ททท.เร่งคิกออฟตลาดจีน ชูแคมเปญ China is Back

นักท่องเที่ยว จีน
ผู้โดยสารมุ่งหน้าสู่เคาน์เตอร์เช็คอิน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง (ภาพโดย : Peter PARKS / AFP)

ททท.คิกออฟตลาดจีน ! ปล่อยแคมเปญ China is Back ดึง “ศิลปินชื่อดัง-ซีอีโอ Ctrip” ไลฟ์สดขายแพ็กเกจเที่ยวไทย 10-11 ม.ค. 66 เร่งฟื้นเที่ยวบิน-ชาร์เตอร์ไฟลต์เชื่อมเมืองหลัก เมืองรอง ขนเอกชนโรดโชว์ แนะผู้ประกอบการฉีดวัคซีนบูสเตอร์-เข้มมาตรฐาน SHA    หลายประเทศยกระดับตรวจเชื้อ”นักท่องเที่ยวจีน” เผย 5 ม.ค. “ท่องเที่ยว-คมนาคม-สธ.”ประชุมวางมาตรการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เชิญผู้ประกอบการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประชุมหารือแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดนักท่องเที่ยวจีน จากกรณีที่รัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศทั้งนักท่องเที่ยวขาเข้า (inbound) และขาออก (outbound) ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

ระดมเอกชนตั้งรับจีนไหลกลับ

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในการประชุมดังกล่าว นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ขอหารือใน 3 ประเด็นหลัก 1.การคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเริ่มต้นเปิดประเทศของจีน 2.แนวทางในการรับนักท่องเที่ยวจีนแบบปลอดภัยและอยู่บนพื้นฐานของการไม่เลือกปฏิบัติ และ 3.การเตรียมความพร้อมด้านซัพพลายไซด์ของผู้ประกอบการ

โดยตั้งแต่ 1 ม.ค.-24 ธ.ค. 2565 ประเทศไทยมีตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมจำนวน 11.4 ล้านคน คาดว่าตลอดทั้งปีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 11.5 ล้านคน โดยปี 2566 หากมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเพิ่ม ซัพพลายไซด์ต่าง ๆ จะปรับตัวรองรับอย่างไร ทั้งในส่วนของสายการบิน บริการภาคพื้น รวมถึงการเตรียมพร้อมด่านทางบกด้วย

และอีกประเด็นที่ผู้ว่าการ ททท.ให้ความสำคัญ คือ ประเทศไทยต้องมีมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิดสำหรับผู้ให้บริการส่วนหน้าอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้เกิดกระแสโจมตีว่าเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาพร้อมกับเชื้อโรค

นอกจากนี้ ในที่ประชุมมีการรายงานว่า หลังจากที่ทางการจีนประกาศนโยบายเปิดประเทศ มีรายงานว่าบนแพลตฟอร์ม Qu Na er (ชู่วหน่า) ปริมาณการค้นหาสำหรับตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 7 เท่า และจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 คือ ประเทศไทย รองลงมาคือ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

ชูแคมเปญ CHINA IS BACK

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในที่ประชุม นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. ได้กล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนตลาดจีน ว่า ททท.ได้กำหนดยุทธศาสตร์ไว้แล้ว ในการที่ทำให้การกลับมาของตลาดจีนเป็นประเด็นสำคัญในการขับเคลื่อนปีท่องเที่ยวไทย โดยผู้ว่าฯ ททท.จะนำทีมแถลงข่าวในวันที่ 12 มีนาคม 2566 โดยยุทธศาสตร์ดังกล่าวนี้จะใช้ชื่อว่า CHINA IS BACK หรือ “วันที่เรารอคอยมาถึงแล้ว” และระบุว่า ปี 2566 น่าจะเป็นปีที่พูดได้เต็มปากว่า ปีท่องเที่ยวไทยสามารถขับเคลื่อนได้ โดยมีตลาดจีนเป็นเครื่องจักรสำคัญเช่นเดิม

