเกิดปัญหาสุขภาพตามมา ทำให้คนต้องมาโรงพยาบาลกันเยอะ) ซึ่งทำให้หมอต้องทำงานหนัก แต่ยังได้ค่าตอบแทนเท่าเดิม
ซึ่งทุกวันนี้หมอไทยยังต้องทำงานเกินเวลาตามระเบียบกำหนด ทำให้เกิดภาวะสมองไหล หมอ ๆ ก็ออกนอกระบบโรงพยาบาลรัฐกันหมด หมอก็น้อยลง งานก็ยังหนัก ผลิตหมอเท่าไหร่ก็ไม่พอ ก็วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆครับ ถึงบอกว่าเงินบริจาคเยอะแค่ไหน ก็ไม่ได้ช่วยให้หมอหายเหนื่อยครับ
2.พี่บอกว่าหมอพยาบาลเสี่ยง คำถามคือ แล้วใครปล่อยให้หมอพยาบาลทำงานภายใต้ความเสี่ยง ? ถ้ารู้ว่าเค้าทำงานแบบเสี่ยงอยู่ ทำไมผู้มีอำนาจโดยตรงถึงมองไม่เห็นและไม่สามารถจัดการปัญหานั้นโดยเร่งด่วนได้ หรืองบประมาณไม่เพียงพอ แล้วถ้างบฯไม่พอจริง ๆ ทำไมไม่รายงานขึ้นไป ทำไมต้องรอเงินบริจาค ?
ส่วนตัวมองว่า การบริจาคไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีนะครับ แต่ที่มา หลักการ จุดประสงค์ของโครงการและการนำเงินไปใช้ต้องชัดเจน รวมถึงควรสนับสนุนการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไปในตัวด้วยครับ ถ้าพี่สื่อสารจุดนี้ได้ด้วย คิดว่าคนไม่เห็นด้วยน่าจะน้อยลงนะครับ และทำให้โครงการของพี่ดูมีเหตุสมควรมากขึ้น