สัมผัสเมืองคอน…ล่องเเก่ง แช่น้ำพุร้อน ไหว้พระเจ้าตาก สโลว์ไลฟ์ท่ามกลางธรรมชาติแดนใต้

เรื่องโดย กรกนก มาอินทร์/ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

มนต์เสน่ห์ภาคใต้ถูกซ่อนเอาไว้รอนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม “นครศรีธรรมราช” อีกหนึ่งจังหวัดทางภาคใต้ที่มีเเหล่งท่องเที่ยวกระจายอยู่ในหลายอำเภอ เเต่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก ทางเมืองคอนจึงเริ่มทำเเคมเปญ “นครศรีดี๊ดี นครศรีดีกว่าเดิม” ชูสถานที่ท่องเที่ยว เช่น วัดเขาขุนพนม ชมรมท่องเที่ยวโดยชุมชนพรหมโลก ลองแก่งคลองกลาย กรุงชิงบ่อน้ำร้อนและสปา ทะเลหมอก เขาจังโหลน ถ้ำหงส์ (อุทยานแห่งชาติเขานัน) เเละอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ดึงนักท่องเที่ยวไทย-เทศเเวะมาเยือน

ใครที่รักธรรมชาติเเละความสงบ “นครศรีธรรมราช” เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต…

เราออกเดินทางกันจากสนามบินดอนเมืองตั้งเเต่เช้าตรู่ โดยมีจุดหมายปลายทางคือ “นครศรีธรรมราช” หนึ่งในจังหวัดทางภาคใต้ที่ทั้งชีวิตยังไม่เคยไปสัมผัส เมื่อใกล้ถึงปลายทาง เสียงเเอร์โฮสเตสบนเครื่องบินก็ประกาศให้ทุกคนบนเครื่องทราบว่าอีกไม่กี่อึดใจเราทุกคนจะถึงที่หมาย เป็นความตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้นั่งริมหน้าต่าง เรามักจะเก็บภาพวิวเมื่อใกล้ถึงที่หมาย ซึ่งเเต่ละที่วิวมุมสูงต่างกันออกไป อย่างกรุงเทพฯ เเน่นอนอว่ามองจากมุมสูงขนาดนี้จะเห็นเพียงตึก ถนนที่เต็มไปด้วยรถมากมาย เเต่ความประทับใจเเรกเมื่อเราใกล้ถึงเมืองนครคือวิวของทะเลตัดกับต้นไม้ เรือที่มองจากระดับสายตาลำเล็กจี๊ดเดียวเเล่นสวนกันไปมา บ้านเรือนมีให้เห็นประปราย สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

สนามบินขนาดเล็กเด่นหราด้วยป้ายสนามบินนครศรีธรรมราช มีช่องรับกระเป๋าเพียงช่องเดียว นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเดินสวนไปมา เราเเละคณะไม่รอช้ามุ่งไปที่เที่ยวเเห่งเเรก “วัดเขาขุนพนม” อยู่ที่ ม.3 ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ใช้เวลาจากสนามบินถึงที่หมายราว 45 นาที ก่อนจะเริ่มทริปทัวรืยาวๆ ก็มาเสริมสิริมงคลให้เเก่การมาเยือนนครศรีด้วยการเข้าวัดกันเสียเลย

“วัดเขาขุนพนม” ตั้งอยู่ติดภูเขา ภายในวัดยังมีจุดสำคัญที่เป็นเเลนด์มาร์กให้เช็กอินคือ “ถ้ำเขาขุนพนม” หรือ “ถ้ำพระเจ้าตากโบสถ์มหาอุด” สร้างขึ้นในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช ตำนานเล่าว่า เคยเป็นสถานที่ที่ พระเจ้าตากสิน ได้มาบรรพชาเป็นพระภิกษุจำพรรษาอยู่ภายในวัด เเละได้สร้างอนุเสาวรีย์พระเจ้าตากขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านได้กราบไหว้

