ย้ำ Redesign เที่ยวไทย สร้างสมดุลทุกมิติรับ นักท่องเที่ยว 30 ล้านคน

ชำนาญ ศรีสวัสดิ์

ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าในปี 2565 นี้ ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน ตามเป้าหมายที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯวางไว้ ส่วนจะถึงจำนวน 12 ล้านคนหรือไม่ ยังต้องลุ้นกันอีกครั้ง

ขณะที่สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้คาดการณ์ไว้ตั้งแต่เมื่อกลางปี 2565 ว่า ปีนี้ประเทศไทยมีโอกาสที่จะได้นักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 12-16 ล้านคน

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “ชำนาญ ศรีสวัสดิ์” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ถึงการประเมินทิศทางของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และแนวโน้มในปี 2566 ดังนี้

มั่นใจปีนี้ นทท. 12 ล้านคน

“ชำนาญ” บอกว่า หากประเมินจากแนวโน้มการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังจากที่ประเทศได้ปลดล็อกเงื่อนไขการเข้าประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกเดือน หรือมีจำนวนถึง 6 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา

และค่อนข้างมั่นใจว่าในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ (ตุลาคม-ธันวาคม) ประเทศไทยมีโอกาสจะได้นักท่องเที่ยวรวมประมาณ 6 ล้าน หรือเดือนละ 2 ล้านคน เมื่อรวมกับจำนวนที่เข้ามาแล้วในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา จะทำให้ปี 2565 นี้ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมประมาณ 12 ล้านคนได้แน่นอน

สายการบินกลับมาแล้ว 74%

“ชำนาญ” บอกด้วยว่า ขณะนี้ทุกประเทศเปิดเต็มรูปแบบ (ยกเว้นจีน) นักท่องเที่ยวในทุกประเทศมีความต้องการและพร้อมที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศหลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 และมั่นใจว่าสถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศได้กลับสู่ภาวะปกติแล้วนับตั้บแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป

โดยตัวเลขจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ขณะนี้สายการบินจำนวนมากก็พร้อมที่จะกลับมาให้บริการได้ใกล้เคียงกับปกติแล้วเช่นกัน โดยตารางบินฤดูหนาว หรือ winter schedule ปี 2565/2566 นั้น จำนวนที่นั่งของสายการบินกลับมาได้ในสัดส่วน 74% ของปี 2562 แล้ว

ตั้งเป้าปีหน้า 30 ล้านคน

“ชำนาญ” บอกอีกว่า จากแนวโน้มดังกล่าวนี้ในมุมภาคเอกชนท่องเที่ยวเชื่อมั่นอย่างมากว่า ในปีหน้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาได้เร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ และเกินเป้าหมายที่รัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าไว้ที่ 20 ล้านคน

ทั้งนี้ มองว่าสำหรับปี 2566 นี้ ประเทศไทยมีศักยภาพในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ถึง 30-40 ล้านคน ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ สร้างความพร้อมในด้านซัพพลายไซด์ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง

โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็ก ซึ่งเป็นซัพพลายเชนสำคัญในการสร้างงานและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง

พร้อมย้ำว่า “ทางรอด” ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเวลานี้คือ การเติมทุน เติมลูกค้า และเต็มความรู้ ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการให้มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังจะไหลเข้ามาอีกครั้ง

Redesign สร้างสมดุลทุกมิติ

“ชำนาญ” อธิบายว่า การจะทำให้ซัพพลายไซด์ต่าง ๆ กลับมารองรับนักท่องเที่ยวจำนวน 40 ล้านคนได้อีกครั้งนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ รัฐบาลและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องปรับโครงสร้างธุรกิจท่องเที่ยวใหม่ หรือ redesign ท่องเที่ยวไทย

โดยการสร้างความสมดุลใน 4 มิติ เพื่อให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 1.สมดุลเมืองหลัก-เมืองรอง หรือการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ หรือ over-under tourism ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม หรือในเมืองท่องเที่ยวหลัก รวมถึงการสร้างคลัสเตอร์เพื่อการท่องเที่ยว เช่น คลัสเตอร์อันดามัน ประกอบด้วยภูเก็ต กระบี่ พังงา ฯลฯ เพื่อกระจายโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ ลดปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม

2.สมดุลผู้ประกอบการรายเล็ก-รายใหญ่ เพื่อพัฒนาและเติมทุนผู้ประกอบการรายเล็กให้กลับมาดำเนินธุรกิจคู่ขนานไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้อีกครั้ง และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการรองรับนักท่องเที่ยวจะกลับมา 30-40 ล้านคนในปีหน้า

3.สมดุล natural-manmade เป็นการสร้างสมดุลในด้านสินค้า โดยลดการพึ่งพาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบของ manmade หรือการท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มที่มนุษย์เป็นผู้สร้างและบริการ อาทิ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงอาหาร การท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจและไมซ์ รวมถึงการท่องเที่ยวชุมชน ฯลฯ

และ 4.สมดุลแผนระยะสั้น-ระยะยาว โดยในแผนระยะสั้นนี้ภาคการท่องเที่ยวของไทยยังต้องการงบประมาณ booster shot สำหรับกระตุ้นด้านการตลาดและสร้างความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการ ส่วนแผนระยะยาวคือ ทำให้การท่องเที่ยวของประเทศสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ขอ Booster Shot 5 พันล้าน

ประธาน สทท.บอกอีกว่า อีกประเด็นที่อยากเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการในด้านซัพพลายไซด์ในระยะสั้นคือ งบประมาณสำหรับทำการตลาดในรูปแบบ booster shot ประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยกระจายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยกันขับเคลื่อน

อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อกระตุ้นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เพื่อเติมนักท่องเที่ยวกลุ่มท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจ และกลุ่มไมซ์ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) เพื่อเติมนักท่องเที่ยวกลุ่มที่สนใจการท่องเที่ยวชุมชน

หรือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เพื่อให้ช่วยพัฒนาด้านเทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนา tourism platform เป็นต้น

“ตอนนี้เรามองเห็นโอกาสเยอะมาก จำนวนที่นั่งของสายการบินก็กลับมาแล้ว นักท่องเที่ยวอินเดียก็มาแล้ว ส่วนจีนก็กำลังจะตามมาในระยะใกล้ ๆ นี้ รวมถึงนักท่องเที่ยวทางฝั่งยุโรปที่หนีหนาวที่คาดว่าจะมาในจำนวนที่มากขึ้นในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า”


พร้อมย้ำด้วยว่า ความท้าทายใหญ่สำหรับปี 2565 คือ การ re-design เพื่อสร้างสมดุลในทุก ๆ มิติ และ booster shot เพื่อขับเคลื่่อนและเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จำนวน 30-40 ล้านคนอีกครั้ง