ซีโร่โควิดจีนลากยาวถึง มี.ค. 66 ดับฝันเที่ยวช่วงไฮซีซั่น-ปีใหม่-ตรุษจีน

นักท่องเที่ยว

ททท. ส่งสัญญาณ! รัฐบาล “สี จิ้นผิง” ยังคุมเข้ม Zero Covid แนะผู้ประกอบการท่องเที่ยวเดินหน้าทำตลาดใหม่ ไม่ต้องรอนักท่องเที่ยวจีน ด้านสมาคม ATTA รุกเจาะคนจีนกลุ่มทำงาน-อาศัยอยู่ต่างประเทศแทน เตรียมเสนอโมเดล “ทราเวล บับเบิ้ล” รอรับเปิดประเทศระยะแรก วงในเผยดับฝันโอกาสทำเงินช่วงไฮซีซั่นปีใหม่-ตรุษจีน ยันเป้าดึงนักท่องเที่ยวจีน 4 ล้านคนปี’66 ยาก

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสัญญาณจากรัฐบาลจีนชัดเจนว่าจะยังคงดำเนินนโยบาย Zero COVID ต่อไป จนกว่าจะมีการประชุม 2 สภาของรัฐบาลจีนในเดือนมีนาคม 2566 และจากการพูดคุยกับสำนักงาน ททท. ในสาธารณรัฐประชาชนจีนทั้ง 5 แห่ง ได้รับข้อมูลว่าการเปิดประเทศของจีนจะเปิดแบบค่อยเป็นค่อยไป ในบางพื้นที่ และเปิดกับประเทศที่มั่นใจว่าเมื่อไปเที่ยวแล้วกลับมาแล้วปลอดภัย ไม่เปิดลอตเดียวเต็มรูปแบบเหมือนประเทศอื่น ๆ

ส่งสัญญาณจีนเปิดประเทศ มี.ค. 66

โดยประเมินว่ารัฐบาลจีนจะส่งสัญญาณเปิดประเทศอีกครั้งหลังจากเดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นประเทศแรก ๆ ที่จีนจะปล่อยนักท่องเที่ยวออกเดินทาง ดังนั้น อยากให้ผู้ประกอบการทุกเซ็กเตอร์ของการท่องเที่ยว เตรียมความพร้อมสำหรับรองรับตลาดจีนทันทีที่เขาพร้อมออกเดินทาง

“ทุกวันนี้ก็มีกลุ่มคนจีนเดินทางมาไทยจำนวนหนึ่งแล้ว และจีนเองก็มีการเพิ่มเที่ยวบินต่อเนื่อง จากแค่ประมาณ 10 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ปัจจุบันให้บริการกว่า 30 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ การเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินนี้สะท้อนว่าจีนเองก็ทยอยเปิดประเทศและอนุญาตให้บางกลุ่มออกเดินทางได้ เช่น นักเรียน นักธุรกิจ ประชุมสัมมนา เป็นต้น” นายยุทธศักดิ์กล่าวและว่า

โดยประเมินว่ารูปแบบการเดินทางในช่วงแรกจะเป็นการเดินทางแบบกรุ๊ปมากกว่าเป็นแบบเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้อนุญาตให้บริษัททัวร์เริ่มขยับและส่งออกนักท่องเที่ยวบางส่วนได้แล้ว แนวโน้มเหล่านี้ล้วนเป็นความเคลื่อนไหวทางบวกทั้งสิ้น

“ผมไม่อยากให้ผู้ประกอบการรอตลาดจีน อยากให้มองหาตลาดใหม่ ๆ เข้ามาทดแทน โดยเฉพาะตลาดจากประเทศในกลุ่มมิดเดิลอีสต์และแอฟริกาเหนือ ให้มาเที่ยวไทยในช่วงโลว์ซีซั่น เพื่อทดแทนตลาดยุโรปที่หายไปในช่วงหลังเดือนมีนาคม 2566”

เร่งโปรโมตเมืองไทยเที่ยวได้ทั้งปี

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ททท.และรัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ อยากเห็นการกลับมาครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกว่าเดิม และให้บริการด้วยคุณภาพ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเองก็ต้องบริหารความเสี่ยงให้ดีเช่นกัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ส่งผลต่อการวางแผนการเดินทางระยะยาวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่นโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการบริหารจัดการของผู้ประกอบการเช่นกัน

สำหรับ ททท.เองได้เตรียมแผนการทำการตลาดในปี 2566 ไว้อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นโกลบอลแคมเปญและแคมเปญเฉพาะพื้นที่ โดยจะมุ่งเน้นนำเสนอให้ทั่วโลกรับรู้ว่าประเทศไทยเที่ยวได้ตลอดทั้งปี 365 วัน

เจาะจีนทำงาน-อาศัยอยู่ ตปท.

