โควิดดับฝันไฮซีซั่นเที่ยวเหนือ แห่คืนห้องพัก-ยกเลิกอีเวนต์

FILE. Lillian SUWANRUMPHA / AFP

พิษโควิดท่าขี้เหล็กลาม โรงแรม “เชียงใหม่-เชียงราย” แจ็กพอตลูกค้าแห่ยกเลิกจองห้องพัก-งานอีเวนต์ หวั่นบานปลายกระทบท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น ยันสาธารณสุขเอาอยู่ เร่งสร้างความเชื่อมั่นลูกค้า ผู้ว่าการ ททท.ชี้ไม่กระทบภาพรวม อีเวนต์ใหญ่ “บิ๊ก เมาน์เท่น มิวสิค เฟสติวัล” ไม่เลื่อนแน่

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่สถานการณ์คลี่คลายตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา กลับมาสร้างความวิตกกังวลให้กับสาธารณชนอีกครั้ง หลังพบคนไทยซึ่งเข้าไปทำงานใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ลักลอบเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติติดเชื้อโควิด

นอกจากนี้บางรายเดินทางไปหลายพื้นที่ เกิดการแพร่เชื้อกับผู้ที่สัมผัสและคนใกล้ชิด ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อโควิด เสี่ยงติดโควิดภายในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 10 ราย ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนจนถึงปลายสัปดาห์นี้ ทั้งในกรุงเทพมหานคร (กทม.) เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา พิจิตร ราชบุรี สิงห์บุรี เป็นต้น ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบเนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่เชื่อมั่นและวิตกกังวลจะติดเชื้อโควิด

กะตะธานีรับคนยกเลิกห้องพัก

นายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานบริหารโรงแรมในเครือกะตะธานี คอลเลคชั่น เจ้าของโรงแรมเดอะริเวอร์รี บาย กะตะธานี โรงแรมระดับ 5 ดาวใน จ.เชียงราย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรณีคนไทยติดเชื้อโควิด-19 จากเมียนมา แล้วลักลอบกลับเข้ามาใน จ.เชียงราย ส่งผลกระทบในวงกว้าง แม้โดยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นสถานการณ์ไม่ได้รุนแรงตามข่าวที่ออกมา แต่ข่าวที่แพร่กระจายออกไปทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนยกเลิกการจองห้องพัก ยกเลิกการจัดงานสัมมนา และอีเวนต์บางส่วนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม คิดว่าคงกระทบระยะสั้น เพราะขณะนี้ยังมีนักท่องเที่ยวรายใหม่ ๆ จองห้องพักเข้ามาเช่นเดียวกัน

“ข่าวทำให้น่ากลัว เป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกค้าบางส่วนจะยกเลิกจองห้องพัก น่าจะเป็นช่วงสั้น ๆ แค่ระยะหนึ่ง ซึ่งสามารถดูแลได้และคิดว่าคงจะไม่เป็นปัญหา นอกจากนี้จากที่ได้สอบถามกับผู้ว่าราชการจังหวัด กับหอการค้าจังหวัดเชียงราย ได้รับการยืนยันว่าไม่รุนแรง ยังเอาอยู่ เพราะมีการตรวจสอบ ควบคุม และกักตัวผู้ติดเชื้อ หรือบุคคลที่มีความเสี่ยงตามมาตรการด้านสาธารณสุข 14 วัน และชายแดนก็เข้มงวดเรื่องการเข้า-ออกมากขึ้น”

โควิดดับฝันไฮซีซั่น

ก่อนจะมีข่าวคนไทยติดเชื้อโควิด ช่วงนี้ถือเป็นไฮซีซั่นของภาคเหนือ เพราะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว มีนักท่องเที่ยวจองห้องพักโรงแรมเข้ามาจำนวนมาก ทั้งมาท่องเที่ยว จัดงานสัมมนา จัดงานอีเวนต์ ยาวไปถึงเดือน ม.ค. 2564 อย่างไรก็ตาม แม้จะเกิดเหตุการณ์นี้ แต่ถึงวันนี้ตัวเลขผู้มาใช้บริการโรงแรมทางภาคเหนือยังดีกว่าทางภาคใต้ และจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ช่วยได้มาก เช่น ห้องพักปกติราคา 4,000 บาทต่อห้อง เข้าโครงการเราเที่ยวด้วยกันจ่ายเอง 2,000 บาท เท่ากับราคาห้องพักลดลง 30-40%

