โรงแรมพัทยา วอนรัฐขยายเราเที่ยวด้วยกัน ลุ้นปีหน้าอัตราเข้าพัก 60-70%

Photo by Mladen ANTONOV / AFP

ผู้ประกอบการโรงแรม วอนภาครัฐพิจารณาขยายโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ไปจนถึงปีหน้า หวังOccupancy Rate อยู่ที่ 60-70% รับช่วงโควิดลดลงเหลือ 0% แนะเร่งโปรโมตดึงไทย และ ต่างชาติจัดประชุมสัมมนาเพื่อฟื้นรายได้ท่องเที่ยว

วันที่ 20 กันยายน 2565 นายวิทนาถ วรรธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาภาพรวมการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศเอง และ จากต่างประเทศ หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีนโยบาย และ โครงการต่าง ๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยให้คนไทยได้มาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น รวมถึงนโยบายการเปิดประเทศ

โดยลดขั้นตอนการเข้าประเทศต่าง ๆ จึงทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมามากขึ้น

อย่างไรก็ตาม อยากให้หน่วยงานภาครัฐ หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกันออกไปจนถึงปี 2566 เพื่อกระตุ้นท่องเที่ยว อีกทั้ง ยังช่วยลดภาระให้คนไทยที่ยังได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูง ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการโรงแรมหลาย ๆ แห่ง ยังต้องพึ่งตลาดไทยเที่ยวไทยช่วงปลายปีนี้

สำหรับปัจจุบันอัตราการเข้าพักเฉลี่ย(Occupancy Rate) อยู่ที่ 40-50% จากช่วงก่อนโควิดตัวเลขดังกล่าวสูงอยู่ที่ 60-70% ซึ่งในช่วงการแพร่ระบาดอยู่ที่ 0% โดยเชื่อว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกันออกไปถึงปีหน้าจะทำให้ Occupancy Rate กลับมาอยู่ที่ 60-70% ได้

“เราเที่ยวด้วยกันจะช่วยกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยว ยิ่งกำลังเข้าเทศกาลจะพลักดันให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวคึกคักขึ้น โครงการนี้ คือ oxygen ที่ต้องการ และ โปรแกรมสนับสนุน ส่งเสริมเรื่อง MICE ทั้งองค์กรไทยและต่างชาติ อาจเป็นทางเงินสนับสนุนเพื่อมาช่วยให้งานจัดขึ้นได้ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย สนับสนุนต่างชาติที่มาจัดงาน MICE ถ้าต่างชาติเข้ามาเยอะขึ้นก็จะส่งส่งผลให้ธุรกิจอื่นได้ผลประโยชน์ไปด้วย

สุดท้าย คือ จัดทำโปรแกรมการตลาดเพื่อโปรโมทเมืองพัทยา ในรูปแบบ VDO เพื่อเชิญชวนต่างชาติให้มาพัทยา เพราะตอนนี้ภาพลักษณ์พัทยาเปลี่ยนไป แต่ต่างชาติส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าตอนนี้ พัทยาเป็นเมืองสำหรับครอบครัว กีฬา และ การประชุม MICE มีกิจกรรมดี ๆ ที่ให้ทำมากมาย” นายวิทนาถ กล่าว

นอกจากนี้ กลุ่มผู้เข้าพักของโรงแรมประมาณ 75% เป็นคนไทย และ จากทางยุโรป และ อินเดีย รวมกันอีกประมาณ 15% และ ทางโซนอาเซียน (AEC) ประกอบด้วย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อีกประมาณ 10% ซึ่งถือได้ว่าตอนนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นจาก 2 ปีที่ผ่านอย่างมาก

ทั้งนี้ หากพูดถึงผลกระทบจากมาตรการปิดประเทศของจีน และ ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจของประเทศในแถบยุโรปมองว่า ไทยได้รับผลกระทบเยอะมาก เพราะคนจีนเวลาเดินทางมาท่องเที่ยวจะมากันเป็นกลุ่มใหญ่ มีการจองห้องพักหลายห้อง โดยเฉพาะเวลามาจัดงานประชุม หรือ สัมมนา ถือได้ว่า เป็นลูกค้าสำคัญของอุตสาหกรรมไมซ์ ส่วนนักท่องเที่ยวทางฝั่งยุโรปเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และ เข้าพักระยะยาว พอการเดินทางของกลุ่มเหล่านี้น้อยลงก็กระทบการท่องเที่ยวของไทย

อีกทั้ง ยังมีปัจจัยที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/65 โดยหากเป็นปัจจัยบวก ทางภาครัฐคาดนักท่องเที่ยวจะทะลุ 10 ล้านคน และ สร้างรายได้มากกว่า 2 แสนล้านบาท ประกอบกับ ข้อมูลจากบุ๊คกิ๊งดอทคอม พบว่า

ประเทศไทยเป็นเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมาไทย และ การเดินทางมาไทยสะดวกมากกว่าหลายๆ ประเทศ และ เรื่องอีลิตการ์ดที่ต่างชาติมีทรัพย์สินเยอะที่ไทยจะพยายามดึงเศรษฐีมาไทย และ เงินบาทที่อ่อนค่าก็หนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น

ทางด้านปัจจัยลบ คือ โรคระบาด ซึ่งโควิดจะกลายพันธุ์อีกหรือไม่ และ โรคระบาดอื่น ๆ ที่ไม่รู้จะมีหรือไม่ ตลอดจนค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวอาจจะให้ดูตรงนี้ว่า จะทำอย่างไรไม่ให้มีผลกระทบมากจนเกินไป และ เงินเฟ้อ ค่าครองชีพจะกระทบตลาดในประเทศที่จะเดินทาง

และที่สำคัญอีกอัน คือ คู่แข่งจากต่างประเทศ ทั้งฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ต่างดึงดูดการท่องเที่ยว ดังนั้น ไทยต้องมีมาร์เก็ตติ้งแคมเปญที่จะสามารกแข่งกับเพื่อนบ้านเหล่านี้ได้