IGNIV ไฟน์ไดนิ่งที่เข้าถึงง่าย อร่อย ผ่อนคลาย ราคาสบายกระเป๋า

ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นร้านอาหารประเภทไฟน์ไดนิ่ง ภาพที่ปรากฏขึ้นมาในหัวก็ต้องเป็นร้านที่ตกแต่งอย่างหรูหรา หรือเคร่งขรึม อาหารถูกรังสรรค์และตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ขั้นตอนการกินมีพิธีรีตอง มีความเป็นทางการ มีอุปกรณ์วางเรียงรายให้หยิบจับขึ้นมาใช้ตามลำดับที่ถูกต้อง คนที่จะไปกินต้องแต่งตัวภูมิฐาน ไปจนถึงขั้นหรูหรา

แต่ที่ว่ามานี้ไม่ใช่กับ IGNIV Bangkok by Andreas Caminada ณ โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่งโดยเชฟชื่อดังชาวสวิส เจ้าของร้านอาหารมิชลินสตาร์ 3 ดาว ที่นำอาหารยุโรปมานำเสนอในคอนเซ็ปต์ความสุขแห่งการใช้ชีวิต “joie de vivre” เป็นร้านที่ลดความเป็นทางการของร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งลงมา ให้เข้าถึงง่าย สบาย ๆ นึกอยากกินวันไหนก็ไปกินได้ ไม่ต้องเตรียมตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้มากมาย รวมถึงเรื่องราคาที่ไม่น่าเชื่อว่านี่คือราคาของร้านระดับนี้

IGNIV Bangkok by Andreas Caminada เป็นร้านอาหารแห่งแรกของเชฟอันเดรียส คามินาดา ที่เปิดนอกสวิตเซอร์แลนด์ ชื่อ IGNIV (อิกนีฟ) เป็นภาษาโรมานช์ (Romansh) หนึ่งในภาษาหลักที่ใช้ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีความหมายว่า “รังนก” ชื่อร้านสื่อว่าร้านอาหารแห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่สำหรับหลีกหนีความวุ่นวายของโลกภายนอก เข้ามาดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศในรังนกที่อบอุ่น สบาย ผ่อนคลาย เป็นกันเอง

IGNIV ถูกออกแบบมาให้รู้สึกผ่อนคลาย สบาย ๆ และที่สำคัญร้านนี้เป็นร้านที่เปิดประสบการณ์ไฟน์ไดนิ่งแบบแชริ่ง ได้แบ่งปันกันอย่างเป็นกันเอง ต่างจากร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งส่วนใหญ่ที่จะเสิร์ฟจานของใครก็ของคนนั้น

ด้านการรังสรรค์อาหาร เชฟอันเดรียสส่ง เชฟเดวิด ฮาร์ดวิก (David Hartwig) ที่เคยทำงานในร้าน Schloss Schauenstein ร้านอาหารของเชฟแอนเดรียสในประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาเป็นหัวหน้าเชฟ

เชฟเดวิดบอกว่า “การทานอาหารที่ IGNIV Bangkok เปรียบเสมือนการไปบ้านเพื่อนที่อยากให้คุณได้รับประสบการณ์ดี ๆ รู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน อาหารของ IGNIV มีความพิถีพิถันแต่เรียบง่าย และทำให้รู้สึกไม่อึดอัด เทคนิคการทำอาหารส่วนใหญ่ค่อนข้างเรียบง่าย ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่สดและมีคุณภาพ ซึ่งวัตถุดิบของไทยมีเอกลักษณ์เรื่องความสด และมีให้เลือกมากมาย”

ฝั่งขนมหวาน เชฟอันเดรียสส่ง อาเน่ รีน (Arne Riehn) เชฟชาวเยอรมันผู้เคยดูแลการทำเบเกอรี่ด้วยเตาฟืนออร์แกนิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญการทำขนมปังแฮนด์คราฟต์ ร่วมกับทีมของเชฟแอนเดรียส ณ เมืองฟัวสเตอเนา มาเป็นผู้ช่วยหัวหน้าเชฟและเชฟขนมหวานประจำร้าน

