ททท.คาดปีใหม่ 2567 คึกคักเงินสะพัด “เที่ยวไทย” กว่า 5.44 หมื่นล้าน

เที่ยวปีใหม่

ททท.ประเมินเทศกาลปีใหม่ 2567 ต่างชาติเที่ยวไทยทะลุ 1.18 ล้านคน คนไทยออกเดินทาง 3.76 ล้านคน-ครั้ง เงินสะพัด 5.44 หมื่นล้าน ด้าน ทอท.ยันทั้งสนามบิน-ผู้ให้บริการภาคพื้นพร้อมให้บริการเต็มที่ เผยเฉพาะสุวรรณภูมิมีศักยภาพรองรับผู้โดยสารที่ 80 ล้านคนต่อปี

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 นี้ ททท.คาดว่าบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวไทยทั้งตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศจะคึกคักขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้ทางการท่องเที่ยวไทยรวมประมาณ 54,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ต่างชาติเที่ยวไทยทะลุ 1 ล้านคน

โดยในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 (ระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม 2566-1 มกราคม 2567) รวม 11 วัน คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทย 1,180,000 คน เพิ่มขึ้นประมาณ 56% สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 41,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเทศกาลปีใหม่ 2566

ทั้งนี้ คาดว่าบรรยากาศการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเข้าไทยตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสจนถึงช่วง countdown ปีใหม่จะคึกคักขึ้นจากรอบปีที่ผ่านมา เนื่องจากไทยมีมาตรการกระตุ้นส่งเสริมการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ สายการบินจากต่างประเทศและประเทศไทย เพิ่มเส้นทางบินเข้าไทย

สอดคล้องกับแนวโน้มต่างชาติเที่ยวไทยที่คาดว่าจะมีพัฒนาการดีขึ้นจากความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวตลาดศักยภาพ อาทิ มาเลเซีย จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย สิงคโปร์ สหรัฐอมริกา สหราชอาณาจักร คาซัคสถาน ฯลฯ

ไฟลต์เพิ่ม-วีซ่าฟรีดึงต่างชาติ

นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่คาดว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 คือ 1.การเปิดเที่ยวบินเข้าไทยเดือนธันวาคม 2566 ที่มีที่นั่งเครื่องบินระหว่างประเทศเข้าไทยรวม 3.7 ล้านที่นั่ง (เพิ่มจาก 313 ล้านที่นั่ง ในเดือนพฤศจิกายน 2566) โดยมีการเปิดเที่ยวบินใหม่และเพิ่มความถี่เที่ยวบินมาจากหลายประเทศทั่วโลก

โดยเฉพาะตลาดจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย แคนาดา เช็ก กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย กาตาร์ ตุรกี อุซเบกิสถาน 2.การอำนวยความสะดวกการเดินทางเข้าไทยและมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วง High Season ประกอบด้วย การยกเว้นการตรวจลงตราเข้าไทย (Visa Exemption) แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน คาซัคสถาน อินเดีย ไต้หวัน

ขณะที่นักท่องเที่ยวรัสเซีย ได้สิทธิพำนักในไทยสูงสุด 90 วัน จากเดิม 30 วัน ส่วนนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ได้สิทธิยกเว้นยื่นแบบ ตม.6 ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา

นอกจากนี้ ภาครัฐยังได้ขยายเวลาเปิดบริการสถานบันเทิงยามค่ำคืนถึงเวลา 04.00 น. ในพื้นที่ท่องเที่ยว ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และสถานบันเทิงในโรงแรมจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทั่วประเทศ และสำหรับวันส่งท้ายปีเก่า (31 ธันวาคม 2566) สถานบันเทิงทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้รับอนุญาตให้เปิดบริการจนถึงเวลา 06.00 น. ของวันปีใหม่ (1 มกราคม 2567)

และ 3.การส่งเสริมตลาดต่างประเทศเข้าไทยของ ททท. สำนักงานต่างประเทศต่อยอดการทำงานภายใต้มาตรการ Visa Exemption การทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับบริษัทนำเที่ยว/สายการบิน กระตุ้นการเดินทางในพื้นที่ตลาด รวมไปถึงการสร้างประชาสัมพันธ์สินค้าเสนอขาย เจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีกำลังซื้อใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวปีใหม่พร้อมทำกิจกรรมตามความสนใจของนักท่องเที่ยวในไทย

ตาราง ท่องเที่ยว

ปีใหม่คนไทยแห่ไปอีสาน

นางสาวฐาปนีย์กล่าวต่อไปว่า สำหรับในส่วนของตลาดภายในประเทศนั้น คาดว่าช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 (ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2566-1 มกราคม 2567) จะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 3.76 ล้านคน-ครั้ง และสร้างรายได้หมุนเวียน 12,700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% และ 11% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนมากที่สุด (820,330 คน-ครั้ง) รองลงมาคือ ภาคตะวันออก (794,830 คน-ครั้ง) และภาคเหนือ (726,350 คน-ครั้ง)
สำหรับภูมิภาคที่สร้างรายได้มากที่สุด คือ ภาคตะวันออก (3,380 ล้านบาท) ส่วนอันดับที่ 2 และ 3 คือ ภาคเหนือ (2,660 ล้านบาท) และกรุงเทพมหานคร (1,910 ล้านบาท)

