
สมาคมแอตต้าซัดประกาศหลักเกณฑ์การใช้ไกด์ของคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวฯ ฉบับใหม่ ซ้ำเติมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เผยนักท่องเที่ยว 1 คนก็ถูกบังคับต้องมีไกด์ ดันต้นทุนการเดินทางท่องเที่ยวพุ่ง บีบผู้ประกอบการนำเที่ยวออกจากระบบ เตรียมส่งจดหมายคัดค้านถึงรัฐมนตรีการท่องเที่ยวฯ 30 พ.ย.นี้ “กรมการท่องเที่ยว” แจงสาระสำคัญเป็นไปตาม พ.ร.บ. เพียงแค่กำหนดจำนวนสูงสุดที่ 50 คนต่อไกด์ 1 คนเท่านั้น
ดร.อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มีประกาศราชกิจจานุเบกษาว่าด้วยประกาศคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เรื่องหลักเกณฑ์การจัดให้มีมัคคุเทศก์ต่อจำนวนนักท่องเที่ยว พ.ศ. 2566 ระบุว่า ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวจัดให้มีจำนวนมัคคุเทศก์ (ไกด์) อย่างน้อย 1 คนต่อจำนวนนักท่องเที่ยวไม่เกิน 50 คน และต้องใช้มัคคุเทศก์ที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น
โดยประกาศดังกล่าวลงนามโดยนายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และประธานกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่15 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป
ดร.อดิษฐ์กล่าวว่า กฎที่ออกมามีผลบังคับใช้นี้ไม่เป็นไปตามพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวของโลกที่ต้องหาความอิสระ ส่วนตัว และเลือกซื้อสินค้า บริการ ตามที่ตนเองต้องการ ซึ่ง 1 ในนั้นคือการเดินทางด้วยตนเอง ไม่ต้องมีมัคคุเทศก์บริการในเส้นทางที่สามารถดูแลตนเองได้ ซึ่งทำให้ขัดต่อพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว
ขณะเดียวกัน ยังส่งผลกระทบต่อบริษัทนำเที่ยวอย่างหนัก เนื่องจากเพิ่มภาระหรือต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ที่สำคัญประกาศดังกล่าวยังบีบให้นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางเอง ไม่ใช้บริการบริษัทนำเที่ยว สุดท้ายจะยิ่งเป็นตัวเร่งให้บริษัทนำเที่ยวปิดตัวเร็วขึ้น ทั้งในส่วนที่เป็นบริษัทนำเที่ยว ตลาดอินบาวนด์ และตลาดภายในประเทศ
“สมาคมแอตต้าจะแจ้งสมาชิกในที่ประชุมสมาชิกในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 นี้ จากนั้นจะทำหนังสือคัดค้านไปที่นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อยับยั้งการใช้ประกาศดังกล่าว เนื่องจากเป็นประกาศทำลายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” ดร.อดิษฐ์กล่าว
ทั้งนี้ สมาคมแอตต้าเห็นด้วยกับการบังคับให้มีมัคคุเทศก์สำหรับการนำเที่ยวแบบรถบัส ส่วนรถตู้ซึ่งปกติจะมีนักท่องเที่ยวไม่ถึง 10 คนนั้นไม่ควรบังคับ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีสิทธิเลือกใช้ตามความต้องการ
นายสุรวัช อัครวรมาศ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ในฐานะอดีตบอร์ดธุรกิจนำเที่ยวฯ และ 1 ในคณะอนุกรรมการยกร่างอนุบัญญัติ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงที่ตนเป็นบอร์ดธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศ และเป็น 1 ในคณะกรรมการยกร่างอนุบัญญัตินั้น ตนสนับสนุนแนวคิดว่า นักท่องเที่ยวจำนวนตั้งแต่ 12-50 คนต้องใช้มัคคุเทศก์ 1 คน
และเพิ่มมัคคุเทศก์อีก 1 คน หากมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุก ๆ 50 คน ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต่ำกว่า 12 คนนั้นให้นักท่องเที่ยวเป็นคนเลือกว่าจะใช้หรือไม่ใช้มัคคุเทศก์ก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ในประเด็นดังกล่าวนี้ นอกจากสมาคมแอตต้าแล้ว ยังมีองค์กรภาคประชาชนจำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วย และได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านนายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงที่มาที่ไปของประกาศดังกล่าวว่า ในมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 ระบุไว้ว่า ธุรกิจนำเที่ยวจะต้องจัดให้มีมัคคุเทศก์หรือผู้นำเที่ยวเดินทางไปกับนักท่องเที่ยว ส่วนรายละเอียดให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวฯกำหนด
โดยเรื่องนี้พยายามทำกันมาไม่ต่ำกว่า 5 ปี โดยในช่วงแรกเริ่มที่ว่า 1.นักท่องเที่ยว 50 คนต่อมัคคุเทศก์ 1 คน และ 2.ถ้านักท่องเที่ยวไม่ถึง 12 คนจะมีหรือไม่มีมัคคุเทศก์ก็ได้ และกรมการท่องเที่ยวก็นำไปทำประชาพิจารณ์เมื่อ 3-4 ปีก่อน ปรากฏว่าจากการรับฟัง ทุกคนเห็นด้วยกับนักท่องเที่ยว 50 คนต่อมัคคุเทศก์ 1 คน ต่อ 1 รายการนำเที่ยว ส่วนประเด็นไม่ถึง 12 คนมีหรือไม่มีก็ได้ หลายคนไม่เห็นด้วย
จากนั้นอีก 2 ปีต่อมากลุ่มมัคคุเทศก์เรียกร้องให้นำมาพิจารณาใหม่ ซึ่งก็ได้ข้อสรุปว่า ทุกคนเห็นด้วยกับนักท่องเที่ยว 50 คนใช้มัคคุเทศก์ 1 คน และได้อีก 1 ประเด็นใหม่คือ คนไทยไม่ต้องใช้ สุดท้ายประเด็นคนไทยไม่ต้องใช้ตกไปตอนทำประชาพิจารณ์ใหม่ เหลือแค่มัคคุเทศก์ 1 คนต่อนักท่องเที่ยว 50 คน ในที่สุดจึงเหลือเพียงแค่นักท่องเที่ยว 50 คนต่อมัคคุเทศก์ 1 คน
“ในมาตรา 33 พระราชบัญญัติระบุไว้อยู่แล้วว่า ถ้ามีนักท่องเที่ยวต้องมีไกด์ ไม่ได้ระบุจำนวน แค่ขอให้มีนักท่องเที่ยว 1 คนก็ต้องใช้ เราจึงเอาข้อสรุปซึ่งก็มาจากตัวแทนจากคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวฯ ซึ่งก็มีตัวแทนของภาคธุรกิจทุกแขนงร่วมอยู่ด้วยเห็นชอบร่วมกันว่าให้เรายึดตามกฎหมายเดิม เพียงแต่กำหนดปลายปิดไว้ที่ 50 คนต่อมัคคุเทศก์ 1 คน ซึ่งบังคับเฉพาะการซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวเท่านั้นเอง” นายจาตุรนต์กล่าว