ส่วนเส้นทางการขึ้นไปกราบไหว้ เป็นบันไดพญานาคไปตามเเนวเขา 245 ขั้น ใครจะมาเราเเนะนำให้ฟิตร่างกายให้พร้อม เมื่อเดินขึ้นไปสุดปลายทางบันไดจะเจอกับลานหน้าถ้ำ ส่วนบริเวณด้านนอกฝั่งซ้ายมือได้สร้างเพิ่มเติมเป็นขั้นบันไดทางขึ้นเพื่อใช้ในการกราบสักการะรอยพระบาทของพระสัมมาพระพุทธเจ้า ซึ่งจะมีระฆังอยู่ทางขึ้นบันไดเป็นขั้นๆ ปัจจุบันลานหน้าถ้ำใช้ในกิจของสงฆ์ในการปฏิบัติกรรมฐานเเละใช้ในการกราบสักการะสำหรับประชาชนผู้มีศรัทธาต่อพระองค์ท่าน ส่วนบริเวณในถ้ำสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เป็นถ้ำขนาดเล็กมีพระพุทธรูปแกะสลักลงหินปางสีไสยาสน์สมัยพระองค์ท่านมาประทับอยู่เพื่อใช้ในการปฏิบัติกรรมฐาน

ถือเป็นการเริ่มต้นวันด้วยสิ่งดีๆ

เดินทางกันต่อราว 10 นาที เราก็มาถึง “ชมรมท่องเที่ยวโดยชุมชนพรหมโลก” อยู่ที่ 119 ม.1 ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ชุมชนที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ของน้ำ ป่าและภูเขาในเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวง

โดยพี่สาว “สุภาพร เชาวพ้อง” ทำหน้าที่เป็นไกด์พาเราทัวร์ในวันนี้ ซึ่งพี่สาวเล่าว่า ชมรมนี้เกิดจากการรวมตัวกันของชาวบ้าน ตั้งชมรมขึ้นมาเพื่อเสริมสร้างการท่องเที่ยวเเละรายได้ให้เเก่ชุมชน ด้วยกิจกรรมเที่ยวเชิงธรรมชาติ กินอาหารกลางป่า ศึกษาธรรมชาติน้ำตกพรหมโลก

“ชาวบ้านเเบ่งพื้นที่บ้านพักมาทำเป็นโฮมสเตย์ นอกจากส่งเสริมการท่องเที่ยวเเล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ให้เเก่พี่น้องในชุมชน ซึ่งรายได้ต่อปีอยู่ที่ 500,000 บาท สำหรับการเข้าพักระยะเวลา 2 วัน 1 คืน เด็กอยู่ที่ 1,800-2,500 บาท หากเดินป่า ผู้ใหญ่ราคาอยู่ที่ 3,500 บาท หรือคิดตามกิจกรรมที่เลือกเอาไว้ อาทิ เดินป่า ชมสวนผลไม้ ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ปั่นจักรยาน”

เราได้ไปสำรวจเส้นทางธรรมชาติน้ำตกพรหมโลก ด้วยการเดินขึ้นเขาระยะทางสั้นๆ เเละหยุดเเวะพักกินผลไม้ ขนมหวานที่ชาวบ้านเตรียมไว้ให้ มีการก่อกองไฟตั้งกาน้ำร้อน พอไปถึงน้ำเริ่มเดือดได้ที่ เหมือนฉากทหารกินข้าวในป่าลอยเข้ามาในความคิด รอบข้างเต็มไปด้วยต้นมังคุด ทุเรียน สะตอ พอท้องเริ่มอิ่มเราก็เดินเท้าต่อไปยังน้ำตกพรหมโลก ขอบอกว่าวิวน้ำตกสวยมาก ไล่ระดับเป็นชั้นๆ น้ำสีใสเย็นฉ่ำ เเค่เอามือลองเเช่ก็ชื่นใจหายเหนื่อย เดินอีกนิดของว่างก่อนหน้าย่อยหมดเเล้ว เราเเวะกินข้าวกลางป่าด้วยอาหารพื้นบ้านที่ทางชมรมเตรียมไว้ เป็นมื้อเที่ยงของวันที่สนุกจนไม่อยากกลับกันเลยทีเดียว

 