ขณะที่ 10 จังหวัด ในการจัดกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของ ททท. ที่ดำเนินการเองและร่วมกับภาคเอกชนจัดกิจกรรมแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2567 หรือ “Amazing Thailand Countdown 2024” คาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้าพื้นที่ 1,114,990 คน-ครั้ง และสร้างรายได้ 4,740 ล้านบาท

โดยปัจจัยหลักที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนและรายได้ท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 คือ 1.การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจาก ททท. และพันธมิตร โดยเฉพาะการนำศิลปินนักร้องที่มีชื่อเสียงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาจัดคอนเสิร์ต ซึ่งช่วยกระตุ้นให้บรรดา FC ของกลุ่มศิลปิน ต่างเดินทางหลั่งไหลเข้าพื้นที่จัดงานเป็นจำนวนมาก

เช่น การแสดงคอนเสิร์ตของแบมแบม วง GOT7 เมื่อช่วงเคานต์ดาวน์ปีใหม่ 2566 ณ พัทยา จ.ชลบุรี ที่เหล่าอากาเซ่ อาทิ ชาวไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม เดินทางเข้าร่วมงานคอนเสิร์ตกว่า 400,000 คน

2.การอำนวยความสะดวกการเดินทางท่องเที่ยว อาทิ การยกเว้นค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์, การเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินภายในประเทศเส้นทางจังหวัดท่องเที่ยวหลัก และ 3.การจัดโปรโมชั่นราคาที่พัก และกิจกรรมท่องเที่ยวของผู้ประกอบการเอกชน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนเกิดการพักค้างและเข้าร่วมทำกิจกรรมท่องเที่ยวมากขึ้น

นักท่องเที่ยวจีน-อินเดียพุ่ง

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า จากการประเมินจำนวนผู้โดยสารในช่วงเทศกาลปีใหม่ พบว่ามีจำนวนสูงสุดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาหลังการระบาดโควิด-19 เป็นต้นมา โดยปริมาณผู้โดยสารในช่วงนี้เพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และปัจจุบันมีปริมาณผู้โดยสารน้อยกว่าปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 ที่ประมาณ 20%

ขณะเดียวกันพบว่าผู้โดยสารชาวจีน เดิมก่อนการบังคับใช้มาตรการยกเว้นการตรวจลงตราในหนังสือเดินทางแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน จะมีปริมาณผู้โดยสารชาวจีนใช้บริการเฉลี่ยที่ 13,300 คนต่อวัน แต่หลังจากที่มีมาตรการดังกล่าวบวกกับเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ข้อมูล 1-15 ธันวาคม 2566) พบว่า ผู้โดยสารชาวจีนใช้บริการเฉลี่ยที่ 21,300 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นราว 60% จากอัตราเฉลี่ยเดิม

เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย โดยก่อนมีมาตรการวีซ่าฟรี มีผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันที่ 5,100 คนต่อวัน และหลังบังคับใช้มาตรการดังกล่าว ผู้โดยสารปัจจุบันเพิ่มเป็น 6,500 คนต่อวัน ซึ่งคาดการณ์ว่าในช่วงเวลาหลังปีใหม่-ตรุษจีน 2567 เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่สนใจเดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก

มั่นใจสนามบินรองรับไหว

นายกีรติกล่าวต่อไปว่า สำหรับความสามารถการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น ปัจจุบัน ทอท.ได้เปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ทำให้เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารมากขึ้น เมื่อรวมขีดความสามารถร่วมกับอาคารเทียบเครื่องบินหลัก (Main Terminal) จะมีความสามารถรองรับผู้โดยสารที่ 80 ล้านคนต่อปี

“ตอนนี้ ทอท.เร่งดำเนินการคือลดความแออัดบริเวณพื้นที่เช็กอิน จุดตรวจค้นสัมภาระ พื้นที่ตรวจคนเข้าเมือง และกำลังเพิ่มขีดความสามารถของพื้นที่ตรวจคนเข้าเมืองขาออก โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ สอดคล้องกับการขยายตัวของท่าอากาศยาน” นายกีรติกล่าว

นอกจากนี้ ในส่วนการบริหารจัดการภาคพื้นและการบริหารจัดการสัมภาระ ทอท.ได้ร่วมมือกับการบินไทย และ BFS ในเรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ให้บริการภาคพื้น และปัญหาการรอกระเป๋านานได้รับการแก้ไขไปแล้ว

“ปัจจุบันขีดความสามารถของผู้ให้บริการภาคพื้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 800 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งปัจจุบันมีเที่ยวบินใช้บริการอยู่เฉลี่ย 650 เที่ยวบินต่อวัน จึงมั่นใจว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงการเดินทางหนาแน่นในช่วงวันหยุดปีใหม่นี้ ผู้ให้บริการภาคพื้นจะสามารถรองรับการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นได้” นายกีรติกล่าว