นับตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป มาตรการเข้าประเทศสำหรับชาวต่างชาติของไทยได้กลับมาสู่ภาวะปกติ ไม่มีกักทุกรูปแบบ เหลือแค่ลงทะเบียนเข้าระบบ Thailand Pass เท่านั้น
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะหน่วยงานการตลาดประกาศเร่งเครื่องจัดโรดโชว์ นำผู้ประกอบการไทยไปพบปะผู้ซื้อ (buyer) กันเต็มที่ ทั้งตลาดระยะใกล้และตลาดระยะไกล หลังจากหยุดกิจกรรมดังกล่าวมากว่า 2 ปี เพื่อช่วงชิงโอกาสทางการตลาด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
โดยเริ่มคิกออฟไปแล้วทั้งในตลาดตะวันออกกลาง อินเดีย ที่คาดหวังว่าจะเป็นกลุ่มที่พร้อมเดินทางทันทีในช่วงไตรมาส 3 นี้ รวมถึงยุโรปซึ่งเป็นตลาดแห่ง “ความหวัง” ของการท่องเที่ยวไทยสำหรับปีนี้ที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาอีกครั้งตั้งแต่ไตรมาส 4 นี้เป็นต้นไป
“ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ททท.จัดโรดโชว์สำหรับตลาดระยะไกล โดยนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยจำนวน 13 รายไปเจรจาธุรกิจกับบริษัทนำเที่ยว (buyer) จำนวน 171 ราย ใน 3 ประเทศ ประกอบด้วย ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม
สำหรับโปรดักต์ที่นำเสนอส่วนใหญ่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเป็นหลักรวมถึงกิจกรรมใหม่ ๆ ที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ อาทิ กิจกรรม BCG, กิจกรรมสัมผัสวิถีชุมชน, การท่องเที่ยวเชิงอาหาร, การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เป็นต้น
รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลในพื้นที่ใหม่ ๆ (นอกจากภาคใต้) เช่น เกาะกูด เกาะช้าง หัวหิน พัทยา เป็นต้น ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวยุโรป เช่นกันและการท่องเที่ยวเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายใหม่ เช่น กลุ่มคนทำงาน (remote worker) และกลุ่มเดินทางเพื่อสุขภาพ (health & wellness)
ที่สำคัญ ททท.ยังเน้นทำงานร่วมกับเอเย่นต์บริษัทนำเที่ยวสายการบินต่าง ๆ และออนไลน์แทรเวลเอเย่นต์ (OTA) ในทุกตลาดอย่างเข้มข้น รวมถึงเครือข่ายโรงแรมต่าง ๆ เพื่อนำเสนอสิทธิพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
“ฉัททันต์” บอกว่า การจัดโรดโชว์ครั้งนี้ได้รับการตอบรับเกินเป้าหมายกว่า 100% โดยมีนักท่องเที่ยวคอนเฟิร์มเดินทางเข้ามาแล้วประมาณ 2,000 คน มียอดการบุ๊กกิ้งห้องพัก 4,000 คืน (room night) คิดเป็นรายได้ราว 144 ล้านบาท
“หลังจากบริษัทนำเที่ยวทั้ง 3 ประเทศได้รับข้อมูลว่าตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2565 นี้เป็นต้นไป ประเทศไทยผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ และไม่มีการกักตัวนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบ บริษัทนำเที่ยวจากทั้ง 3 ประเทศให้การตอบรับดีมาก”
“ฉัททันต์” บอกด้วยว่า ประเด็นที่ยังเป็นอุปสรรคคือจำนวนเที่ยวบิน เนื่องจากสายการบินต่าง ๆ ยังไม่กลับมาทำการบินตรงจากไทยไปประเทศในยุโรปเหมือนปกติ ทำให้การเดินทางเข้าประเทศไทยบางส่วนต้องไปต่อเครื่องบินที่ตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มเห็นแนวโน้มสายการบินกลับมาให้บริการในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนมิถุนายนนี้พบว่ามีสายการบินต่าง ๆ กลับมาให้บริการจำนวนเที่ยวบินที่ 40% ของปี 2562 แล้ว
ทั้งนี้ ททท.ตั้งเป้าหมายสำหรับนักท่องเที่ยวจาก 3 ประเทศดังกล่าวในปี 2565 จำนวน 4.78 แสนคน สร้างรายได้ 3.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัว 50% ทั้งในแง่จำนวนและรายได้เมื่อเทียบกับปี 2562
โดยตั้งเป้านักท่องเที่ยวฝรั่งเศสจำนวน 3 แสนคน สร้างรายได้ 2.1 หมื่นล้านบาท (ปี 2562 จำนวน 7.1 แสนคน สร้างรายได้ 4.2 หมื่นล้านบาท) นักท่องเที่ยวเนเธอร์แลนด์จำนวน 1.2 แสนคน สร้างรายได้ 9.6 พันล้านบาท (ปี 2562 จำนวน 2.3 แสนคน สร้างรายได้ 1.6 หมื่นล้านบาท)
และนักท่องเที่ยวเบลเยียมจำนวน 5.8 หมื่นคน สร้างรายได้ 4.2 พันล้านบาท (ปี 2562 จำนวน 1.14 แสนคน สร้างรายได้ 7.3 พันล้านบาท)
นอกจากนี้ ททท.ยังมีแผนจัดโรดโชว์ในตลาดระยะไกลอย่างต่อเนื่อง อาทิ งาน Proud Experiences 2022 Trade Show วันที่ 27-29 มิถุนายน 2565 (นิวยอร์ก), งาน Amazing Thailand Roadshow 22-25 สิงหาคม 2565 ที่เดนมาร์ก และสวีเดน งาน ILTM North America 19-22 กันยายน 2565 (Riviera Maya, Mexico) รวมถึงงาน WTM London 2022 วันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2565 (ลอนดอน) เป็นต้น
โดยตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวยุโรปสำหรับปี 2565 ไว้ที่จำนวน 2.5 ล้านคน สร้างรายได้รวม 2 แสนล้านบาท ต่ำกว่าปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวยุโรป 8.2 ล้านคน สร้างรายได้ 5 แสนล้านบาท
พร้อมย้ำว่า หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ 1 มิถุนายน 2565 มั่นใจว่าประเทศไทยจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะวันนี้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้แล้ว