สำหรับผลกระทบของโควิดที่เกิดขึ้น คาดว่าเป็นแค่ระยะสั้น โรงแรมส่วนใหญ่จึงยังไม่มีโปรโมชั่นอะไรใหม่ ๆ ออกมา และทราบว่ารัฐบาลจะต่ออายุมาตรการโครงการเราเที่ยวด้วยกันออกไปถึงปลายปี จะช่วยผู้ประกอบการได้โดยตรง ส่วนยอดนักท่องเที่ยวคาดว่านักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปภาคเหนือปีนี้ จำนวนไม่น้อยกว่าเดิม

หวั่นเที่ยวด้วยตัวเองงดเดินทาง

นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ เปิดเผยในทำนองเดียวกันว่า การยกเลิกการจองห้องพัก รวมถึงการยกเลิกการจัดประชุมสัมมนาของโรงแรมใน จ.เชียงใหม่ จากผลกระทบของสถานการณ์โควิด ซึ่งสมาคมสำรวจล่าสุดพบว่า อัตราการยกเลิกการจองมีไม่มากนัก ราว 2% เท่านั้น จากจำนวนห้องพัก 10,000 ห้องของโรงแรมต่าง ๆ ที่ได้ทำการสำรวจ สำหรับลูกค้าที่ยกเลิกการจองส่วนใหญ่เป็นลูกค้ากลุ่มหมู่คณะ

สิ่งที่น่ากังวลจากผลกระทบของโควิดที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ การตัดสินใจเดินทางของลูกค้ากลุ่มคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวด้วยตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมการจองห้องพักระหว่างเดือน ระหว่างอาทิตย์ ก่อนการเดินทาง ลูกค้ากลุ่มนี้อาจมีแนวโน้มตัดสินใจไม่เดินทางได้ง่ายกว่ากลุ่มลูกค้าที่จองล่วงหน้า โดยในช่วงวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึงปลายสัปดาห์หน้าจะเห็นผลกระทบที่ชัดเจนว่ามากน้อยแค่ไหน

ทั้งนี้ ผลการสำรวจโรงแรมต่าง ๆ ในเชียงใหม่ ก่อนเกิดสถานการณ์โควิดอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70% และคาดว่าหลังสถานการณ์โควิด อัตราการเข้าพักจะลดลงอยู่ที่ราว 40-50%

เชียงใหม่เร่งสร้างความเชื่อมั่น

ด้านนายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ผ่านมาภาคท่องเที่ยวมอนิเตอร์สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดมาอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือหากเกิดการแพร่ระบาดรอบ 2 เนื่องจากมีบทเรียนจากเหตุการณ์พบผู้ติดเชื้อโควิดที่ จ.ระยองก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิดในเชียงใหม่และเชียงรายครั้งนี้ ต้องยอมรับว่าภาคผู้ประกอบการท่องเที่ยวและกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในพื้นที่เชียงใหม่ได้ตั้งรับค่อนข้างดี

โดยช่วงแรกที่พบผู้ติดเชื้อในเชียงใหม่ สทท.ได้รับรายงานจากกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมกว่า 60 แห่งในเชียงใหม่ยังสามารถรับมือได้ และยังไม่มียอดการยกเลิกห้องพักที่ชัดเจนนัก และเอกชนในพื้นที่ก็จับมือกันทำแคมเปญเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่จะเดินทางเข้าเชียงใหม่ ด้วยการการันตีจ่าย 1 แสนบาท หากมีผู้ไปเชียงใหม่แล้วติดเชื้อ และจ่าย 1 ล้านบาทกรณีเสียชีวิต

“ช่วงที่พบโควิดที่เชียงใหม่สถานการณ์โดยรวมยังถือว่าดีมาก ยอดการยกเลิกห้องพักและการจัดงานต่าง ๆ ยังไม่มากนัก แต่หลังจากที่พบผู้ติดเชื้ออีกรายที่เชียงราย ยอมรับว่าเริ่มเห็นปรากฏการณ์การทยอยยกเลิกห้องพักอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา”

มั่นใจไม่กระทบภาพรวม

สอดรับกับที่นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวคนไทยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในเชียงใหม่ เชียงราย และพื้นที่ใกล้เคียงบ้าง แต่เบื้องต้นยังเห็นไม่ชัดเจนนัก เชื่อว่าบรรยากาศการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงวันหยุดยาว และช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้จะยังคงคึกคักต่อเนื่องได้