ด้วยความที่เน้นสร้างสรรค์อาหารจากวัตถุดิบที่สดใหม่ เมนูอาหารและขนมหวานของ IGNIV จึงปรับเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่หาได้ โดยไม่ได้กำหนดเป็นซีซั่นชัดเจน

ในวันที่ไปเยือน IGNIV นั้น เราได้ชิม IGNIV 4 Course Lunch Sharing Experience ประกอบด้วย Snacks เมนูแรก “Mango-Cornetto-Chili” ไอศกรีมมะม่วงอันจิ๋วรสชาติเปรี้ยวเค็ม เมนูที่สอง “Green Apple-Crap-Lemon” แอปเปิลเขียวสไลซ์ห่อสลัดเนื้อปู ราดด้วยเลมอนเจล เมนูที่สาม “Kohlrabi-Mackerel-Viola” คือ โคราลบิมีไส้ข้างในเป็นแมกเคอเรลกับซอสทาร์ทาร์ ท็อปด้วยดอกวิโอลาเพิ่มสีสันสวยงาม เมนูสุดท้ายในเซต Snacks คือ “Taco-Sorrel- Garden Pickles” แผ่นแป้งทาโก้ไส้ซอเรลมูส ท็อปด้วยผักดอง

ถัดมาที่ขนมปังอุ่น ๆ กรุ่น ๆ เนื้อหนึบ ๆ อร่อยสุด ๆ ตามมาด้วย Starters จำนวน 3 เมนู ประกอบด้วย “Arctic Char-Ponzu-Beetroot” ปลา Arctic Char ชิ้นบาง ๆ ท็อปด้วยบีตรูต เสิร์ฟคู่กับซอสพอนสึ เมนูที่สอง “Beef Tartare-Mushroom-Waxy Egg” เจลลี่เห็ดสอดไส้บีฟทาร์ทาร์ เสิร์ฟมาคู่กับอีกถ้วยเป็นแวกซี่ไข่แดงกับครีมซาบายอง เมนูนี้ทานคู่กับข้าวเกรียบมันฝรั่งรสชาติเค็ม ๆ มัน ๆ อร่อยดี และสุดท้ายเป็น “Lettuce-Bell Pepper-Chili” นำผักกาดหอมไปแช่ในพริกเผา แล้วท็อปด้วยพริกหลากสี

ก่อนจะเข้าเซต Mains เชฟได้ทำ Surprise Menu มาให้ลิ้มรสถึง 2 เมนู ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ว่าวันไหนเชฟอยากจะทำอะไรเซอร์ไพรส์ลูกค้า

Mains ประกอบด้วย “Pork Neck-Pear-Mustard” เนื้อคอหมูย่าง ท็อปด้วยลูกแพร์ฝานบาง ๆ เพิ่มรสชาติด้วยซอสมัสตาร์ดที่ราดมาข้าง ๆ อีกเมนูคือ “Celeriac-Black Garlic” วัตถุดิบหลักเป็น celeriac หรือหัวขึ้นฉ่ายฝรั่งที่นำไปเซียร์พอเหมาะ มากับ hollandaise foam และราดซอสเพิ่มรสชาติมาสองตัว

ปิดท้ายด้วยของหวานที่มาในไซซ์บิ๊ก ๆ ให้กินเต็มอิ่ม 3 เมนู สุดท้ายจริง ๆ ก่อนออกจากร้าน ยังสามารถเลือกขนมหวานและท็อฟฟี่ ที่ IGNIV Candy Store กลับบ้านได้ด้วย

ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่จริง ๆ สำหรับการทานอาหารระดับไฟน์ไดนิ่งในคอนเซ็ปต์แชริ่งที่ตักแบ่งจากจานกลาง บวกกับบรรยากาศร้านที่สบาย ๆ ก็ทำให้การทานอาหารผ่อนคลาย ไม่อึดอัด รู้สึกสบายขึ้น และอร่อยขึ้นด้วย