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ที่กล่าวถึงแนวโน้มของตลาดนักท่องเที่ยวจีนสำหรับปีนี้ว่า เป็นตลาดที่ลุ้นได้แต่ยังคาดหวังไม่ได้ เพราะยังต้องรอความชัดเจนหลังประชุม 2 สภาของรัฐบาลจีนอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งคาดว่าหลังประชุมครั้งนี้จะมีความชัดเจนว่ารัฐบาลจีนจะยังคุมเข้ม Zero COVID ต่อไป หรือจะทยอยผ่อนคลายอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

“ตอนนี้บ้านเราก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่เป็นกลุ่มคนจีนที่เดินทางมาจากประเทศอื่นไม่ได้ออกจากจีนโดยตรง เช่น กัมพูชา สิงคโปร์ ตะวันออกกลาง ฮ่องกง ไต้หวัน ลาว ฯลฯ เดินเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยว สยามพารากอน ไอคอนสยาม และที่อื่น ๆ กลุ่มนี้เป็นคนจีนที่ทำงานและอยู่อาศัยในต่างประเทศ ซึ่งเราก็คงต้องมองนักท่องเที่ยวจีนที่อยู่ในประเทศเหล่านี้ด้วย” นายศิษฎิวัชรกล่าว

นอกจากนี้ สมาคมยังมีแผนจะนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณาการทำตลาดในรูปแบบ “แทรเวลบับเบิล” กับรัฐบาลจีนในช่วงที่จีนมีนโยบายเปิดประเทศในระยะแรก โดยผู้ประกอบการจะดูแลไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับรัฐบาลจีนว่ามาเที่ยวประเทศไทยแล้วปลอดภัยด้วย

หมดโอกาสทำเงินไฮซีซั่น-ตรุษจีน

แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ก่อนหน้านี้ภาคการท่องเที่ยวของไทยคาดการณ์กันว่าหลังจากนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางมาร่วมประชุมเอเปค (APEC 2022) น่าจะมีสัญญาณการเปิดประเทศที่ชัดเจน และน่าจะปล่อยให้คนจีนออกนอกประเทศได้ทันในช่วงปลายปีนี้

หากรัฐบาลจีนยังคุมเข้มนโยบาย Zero COVID อย่างเข้มข้นต่อไปจนกว่าจะมีการประชุม 2 สภาของจีนอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2566 จะทำให้ผู้ประกอบการของไทยเสียโอกาสในการทำตลาดจีนในช่วงไฮซีซั่นปีนี้ ตั้งแต่เทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ และเป็นไปได้มากว่าภาคการท่องเที่ยวของไทยต้องรอนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันชาติจีนในเดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

“ตลาดจีนเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ หากรัฐบาลจีนยังไม่มีนโยบายเปิดประเทศในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าตามที่คาดการณ์ไว้ จะทำให้การขับเคลื่อนในเชิงจำนวนของนักท่องเที่ยวเป็นไปได้ยาก และเป้าหมายปี 2566 ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน และในจำนวนนี้น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจีนไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน น่าจะเป็นไปได้ยากเช่นกัน” แหล่งข่าวกล่าว

นทท.เข้ามาแล้ว 7.3 ล้านคน

ดร.อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATT) กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวระหว่างประเทศว่า จากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ระบุว่า ประเทศไทยเริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเกินเดือนละ 1 ล้านคนมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 โดยในช่วงตั้งแต่ 1 มกราคม-25 ตุลาคม 2565 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 7.3 ล้านคน สร้างรายได้สะสม 2.5 แสนล้านบาท (ประมาณการจากโครงสร้างการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในอดีต)

จำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย 1.มาเลเซีย 1.23 ล้านคน 2.อินเดีย 6.57 แสนคน 3.สปป.ลาว 5.34 แสนคน 4.กัมพูชา 3.71 แสนคน และ 5.สิงคโปร์ 3.63 แสนคน

ส่วนช่องทางการเดินทางรายด่าน พบว่า อันดับ 1.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 3.86 ล้านคน 2.ท่าอากาศยานภูเก็ต 9.52 แสนคน 3.ท่าอากาศยานดอนเมือง 5.59 แสนคน 4.ด่านสะเดา (สงขลา) 4.49 แสนคน และ 5.ด่านหนองคาย 2.24 แสนคน