นอกจากนี้ ยังได้มีการระบุถึงแผนเตรียมทำการตลาดไว้ 5 ช่องทางหลัก ประกอบด้วย 1.ทำการสื่อสารในธีม “ไทย-จีน ครอบครัวเดียว” 2.บุกตลาดผ่านแพลตฟอร์มจีน อาทิ Ctrip, pliggy, Alipay, Quner.com, UnionPay, www.lvmama.com 3.การทำไลฟ์สตรีมมิ่งเซล โดยศิลปิน นักแสดงชื่อดังของจีน MA TIANYU (RAY MA) ที่มียอดผู้ติดตามทาง Weibo จำนวน 32 ล้านคน ในวันที่ 10 มกราคม 2566 พร้อมกันนี้ ซีอีโอ Ctrip จะทำการไลฟ์สดจากกรุงเซี่ยงไฮ้ไปทั่วประเทศจีน ในวันที่ 11 มกราคม 2566 โดยตั้งเป้าว่าจะมียอดขายของแพ็กเกจการเดินทาง 6 หมื่นแพ็กเกจ

4.ฟื้นเที่ยวบินและเจรจาเที่ยวบินเช่าเหมาลำ เพื่อเชื่อมโยงทั้งเมืองหลักและเมืองรองของประเทศไทยและจีน และ 5.ใช้ประโยชน์จากเส้นทาง R3A โดยดีไซน์แพ็กเกจการท่องเที่ยวผ่านช่องทางทางบก อาทิ เส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ผ่านเวียงจันทน์เข้าไทยทางภาคอีสาน, คาราวานรถยนต์ท่องเที่ยว เข้าไทยทางภาคเหนือและอีสาน เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากแผนดังกล่าวข้างต้น ผู้ว่าการ ททท.ยังแจ้งผู้ประกอบการด้วยว่า ได้เตรียมแผนพาผู้ประกอบการภาคเอกชนไปโรดโชว์ แนะนำสินค้าและบริการด้านท่องเที่ยวของไทย รวมถึงพบคู่ค้าในประเทศจีนโดยเร็วที่สุดอีกด้วย โดยเบื้องต้นกำหนดไว้ในช่วงหลังเทศกาลตรุษจีน

เพิ่มวัคซีน-เข้มมาตรฐาน SHA

แหล่งข่าวกล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการรองรับนักท่องเที่ยวจีน ผู้ว่าการ ททท.ยังส่งสัญญาณให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนในทุกเซ็กเตอร์ โดยเฉพาะบุคลากรที่ให้บริการด่านหน้า อาทิ พนักงานต้อนรับโรงแรม คนขับรถ มัคคุเทศก์ ฯลฯ เตรียมฉีดวัคซีนโควิดเพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้ ยังกำชับให้สถานประกอบการทั้งโรงแรม ร้านอาหาร รถขนส่ง ฯลฯ ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือมาตรฐาน SHA อย่างเข้มข้นร่วมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ในวันที่ 5 มกราคม 2566 จะมีการประชุมใหญ่ร่วมของ 3 หน่วยงาน คือกระทรวงท่องเที่ยว กระทรวงคมนาคมและกระทรวงสาธารณสุข ถึงแผนและมาตรการด้านสาธารณสุข และความพร้อมในการรับมือนักท่องเที่ยวจีน

“แอร์ไลน์” ขยับขอสลอตบิน

แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมมีผู้บริหารจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ระบุว่า ในส่วนของสายการบินนั้น จากการพูดคุยกับสำนักงานการบินของจีนได้รับข้อมูลว่า ทางการจีนจะทยอยเพิ่มโควตาการบินตามขีดความสามารถของท่าอากาศยานต้นทางและปลายทางระหว่างจีนและไทย

ปัญหาคือสายการบินหยุดให้บริการไปนาน ทำให้สลอตการบินที่เคยมี ได้จัดสรรไปให้สายการบินอื่น เช่น สนามบินปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ตอนนี้สลอตการบินเต็ม ส่วนกว่างโจวพอมีเหลือให้สายการบินของไทยบินเข้าไปได้บ้าง

โดยหลังจากทางการจีนประกาศเปิดประเทศมีสายการบินของจีน 2 แห่งติดต่อ กพท. เพื่อขอตารางการบินเข้าประเทศไทยแล้ว หนึ่งในนั้นคือ สปริงแอร์ไลน์ ขณะเดียวกันก็มีสายการบินภายในประเทศไทยเริ่มขยับตัวและไปเจรจาขอตารางบินเข้าประเทศจีนแล้ว

“คมนาคม” เคลียร์สลอตบินรอ

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมรองรับเที่ยวบินจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่จะกลับเข้ามาทำการบินที่ประเทศไทย ทางกระทรวงได้กำชับให้ท่าอากาศยานเตรียมการเรื่องการให้บริการของผู้ประกอบการภาคพื้น (ground handling) รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวจีนในทุกด้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาความล่าช้า

