ททท.ดัน “ไทยเที่ยวไทย” สู่เป้ารายได้ 1.18 ล้าน ล.ในปี’62

ภาพ Pixabay

ก่อนเข้าสู่ปี 2561 ททท.ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศไว้ที่ 160 ล้านคน/ครั้ง และสร้างรายได้ 1 ล้านล้านบาท ผ่านมาถึงขณะนี้พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศได้ทะลุเป้าหมายไปที่ 167 ล้านคน/ครั้ง และสร้างรายได้เกินกว่า 1 ล้านล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว

ในขณะเดียวกัน ททท.ก็ยังคงเดินหน้าเปิดตัวแคมเปญดันท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่อง เพื่อหวังกระจายรายได้ลงสู่ฐานรากและเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนไทยด้วยการท่องเที่ยว

“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า ในปี 2562 นี้ ททท.ยังคงมุ่งต่อยอดโครงการ Amazing ไทยเท่ #เที่ยวเท่ ๆ แบบไทย ๆ ด้วยแนวคิด Go For More ที่เน้นนำเสนอการท่องเที่ยววิถีไทยแบบลึกซึ้งถึงประสบการณ์ท้องถิ่นมากกว่าเดิม เพิ่มคุณค่าทางอัตลักษณ์ให้กับการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เพื่อดึงดูดใจคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากยิ่งขึ้น

โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศสำหรับปี 2562 อีก 10.4% หรือสร้างรายได้ที่ 1.18 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่ 179 ล้านคน/ครั้ง แบ่งเป็นเป้าหมายในภาคเหนือ 20.1 ล้านคน/ครั้ง รายได้ 151,629 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 28 ล้านคน/ครั้ง รายได้ 100,745 ล้านบาท ภาคกลาง 90 ล้านคน/ครั้ง รายได้ 560,748 ล้านบาท ภาคตะวันออก 17.7 ล้านคน/ครั้ง รายได้ 149,647 ล้านบาท และภาคใต้ 22.8 ล้านคน/ครั้ง รายได้ 224,072 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังเน้นผลักดันค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปของนักท่องเที่ยวภายในประเทศให้เพิ่มสูงขึ้น และกระจายความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวทั้งเชิงเวลาและพื้นที่ให้สมดุล เพื่อช่วยกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวลงสู่ฐานรากทั่วทั้งประเทศอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ททท.ได้กำหนดให้ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศเริ่มทำแผนการสื่อสารเพื่อสร้างอัตลักษณ์และจุดเด่นให้กับจังหวัดของตนเอง กำหนดจุดขายที่แตกต่างกันอาทิ ภาคเหนือจะเล่าเรื่องวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติและงานหัตถกรรม ภาคอีสานจะนำเสนอวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น ภาคกลางเล่าถึงวิถีชีวิตและประเพณีริมน้ำ ภาคตะวันออกนำเสนอความสนุกของสีสันเมืองริมทะเล และภาคใต้นำเสนอความหลากหลายของประเพณีและวัฒนธรรม พร้อมทั้งแบ่งห่วงโซ่ด้านการท่องเที่ยวออกเป็น 7 กิจกรรม ได้แก่ เดินทางเท่ ๆ กินดื่มเท่ ๆ ช็อปปิ้งเท่ ๆ อันซีนเท่ ๆ เอนกายเท่ ๆ อีเวนต์เท่ ๆ และ 55 เมือง (รอง) เท่ ๆ

“ยุทธศักดิ์” บอกอีกว่า แม้ปีนี้จำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวในเมืองรองจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด ซึ่งเป็นผลจากค่าครองชีพที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้รายได้จากการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มยาก ดังนั้น ในปีหน้า ททท.ก็ตั้งเป้าที่จะเร่งเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและความถี่ในการท่องเที่ยวอีก 15-20% เพื่อดันรายได้จากการท่องเที่ยวเมืองรองให้ได้ถึง 10%

“ด้านมาตรการลดหย่อนภาษีที่จะสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2561 นี้ ททท.อยากจะสนับสนุนให้ขยายระยะเวลาออกไป เนื่องจากการดำเนินนโยบายท่องเที่ยวเมืองรองยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และยังคงต้องการกระตุ้นดีมานด์และซัพพลายจากภาครัฐเพิ่มอีก”

นอกจากนี้ ททท.ยังได้สานต่อแนวความคิด tourism for all ท่องเที่ยวไทยสำหรับทุกคน ด้วยโครงการ “เมืองไทย ใคร ๆ ก็เที่ยวได้” ซึ่ง “นพดล ภาคพรต” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อธิบายว่า ททท.หวังจะให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนไทยทุกคนดีขึ้น จึงได้ใช้งบประมาณกว่า 6 ล้านบาทจัดโครงการ “เมืองไทย ใคร ๆ ก็เที่ยวได้”

โดยการร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนจัดกิจกรรมเปิดให้ประชาชนเที่ยวฟรีในเขตทหาร รวมถึงจัดกิจกรรมเที่ยวฟรีสำหรับประชาชนทั่วไปตลอดทั้งปี โดยการยกเว้นค่ารถและเรือสาธารณะบางประเภทในบางกิจกรรมที่ ททท.สนับสนุน อาทิ กิจกรรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ล่องเรือไหว้พระในแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดนนทบุรีตลอดเดือนมีนาคม กิจกรรมตักบาตรดอกไม้ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และกิจกรรมไหว้พระทั่วไทย สุขใจถ้วนหน้า ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ฯลฯ

พร้อมทั้งสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยให้มีโอกาสในการท่องเที่ยวโดยจัดส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในสถานที่ท่องเที่ยวกว่า 100 แห่ง อาทิ องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ สุขสยามไอคอนสยาม มิวเซียมสยาม สยามนิรมิต นันทาโชว์จากโชว์ดีซี สุนทรีย์แลนด์ แดนตุ๊กตา ฯลฯ

รวมถึงได้ร่วมจัดกิจกรรมพาเด็กด้อยโอกาส เด็กพิการ และผู้สูงอายุจากมูลนิธิต่าง ๆ ไปเที่ยวตามฝัน และได้มอบสิทธิ์ลุ้นในกิจกรรม “เที่ยวตามฝันครั้งหนึ่งในชีวิต” ให้กับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ปฏิบัติงานด้านจิตอาสาช่วยเหลือสังคม 100 รางวัล ให้สามารถเลือกไปท่องเที่ยวที่ใดก็ได้ในประเทศไทยตามต้องการ

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!