“เรายังคาดการณ์ว่าคนไทยยังคงเดินทางท่องเที่ยวตามแผนที่วางไว้เหมือนเดิม เพียงแต่บางส่วนอาจต้องปรับเปลี่ยนจุดหมายปลายทางบ้างเพื่อเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากเรื่องการท่องเที่ยวนั้นเป็นสิ่งที่ทดแทนกันได้ อย่างไรก็ตาม ททท.จะประเมินตัวเลขการเดินทางท่องเที่ยวและคาดกาณ์การใช้จ่ายของคนไทยในช่วงวันหยุดยาว 10-13 ธันวาคมนี้อีกครั้งในช่วงต้นสัปดาห์” นายยุทธศักดิ์กล่าว

เชื่อมั่นระบบสาธารณสุขไทย

ขณะที่ นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ บริษัทอีเวนต์รายใหญ่ เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นขณะนี้ โดยส่วนตัวไม่ค่อยกังวลมากนัก เนื่องจากยังไม่ได้กระจายออกไปในวงกว้าง และยังเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทย สำหรับอินเด็กซ์ ครีเอทีฟฯ ถือว่าโชคดีมาก ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเลื่อนการจัดงานที่จะจัดในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ 4-5 งาน ออกไปเป็นช่วงต้นปี 2564 จะเริ่มงานแรก คือ เทศกาลประดับไฟฤดูหนาว 2564 ที่สิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-14 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งขณะนี้ขายบัตรหมดแล้ว

ค่ายรถพับอีเวนต์ภาคเหนือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ปรากฏว่าบรรดาค่ายรถยนต์ที่เตรียมจัดอีเวนต์พาสื่อมวลชนร่วมทดสอบรถยนต์ ทำกิจกรรมซีเอสอาร์ รวมถึงกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตภายในเดือนธันวาคม ต่างเริ่มทบทวนและขยับปรับแผนเพื่อลดความเสี่ยง

เช่นค่ายฮอนด้า ออโตโมบิล ส่งหนังสือเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะของยนตรกรรม 2 รุ่นใหม่ ภายใต้ “เดอะ ซิตี้ ซีรีส์” ทั้ง “ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ใหม่” และ “ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่” ยนตรกรรมไฮบริดรุ่นแรกของเซ็กเมนต์อีโคคาร์ บนเส้นทาง อ.เมือง-อ.แม่จัน จ.เชียงราย ในวันจันทร์ที่ 14-วันอังคารที่ 15 ธันวาคม 2563 ก็ตัดสินใจเปลี่ยนมาทดสอบช่วงใกล้ ๆ เช่น กทม. เขาใหญ่

ขณะที่ค่ายโตโยต้า มีกิจกรรมเพื่อสังคม ที่ชักชวนนักข่าวไปร่วมเปิดศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์แห่งที่ 3 จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 17-20 ธันวาคม ก็มีแนวโน้มอาจจะต้องเลือนออกไป

เช่นเดียวกันกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต วีออส อัลติส และรีโว่ วันเมคเรซ สนามสุดท้ายของปีที่จะไปจบกันที่สนามกีฬาสมโภช 700 ปี จ.เชียงใหม่ ซึ่งเดิมกำหนดสุดสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนธันวาคม แต่บังเอิญตรงกับช่วงเลือกตั้งท้องถิ่นเชียงใหม่ จึงขยับมาเป็นสุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือน แต่มาเจอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด หลายคนคาดการณ์ว่าอาจจะมีเปลี่ยนแปลง

“บิ๊ก เมาน์เท่นฯ” ไม่เลื่อนแน่

“จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นตอนนี้อาจจะยังบอกไม่ได้ว่าจะกระทบกับการจัดงานหรือไม่ เพราะมีเวลาอีกระยะหนึ่งก่อนงานจะเริ่ม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้แนะให้ผู้คนปฏิบัติตามโซเชียลดิสแทนซิ่งเหมือนที่เคยทำมา และอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2563 ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส-หน่วยงาน Showbiz Senior Executive President-Showbiz บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า การจัดงานบิ๊ก เมาน์เท่น มิวสิค เฟสติวัล ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 ธันวาคม ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ไม่เลื่อนแน่นอน