สำหรับการจัดสรรเวลาสำหรับเที่ยวบินนั้นได้มีการจัดสรรเวลาไว้รองรับกว่า 26% ของเวลาทั้งหมด และยังมีเวลาสำหรับเที่ยวบินเหลืออยู่เพียงพอต่อเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น

สั่งเร่งฟื้นที่นั่งสายการบิน 80%

แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับแนวทางการฟื้นจำนวนที่นั่งของสายการบินนั้น ผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการฟื้นฟูท่องเที่ยวคือนโยบายของสายการบิน ดังนั้น นโยบาย ททท.ที่ผ่านมาจึงกำหนดให้สำนักงานต่างประเทศของ ททท.ทุกแห่ง ในทุกภูมิภาค เร่งเจรจาสายการบินเพื่อเอาจำนวนที่นั่งกลับมาให้ได้ไม่ต่ำกว่า 80% ของปี 2562

3 เดือนแรก นทท.จีน 3 แสนคน

สำหรับการคาดการณ์ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในเบื้องต้นนั้น นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า จากประสบการณ์ประเมินว่าในช่วงเดือนมกราคม 2566 หรือในช่วงตรุษจีนนี้ ซึ่งเป็นเดือนแรกของการเปิดประเทศนั้นจะยังไม่เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาทันทีทันใด เนื่องจากหลายส่วนยังไม่พร้อม โดยเฉพาะสายการบิน รวมถึงการยื่นขอทำพาสปอร์ต และวีซ่าซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร

ดังนั้น เร็วที่สุดที่น่าจะเห็นบรรยากาศการเดินทางที่คึกคักคือ ตั้งแต่เดือน ก.พ.และ มี.ค. 2566 เป็นต้นไป คาดว่าในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน

หลายชาติยกระดับตรวจเชื้อจีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดี หลังจากที่จีนประกาศเปิดประเทศ ขณะนี้มีหลายประเทศประกาศยกระดับกฎเกณฑ์สำหรับนักเดินทางจากจีน เนื่องจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของชาวจีนส่วนใหญ่เป็นเชื้อตาย และจากที่ปัจจุบันสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 รุนแรงมากขึ้นในหลายเมือง

อาทิ ประเทศญี่ปุ่น และอินเดีย กำหนดให้ชาวจีนต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบ เมื่อเดินทางมาถึง อย่างไรก็ดี มาตรการของอินเดียนั้นบังคับใช้ก่อนหน้าแล้วกับนักท่องเที่ยวทุกประเทศ ขณะที่มาเลเซียก็มีวางมาตรการติดตามและเฝ้าระวังเพิ่มเติม ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอาจกำหนด “มาตรการโควิด” ใหม่ เพื่อรับผู้เดินทางจากจีนมายังสหรัฐ

อย่าเพิ่งตื่นกลัวนักท่องเที่ยวจีน

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรณีที่เกิดกระแสว่าประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกหวาดกลัวนักท่องเที่ยวจีนจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่นั้น มองว่าส่วหนึ่งเกิดจากปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ทำให้สหรัฐและชาติพันธมิตรมีการกำหนดมาตรการที่เป็นเงื่อนไขจำกัดการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งอีกด้านหนึ่งเรื่องนี้จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของไทย แล้วนักท่องเที่ยวก็จะหันมาที่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เน้นย้ำว่าอย่าพึ่งกังวลเพราะการคลายล็อกของจีนจะไม่ใช่เปิดแล้วจะทำให้นักท่องเที่ยวทะลักเข้ามาในทันที เพราะในช่วงแรกยังมีเงื่อนไขในการปฏิบัติ ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวต้องขอต่ออายุหนังสือเดินทางที่หมดอายุ ต้องรอคิวอีกระยะหนึ่ง อีกทั้งจำนวนสายการบินที่ออกจากจีนปัจจุบันเพิ่มขึ้นก็จริง แต่มีความถี่ยังไม่มาก จากเดิมที่กำหนดให้ 1 เที่ยวบิน/หัวเมือง/เดือน เพิ่มเป็น 1สัปดาห์/หัวเมือง/เที่ยวบิน และยังไม่อนุญาตให้มีการเดินทางของกรุ๊ปทัวร์ ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาช่วงแรกจะเป็นนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากกว่า