ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ดึงนักท่องเที่ยว-นักลงทุนเข้าไทย

นักท่องเที่ยว

“ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด” เดินหน้าดึงกลุ่มนักท่องเที่ยว-นักลงทุนชาวต่างชาติ ศักยภาพสูงเข้าไทย ชูคอนเซ็ปต์ “The Network of Inclusive Growth and Sustainable Society” สร้างเครือข่ายแห่งการให้ตามแนวคิด ESG

วันที่ 14 ตุลาคม 2565 นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. รักษาการแทนผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด หรือบัตรอีลิทการ์ด เปิดเผยว่า บริษัทได้รุกเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ เพิ่มนักท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวต่างชาติกลุ่มศักยภาพสูงเดินทางเข้าพำนักหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย

นายอภิชัยกล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2565 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 5.6 ล้านราย สร้างรายได้กว่า 2 แสนล้านบาท ในกลุ่มดังกล่าวรวมถึงผู้ถือบัตรสมาชิก ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด

อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ
อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ

แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับการจัดอันดับจากองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่ง สหประชาชาติ (UNWTO) ที่ได้จัดอันดับการฟื้นตัวทางการท่องเที่ยวทั่วโลกและประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ 1 ด้านจำนวนการจองห้องพัก และเป็นอันดับ 2 ด้านความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว จาก 10 อันดับประเทศท่องเที่ยวโลก

ปัจจุบันสมาชิกผู้ถือบัตรสมาชิกพิเศษ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด มีจำนวนกว่า 20,200 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงมีความต้องการพำนักระยะยาว และกลุ่มนักลงทุน คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เพื่อขยายไปยังกลุ่มชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงและกลุ่มที่พำนักระยะยาว บริษัทได้วางกลยุทธ์ในการพัฒนาบริการควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด ESG พร้อมกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล โดยมีเป้าหมายในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชน เป็นการวางรากฐานให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นไปตาม นโยบายเศรษฐกิจ BCG ของรัฐบาล

โดยบริษัทเล็งเห็นความสำคัญของการส่งมอบโอกาสและการต่อยอดเพื่อสังคมที่ยั่งยืน ได้จุดประกายการดำเนินการสนับสนุนเงินทุนที่ได้จากกำไรของการขายบัตรสมาชิกที่ผ่านมา ให้กับหน่วยงานที่ดำเนินการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่และการพัฒนาในเชิงสังคม เพื่อก่อให้เกิดการต่อยอดนำสู่การวางรากฐานการเติบโตของชุมชนและสังคม ในประเทศที่เข้มแข็ง ภายใต้แนวคิด “The Network of Inclusive Growth and Sustainable Society: เครือข่ายแห่งการให้สู่สังคมที่ยั่งยืน” โดยผสานความ ร่วมมือกับ 3 องค์กรพันธมิตรหลัก

ประกอบด้วย 1.มูลนิธิฮักเมืองน่าน จัดกิจกรรมโครงการรณรงค์ปลูกจิตสำนึก โครงการ “กล้าดี” ซึ่งจัดต่อเนื่อง เป็นระยะเวลากว่า 7 ปี เพื่อเป็นการสร้างกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาที่เหมาะสม รวมถึงสร้างจิตสำนึกที่ดีแก่เยาวชนให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตท้องถิ่น อันจะก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต

2.มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม (Operation Smile Thailand) สำหรับโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การผ่าตัดภายในหนึ่งสัปดาห์ (Weeklong Medical Missions) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีพันธกิจในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ รวมถึงแผลไฟไหม้ และความผิดปกติบนใบหน้าอื่น ๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งในปี 2565 มูลนิธิฯ มีแผนการดำเนินงานในการผ่าตัดให้ผู้ป่วยจำนวน 120 ราย ที่โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก ภายใต้ “โครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การผ่าตัดภายในหนึ่งสัปดาห์ (Weeklong Medical Missions)”

และ 3.โครงการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบ Dynamic School Thailand มีจุดมุ่งหมายและอุดมการณ์ที่จะพัฒนาด้านการศึกษาให้กับโรงเรียนขนาดเล็กที่มีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ตลอดจนปัญหา งบประมาณในการพัฒนาโรงเรียน โดยนำเสนอโมเดลต้นแบบโครงการ “หนึ่งโรงเรียนหนึ่งแปลงเกษตรอินทรีย์ (One School One Organic Farm)” ซึ่งโมเดลดังกล่าวถือเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยบูรณาการในเรื่องการจัดการพื้นที่ การจัดการการเรียนรู้ และจัดการกลไกธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กให้มีความเข้มแข็ง จนสามารถพึ่งพาตนเองได้

นอกจากนั้น ยังได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ อาทิ โครงการ TPC Community Care 2022 มุ่งเน้นเรียนรู้วิถีชีวิตชาวสวนตาลของชุมชนถ้ำรงค์ จ.เพชรบุรี โดยร่วมปลูกต้นตาลกับชาวบ้าน เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าให้ชุมชน ทาสีทางเข้าโรงเรียนถ้ำรงค์เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ร่วมกับนักเรียน

ตลอดจนการระดมพลังความคิด พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้ไปพัฒนาต่อยอดการท่องเที่ยวของชุมชนให้ยั่งยืน หรือ โครงการ TPC Impact Day 2022 ณ ชุมชนไทรน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ที่สร้างความแตกต่างจากการทำ CSR ในรูปแบบเดิม โดยการระดมจิตอาสาไปให้ความรู้ สอบถามความต้องการของชาวชุมชนเป็นหลัก และนำมาดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับทักษะของคนในชุมชนและต่อยอดเพื่อให้ชุมชนอยู่ได้และเติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ การผสานความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะนำมาซึ่งการสร้างเครือข่ายแห่งการให้ครั้งยิ่งใหญ่ ส่งต่อแนวคิดการ พัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสร้างสังคมและชุมชนที่เข้มแข็ง อันเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ของประเทศให้เติบโตขึ้นเป็นผู้นำในระดับภูมิภาค พร้อมยังคงเดินหน้ามอบประสบการณ์และสิทธิสุดพิเศษอย่าง เหนือระดับ สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศไทยเป็น Tourism Destination จุดหมายปลายทางที่อยู่ในหัวใจของ นักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างแท้จริง