ททท.เร่งปั๊มนักท่องเที่ยว รุกหนักสมรภูมิ “ใกล้-ไกล-ชายแดน”

TTM

หลังจากประกาศตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ Thailand Travel Mart Plus 2022 (TTM+2022) งานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ภาคการท่องเที่ยวของไทยโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์ถึงแผนการตลาด ทั้งตลาดระยะไกล ระยะใกล้ รวมถึงด่านทางบกในงาน TTM+2022 ไว้ดังนี้

“UK-เยอรมนี” ท็อปตลาดยุโรป

“ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากตลาดระยะไกลที่เดินทางเข้าประเทศไทยส่วนใหญ่เดินทางมาจากสหราชอาณาจักร (UK) เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา รวมถึงตลาดกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

ทั้งนี้จะให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่มที่เดินทางมาเป็นครอบครัว และกลุ่มมิลเลนเนียล ซึ่งมีอายุ 24 ปีขึ้นไป รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวเพื่อรองรับกลุ่มดังกล่าว

โดย ททท.ประเมินว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่แสวงหาประสบการณ์ใหม่ ๆ มีความถี่ในการออกเดินทางสูง และมีการจับจ่ายใช้สอยในทริปที่สูงเช่นกัน

สำหรับกลุ่ม LGBTIQA+ ประเมินว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังมีการใช้จ่ายที่สูง ททท.จึงพยายามเจาะตลาดกลุ่มดังกล่าวโดยใช้สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อนำเสนอว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นมิตรกับกลุ่ม LGBTIQA+

เจรจารัสเซียกลับมาบินตรง

ส่วนตลาดรัสเซียยังเป็นตลาดที่สำคัญของภาคการท่องเที่ยวไทย โดย ททท.จะพยายามประสานความร่วมมือเพื่อให้มีเที่ยวบินตรงจากรัสเซียกลับมาให้บริการอีกครั้งภายในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งตรงกับช่วงฤดูหนาวของซีกโลกเหนือ

“ฉัททันต์” ยังบอกอีกว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2565 มีนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง เดินทางมาประเทศไทยกว่า 430,000 คน และคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2565 ดังนี้

1.มีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 3.25 ล้านคน สร้างรายได้ราว 240,000 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขที่เอื้อต่อการเดินทาง อาทิ เพิ่มจำนวนไฟลต์ตรงจากประเทศต้นทาง และมาตรการการเดินทางเข้าประเทศที่สะดวก

และ 2.มีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาน 3.75 ล้านคน สร้างรายได้ราว 3 แสนล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขสามารถเปิดเที่ยวบินตรงจากรัสเซียเข้าสู่ประเทศไทยได้อีกครั้ง รวมถึงปัญหาการค้างชำระเงินระหว่างผู้ประกอบการได้ ฯลฯ

“อินเดีย” อันดับ 1 ตลาดเอเชีย

ด้าน “ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยรายวันเป็นนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โดยนักท่องเที่ยวอินเดียครองส่วนแบ่งสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย ตามด้วยมาเลเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่กดดันตลาดการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ คือ ปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการโดยสารเที่ยวบินระยะไกล

ของบฯอัดฉีดสายการบิน

โดย ททท.เตรียมเสนอของบประมาณจากศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ. จำนวนหลักร้อยล้านบาทสำหรับทำแคมเปญร่วมกับสายการบิน และการจัดโรดโชว์เพื่อใช้กระตุ้นการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และดึงดูดให้สายการบินเปิดที่นั่งเพิ่มมากขึ้น

“ในปีนี้ ททท.จะยังทำการตลาดร่วมกับสายการบินต่อไป เนื่องจากอัตราการกลับมาให้บริการจำนวนเที่ยวบิน-เส้นทางบินยังถือว่าน้อยอยู่เมื่อเทียบกับก่อนการระบาดใหญ่”

นอกจากนี้ จะกระชับความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) มากยิ่งขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าองค์กรรวมถึงกระตุ้นการเดินทางของกลุ่มการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (incentive) ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวมียอดการจับจ่ายในการท่องเที่ยวสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปราว 3 เท่า