นับเป็นเเหล่งท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการมาพักผ่อน ดื่มด่ำกับธรรมชาติเสียจริง

ในช่วงบ่ายเราเดินทางข้ามไปอีกอำเภอโดยมีจุดหมายคือ “ล่องแก่งคลองกลาย” ที่ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช โดยสายน้ำคลองกลายมาจากต้นน้ำบนผืนป่ากรุงชิง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวงและอุทยานแห่งชาติเขานัน ธรรมชาติที่นี่ยังคงอุดมสมบูรณ์ ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เเละภูเขา ภาพล่องเเก่งที่เคยเห็นเเต่ในทีวีตอนนี้เรายืนอยู่หน้าสถานที่จริง พร้อมอุปกรณ์ครบครับ สำหรับค่าล่องเเก่งที่นี้อยู่ที่ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 150 บาท

ล่องเเก่งมีความยากไปตั้งเเต่ระดับ 1-3 นักท่องเที่ยวจะได้พบกับ แก่งประ แก่งชองปืน แก่งนาหนัด แก่งหินหมอง เเละเเก่งอื่นๆ โดยมีเส้นทางให้เลือกผจญภัย 2 ระยะ คือ 2.5 กิโลเมตร จากปากคลองพิตำ-ลานหินดาน ใช้เวลา 1 ชั่วโมง และ 6 กิโลเมตร จากปากคลองพิตำ-บ้านทุ่งใน ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วนเรือก็มีให้เลือกทั้ง เรือคายัค และเรือยางพร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูเเลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

เริ่มกันด้วยการขนย้ายพวกเราไปยังต้นทาง โดยรถกระบะของชาวบ้านในพื้นที่ เเละตามติดด้วยรถกระบะขนอุปกรณ์การล่องเเก่งรวมถึงพี่ๆ ที่จะคอยพายเรือให้เรา เส้นทางสุดอเวนเจอร์ นั่งไปโยกไปจนหัวเเทบหลุด เเต่กับสนุกเเละหัวเราะตลอดเวลา เเอบลุ้นว่ารถจะขึ้นเนินนี้ได้ไหม จะลงตรงนี้ได้หรือเปล่า ถึงจุดปล่อยเรือก็ใส่อุปกรณ์อย่างหมวกกันน็อก ชูชีพ เเนะนำว่าควรมีกระเป๋ากันน้ำหากอยากเก็บภาพระหว่างทาง เเต่ถ้าใครอยากดื่มด่ำธรรมชาติก็เอาโทรศัพท์ รองเท้า เเว่นตา ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ เดินตัวปลิวลงเรือสบายๆ

สำหรับเรือยางมี 2 ขนาด คือเล็กเเละใหญ่ เรือยางลำเล็กนั่งได้ 4 คน (รวมคนพาย) ส่วนเรือยางลำใหญ่นั่งได้ 5-7 คน (รวมคนพาย) กระเเสน้ำไหลตลอดเวลา สองข้างทางเต็มไปด้วยภูเขาเเละต้นไม้ ให้ความรู้สึกว่าเรากลายเป็นคนตัวเล็กที่ถูกโอบอุ้มไว้ด้วยธรรมชาติ ส่วนความลึกของน้ำต่างระดับกันออกไป จุดเเรกลึกเเค่เข่า เเต่พี่คนพายเรือลำที่เรานั่งบอกว่าบางจุดลึกท่วมหัวก็มี

ด้วยความที่ไม่เคยล่องเเก่ง เราเลือกนั่งคนเเรก คือเห็นอะไรมันจะได้ตื่นเต้นมากหน่อย ซึ่งมันตื่นเต้นมากกกกก เราจะเป็นคนเเรกที่เห็นว่าจะเจออะไรข้างหน้า ทุกครั้งที่เจอแก่งยากขึ้น น้ำเข้าเรือเราจะรีบเอามือวิดน้ำออกเพราะกลัวเรือจม ซึ่งการทำเเบบนี้ไม่ได้อะไรเลยนอกจากเสียงหัวเราะ เพราะเมื่อน้ำเข้าเรือเยอะๆ พี่คนพายจะเลือกมุมเหมาะ ไม่อันตรายเเละคว่ำเรือเเบบไม่ทันได้หายใจ หัวเราะคิกคักกันไป ข้อเเนะนำสำหรับมือใหม่ล่องเเก่ง ไม่ว่าจะเจออะไรอย่าเอาตัวออกจากเรือ ไม่ต้องกลัวหินระหว่างทาง เรือเขาทนทาน…

