AWC ชี้ไตรมาส 4 ธุรกิจฟื้นแรง ทุ่ม 1 หมื่นล้าน เปิด 4 โรงแรมใหม่ปี 2567

AWC

AWC ประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/66 ฟื้นตัวแรง อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น 15-49% เผยสงคราม “อิสราเอล-ฮามาส” ยังไม่กระทบ นโยบายวีซ่า-ฟรียังไม่ออกฤทธิ์ เหตุไฟลต์บินยังน้อย เชื่อเหตุยิงกลางห้างดังกระทบแค่ชั่วคราว เผยปี 2567 เตรียมเปิดโรงแรมใหม่อีก 4 แห่ง กรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิลด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประเมินว่าไตรมาส 4/2566 แนวโน้มธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัวดีต่อเนื่อง โดยอัตราการจองห้องพักของโรงแรมในเครือ AWC ในไตรมาสนี้มีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ประกอบกับจำนวนเที่ยวบินเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยเติบโตตามไปด้วย

ปรับขึ้นราคาห้องพัก 15-49%

ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่า สำหรับไตรมาส 4/2566 นี้ อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น 15-49% เมื่อเทียบกับก่อนการระบาดของโควิด-19 ซึ่งบริษัทกำหนดเป้าหมายมีรายได้ห้องพักเฉลี่ยของห้องพักที่เปิดขายทั้งหมด (RevPAR) อยู่ในระดับที่สูงกว่าปี 2562 ด้วย

โดยประเมินว่าอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยและอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในไตรมาสนี้จะสูงที่สุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่บริษัทได้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทจึงวางเป้าหมายในปี 2566 ว่าจะมีรายได้เติบโตมากกว่า 10%

“ไตรมาส 4/2566 เข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว ตอนนี้อัตราการจองล่วงหน้าอยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ดี แม้สถานการณ์โลกยังคงผันผวน แต่ยังมีนักเดินทางคุณภาพเดินทางเข้าเมืองไทยอยู่” นางวัลลภากล่าว

และว่าบริษัท AWC ใช้กลยุทธ์กระจายตลาดนักเดินทาง มุ่งเน้นการจับกลุ่มตลาดระดับบนถึงลักเซอรี่ ปัจจุบันสัดส่วนนักเดินทางที่เข้าพักในโรงแรมของเครือ แบ่งเป็นชาวอเมริกันสัดส่วนประมาณ 15% ชาวจีน 11% ซึ่งถือว่ายังน้อยกว่าในอดีตที่ครองสัดส่วนถึง 16% ขณะที่ตลาดอื่น ๆ ประเทศละประมาณ 10% ส่วนตลาดอิสราเอลนั้นยังมีสัดส่วนน้อยกว่า 5%

อิสราเอล-เหตุยิงพารากอนไม่กระทบ

นางวัลลภายังกล่าวถึงสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาสด้วยว่า ในส่วนของบริษัทนั้น ความขัดแย้งดังกล่าวอาจยังไม่ส่งผลกระทบ แต่ส่วนตัวหวังว่าความสงบจะเกิดขึ้นโดยเร็ว

ส่วนมาตรการยกเลิกการตรวจลงตรา (วีซ่า-ฟรี) แก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ตลาด พบว่าจำนวนการจองห้องพักยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยคาดว่าอาจเกิดจากเที่ยวบินระหว่าง 2 ประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะ

นางวัลลภากล่าวว่า แม้ว่าปัจจุบันจีนกำลังเผชิญความท้าทายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ส่วนกรณีเหตุการณ์เยาวชนชายก่อเหตุยิงประชาชน-ชาวต่างชาติ ที่ห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น ส่งผลกระทบโรงแรมบางแห่งในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น

“จากเหตุการณ์ก่อเหตุกลางห้างดัง เรายังไม่เห็นผลกระทบโดยตรง แต่เชื่อว่าจีนเข้าใจว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด” นางวัลลภากล่าว

วัลลภา ไตรโสรัส
วัลลภา ไตรโสรัส

ปี 2567 ลงทุนหมื่นล้านเปิด 4 โรงแรม

นางวัลลภายังกล่าวถึงแผนสำหรับในปี 2567 ด้วยว่า บริษัทมีแผนเปิดโรงแรมรวม 4 แห่ง จำนวนห้องพักรวมประมาณ 1,000 ห้อง คิดเป็นมูลค่าการลงทุนที่ 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโรงแรมในพื้นที่พัทยา 2 แห่ง คือโรงแรมแมริออท รีสอร์ท พัทยา และโรงแรมในกลุ่ม IHG อีก 1 แห่ง, โรงแรมคิมป์ตัน หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และโรงแรมแฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท (Fairmont Bangkok Sukhumwit) ซึ่งเป็นการรีแบรนด์จากโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์

ส่วนโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ ซึ่งเป็นทัวริสต์เดสติเนชั่นนั้น พบว่าจำนวนผู้เข้าใช้บริการยังต่ำกว่าก่อนการระบาดของโควิด-19 โดยปัจจุบันมีผู้เข้าใช้งานเฉลี่ย 20,000 คนต่อวัน จากเดิมที่มีผู้เข้าใช้บริการในวันธรรมดาประมาณ 30,000 คนต่อวัน และ 50,000 คน ในวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยเป็นนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติในสัดส่วนใกล้เคียงกัน และพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง

ขณะที่โครงการพัฒนามิกซ์ยูส “อควอทีค พัทยา” จะประกอบไปด้วย ส่วนของโรงแรม 5 แห่ง ส่วนอาหารและเครื่องดื่ม เวลเนส ศูนย์กลางกีฬาทางน้ำ และสิ่งความบันเทิง เบื้องต้นบริษัทได้ลงนามร่วมกับแบรนด์เจดับบลิว แมริออท และแมริออท มาร์คีส์ คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 ปี จึงจะแล้วเสร็จ เบื้องต้นอาจแบ่งเปิดเป็นเฟส ๆ ไปก่อน

ส่วนโครงการพัฒนาเวิ้งนาครเขษม อยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) นอกจากนี้ บริษัทยังได้ตั้งงบฯการลงทุนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งมีโครงการลานนาทีคเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณดังกล่าว

นางวัลลภากล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการวางแนวทางดึงดูดให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้น บริษัทจึงเสนอให้ภาครัฐส่งเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจสายการบิน อำนวยความสะดวกแก่นักเดินทาง เช่น การลงทะเบียนทางออนไลน์ ลดระยะเวลากระบวนการตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น