โรดโชว์เกาหลี 16 มิ.ย. 65

สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ปัจจุบันเป็นประเทศที่มีการผ่อนคลายมากที่สุดในกลุ่มเอเชียตะวันออก ซึ่งทาง ททท.มีแผนนำผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวไทย 16 รายเดินทางไปเจรจาทางธุรกิจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ รวมถึงเตรียมเปิดตลาดการท่องเที่ยวในเมืองรอง เช่น ปูซาน ในวันที่ 16 มิถุนายน 2565 นี้

และสายการบิน “ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์” จะเริ่มกลับมาให้บริการเส้นทางบินกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-โซล ในวันที่ 17 มิถุนายน 2565 ซึ่งเชื่อว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวของทั้งสองฝั่งได้

นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565 จะเริ่มมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ จำนวน 40 ไฟลต์ เดินทางมายังประเทศไทย โดยเป็นเที่ยวบินเดินทางจากกรุงโซลนำนักท่องเที่ยวเข้ามายังพื้นที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต โดยส่วนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เข้ามาเล่นกอล์ฟในประเทศไทย

“ไทย” จุดหมายแรกของจีน

ขณะที่ตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่นั้น “ชูวิทย์ ศิริเวชกุล” ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการพูดคุยร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากประเทศจีน ภายในงาน Thailand Travel Mart Plus 2022 พบว่านักท่องเที่ยวจีนยังมีความต้องการที่จะเดินทางมายังประเทศไทย โดยหากทางการจีนมีการผ่อนคลายมาตรการการเดินทาง ไทยยังเป็นจุดหมายแรก ๆ ที่นักท่องเที่ยวจีนเลือกเดินทางมา

ทั้งนี้ สำนักงานของ ททท.ทั้ง 5 แห่งในจีนมีการประสานงานพูดคุยเกี่ยวกับเที่ยวบินเช่าเหมาลำอยู่เป็นระยะ พร้อมกับจับตาว่าสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) จะมีการผ่อนคลายมาตรการการบินหรือไม่ และคาดว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2566 (22 มกราคม 2566) อาจมีเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น และอาจเป็นเที่ยวบินเช่าเหมาลำด้วย

“เราจะผลักดันให้เที่ยวบินและจำนวนที่นั่งกลับมาใกล้เคียงกับสภาวะปกติโดยเร็ว แม้ว่าปัจจุบันจีนยังใช้นโยบายควบคุมโควิด-19 ให้เป็นศูนย์ (Zero COVID) รวมถึงยังมีอุปสรรคการเดินทางเข้า-ออกประเทศอยู่ โดยทางการกำหนดจำนวนเที่ยวบินอย่างจำกัด”

สำหรับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางของทางการจีน คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจน หลังจากการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ (20th National Congress of the Chinese Communist Party) ในช่วงเดือนตุลาคม 2565 และประเมินว่าจีนจะผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวลงเรื่อย ๆ

“ชูวิทย์” กล่าวด้วยว่า ททท.ตั้งเป้าปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 4 ล้านคน หรือราว 30-40% ของปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 และเชื่อว่าหากทางการจีนผ่อนคลายมาตรการจะช่วยส่งเสริมให้ภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยสดใสตามไปด้วย

จับตานักท่องเที่ยวทางบก

ด้าน “สุกัญญา สิริกาญจนากุล” ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. ระบุว่า หลังการผ่อนคลายมาตรการของทางภาครัฐ ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านทางบกมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยพบว่าด่านชายแดนสะเดามีนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นเป็นอันดับที่ 3 รองจากด่านสุวรรณภูมิ และด่านภูเก็ต

ส่วนด่านชายแดนที่จังหวัดหนองคาย มีจำนวนผู้ผ่านแดนเข้ามาสูงเป็นอันดับ 4-5 ของประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางต่อไปยังจังหวัดอุดรธานีหรือกรุงเทพฯ โดยส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวสุขภาพ

“นักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านที่เดินทางข้ามพรมแดนทางบก เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ถึงเป้า”

คาดปี’67 นักท่องเที่ยว 40 ล้านคน

รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. ทิ้งท้ายด้วยว่า ททท.ตั้งเป้าปี 2566 มีสัดส่วนของนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้ คิดเป็นสัดส่วน 62% ส่วนตลาดระยะไกลคิดเป็นสัดส่วน 38% ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยทั้งหมด โดยคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสำหรับปี 2566 ว่าจะมีจำนวนราว 80% ของปี 2563 และกลับมาใกล้เคียงกับปี 2562 หรือ 40 ล้านคนในปี 2567