หลังล่องเเก่งตัวเปียกได้ที่ ก็ต้องล้างชำระล้างกายกันหน่อย ไม่ต้องไปไกลยันต่างประเทศ เเค่ลงใต้ประเทศไทยก็มีบ่อน้ำพุร้อนให้ได้เเช่กันฟินๆ ไปกับ “กรุงชิงบ่อน้ำร้อนและสปา” อยู่ที่ ม.3 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ค่าบริการเพียง 30 บาท หากลงเเช่ทั้งตัว เเต่ถ้าใครจะเเช่เท้า หรือต้องการห้องเเช่ส่วนตัวที่นี่เขาก็จัดสรรเอาไว้เป็นสัดส่วน

เเน่นอนว่าเราไม่เคยเเช่อีกตามเคย ก็เลือกเเช่ทั้งตัว พอล้างตัวเสร็จ ก็เดินขึ้นไปบนบ่อวงกลมขนาดใหญ่ ที่ชาวบ้านเล่าว่าน้ำพุร้อนส่งตรงมาตามท่อ บ่อน้ำร้อนแห่งนี้ ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าน้ำพุร้อนถูกพบโดยพระธุดงค์ ซึ่งเป็นน้ำแร่ แต่ไม่ระบุเเน่ชัดว่าค้นพบเมื่อปี พ.ศ.ไหน จนได้มีการปรับปรุงสถานที่ เเละเปิดบริการให้กับนักท่องเที่ยวโดยชุมชนเข้ามาบริหารกันเอง

ลองจุ่มเท้าลงเพื่อเช็กอุณหภูมิกันก่อน ได้เเต่ร้องในใจที่เขาไปเเล้วสบายมันร้อนขนาดนี้เลยหรอ เเต่ก็กลั้นใจเอาตัวเองค่อยๆ ลงไป จุดยากสุดเห็นจะเป็นช่วงพุง ที่เหมือนไขมันจะเริ่มก่อตัวประท้วงว่า “ฉันไม่อยากถูกน้ำร้อน เเม้จะมีประโยชน์ต่อร่างกายเธอก็ตาม” เเต่เราหาได้เเคร์ ค่อยๆเอาตัวเองเเช่จนถึงคอ 5 นาทีเเรกอาจต้องปรับตัวกันหน่อย เเต่การเเช่น้ำพุร้อนเเต่ละครั้งอย่าเกิน 15 นาที เมื่อครบก็ลุกขึ้นไปเจออากาศปกติ ให้ร่างกายได้ปรับตัวบ้าง

สบายกาย สบายใจจริงๆ เเช่น้ำพุร้อนมองไปทางไหนก็เจอเเต่ภูเขา ต้นไม้…

พอเราออกจากกรุงชิงบ่อน้ำร้อนและสปาเวลาก็ล่วงเลยจนตะวันลาลับฟ้า วันเเรกใน “นครศรีธรรมราช” เราสามารถเที่ยวข้ามอำเภอ ส่องนก ชมไม้ได้กว่า 4 สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ความสนุกที่ได้มาเหมือนเป็นการชาร์จเเบตร่างกาย เรากลับเข้าที่พัก เต็มอิ่มกับธรรมชาติ เหนื่อยเเต่มีความสุข เเละสิ่งที่ทำให้การมาเยือนเมืองนครครั้งนี้เป็นการมาพักผ่อนจริงๆ คือเเต่ละที่ที่เราไป เเทบไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เราตัดขาดโลกโซเชียล ปิดไฟนอนตั้งเเต่ 1 ทุ่ม ราตรีสวัสดิ์ เช้าวันใหม่ เราจะพาทุกคนไปจิบกาเเฟเเกล้มสายหมอกกัน