รู้จัก “โควิดสายพันธุ์อังกฤษ” ติดเชื้อง่าย ระบาดเร็วกว่าปกติ 1.7 เท่า

โควิดสายพันธ์อังกฤษ

รู้จัก โควิดสายพันธุ์อังกฤษ รพ.จุฬา เจอแล้วใน “คลัสเตอร์ทองหล่อ” ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์ปกติถึง 1.7 เท่า

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงไวรัสโควิดสายพันธุ์อังกฤษ หรือที่เรียกว่า UK Variant เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2564 ที่กระทรวงสาธารสุข

พร้อมเปรียบเทียบข้อมูลของปีนี้ (2564) กับปีที่แล้ว (2563) ว่า การระบาดรอบแรกเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม-เมษายน 2563 ซึ่งตรงกับสถานการณ์ขณะนี้ โดยปีที่แล้ว พบการติดเชื้อไม่ถึง 3,000 ราย พบผู้ป่วยมากที่สุด 188 รายต่อวัน ที่เกิดขึ้นจากการกลับมาจากพิธีกรรมทางศาสนา ที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่รอบนี้การระบาดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ถึงปัจจุบัน เรียกว่า “การระบาดซ้อนระบาด”

ส่วนสถานการณ์ในกรุงเทพฯ ที่เกิดการแพร่ระบาดมาจากสถานบันเทิงมีการแพร่กระจายเร็วมาก ตอนแรกเข้าใจว่าเพราะสถานบันเทิงเป็นสถานที่ปิด มีการแออัด น่าจะมีการติดเชื้อจากทางเดินหายใจ จนเกิดซูเปอร์ สเปรดเดอร์ (super spreader)

แต่หลังจากตรวจปริมาณไวรัสในคอผู้ป่วย เราเริ่มเห็นผิดสังเกตว่าแม้ผู้ป่วยไม่มีอาการ แต่กลับมีปริมาณไวรัสที่ค่อนข้างสูงมาก จากนั้นจึงได้นำไปตรวจเฉพาะว่าเป็นสายพันธุ์อังกฤษหรือไม่ หรือเป็นสายพันธุ์เดิมที่มาจากการระบาดจากสมุทรสาคร พบว่าผู้ป่วยที่ผมตรวจ 24 คนที่มาจากสถานบันเทิงทองหล่อ เป็นสายพันธุ์อังกฤษทั้งหมด และเป็นสายพันธุ์เดียวกันทั้งหมดในรูป B117 ซึ่งสายพันธุ์นี้ติดต่อง่ายกว่าสายพันธุ์ธรรมดาอยู่ประมาณ 1.7 เท่า

“…สายพันธุ์อังกฤษที่เรากลัวคือ แพร่กระจายเร็ว คงไม่แปลกว่า ทำไมสถานบันเทิงมีการแพร่มากกว่าปีที่แล้ว เราคาดว่าการระบาดปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว 10 เท่า ขณะเดียวกัน มาตรการของเรา หากเทียบกับปีที่แล้วที่เรามีล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว ห้ามขายแอลกอฮอล์ ปิดโรงเรียน ปิดสถานประกอบการ เลื่อนสงกรานต์ ดังนั้นมาตรการปีที่แล้วกับปีนี้ห่างกัน 10 เท่าเช่นกัน เชื้อแพร่เร็วมากกว่าเดิม 10 เท่า มาตรการลดหย่อน 10 เท่า ดังนั้น เชื้อจึงจะแพร่กระจายเป็น 100 เท่า และเมื่อเจอเป็นสายพันธุ์อังกฤษอีกที่แพร่กระจายได้ง่าย 1.7 เท่า ก็จะเป็น 170 เท่า ยิ่งทวีคูณเข้าไปใหญ่”

โควิดสายพันธุ์อังกฤษ คืออะไร

ข้อมูลจากเว็บไซต์เจาะลึกระบบสุขภาพ ระบุว่า สายพันธุ์อังกฤษที่กลายพันธุ์ B.1.1.7 พบครั้งแรกในประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนกันยายน 2563 ส่วนใหญ่อยู่ในอังกฤษ มีการกระจายไปในประเทศอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ในยุโรป โดยตำแหน่งที่กลายพันธุ์เป็นตำแหน่งพิเศษ อยู่บนผิวไวรัส ทำให้ไวรัสมีคุณสมบัติจับผิวเซลล์มนุษย์ได้ดีขึ้น

อีกทั้งในห้องทดลอง พบว่าไวรัสมีประสิทธิภาพในการแบ่งตัวดีขึ้น เพราะฉะนั้น ไวรัสในโพรงจมูกก็จะมาก ติดเชื้อง่าย นอกจากนี้ ปัจจุบันมีหลักฐานจา กรพ.อังกฤษหลายแห่งเห็นว่าสายพันธุ์นี้สัมพันธ์กับอัตราการป่วยและเสียชีวิตมากกว่าเดิมเล็กน้อย

เหตุใดไวรัสกลายพันธุ์ชนิดใหม่จึงน่ากังวล

บีบีซีไทย สรุปปัจจัย 3 อย่าง ที่ทำให้ต้องจับตามองไวรัสชนิดนี้อย่างใกล้ชิด

  • แพร่ระบาดแทนที่เชื้อโรคโควิด-19 อีกชนิดอย่างรวดเร็ว
  • เกิดการกลายพันธุ์ที่น่าจะส่งผลสำคัญต่อเชื้อไวรัสชนิดนี้
  • การกลายพันธุ์บางอย่างได้แสดงให้เห็นในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ (ห้องแล็บ) แล้วว่า ทำให้เชื้อชนิดใหม่นี้มีความสามารถทำให้เซลล์ติดเชื้อได้มากขึ้น

พบครั้งแรกในประเทศไทย


ประเทศไทยพบเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษครั้งแรก เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2564 โดยมี ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์แจ้งผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นครอบครัวชาวอังกฤษ ที่อยู่ในสถานที่กักกันตัวที่รัฐจัดให้ (Alternative State Quarantine)