
จากอัตราการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) ในไทยที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับมาตรการภาครัฐที่สนับสนุนให้คนไทยหันมาใช้อีวีมากขึ้น ทำให้ธุรกิจสถานีชาร์จไฟฟ้าต่างเร่งขยายสถานีให้บริการกันอย่างเต็มที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมอีวีที่เติบโตมากขึ้นในอนาคต
ตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จกว่า 100 สถานี ทุกภูมิภาคทั่วไทย
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เผยว่า การเดินหน้าขับเคลื่อนการลงทุนผลิตภัณฑ์และบริการด้านอีวีของบริษัทในกลุ่ม กฟผ. มีเป้าหมายสำคัญเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า และสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศตามนโยบาย 30@30 ทั้งการขยายสถานีชาร์จ EleX by EGAT และสถานีพันธมิตรในปีนี้รวมกว่า 100 สถานี และเพิ่มจำนวนหัวชาร์จในบางจังหวัดที่มีปริมาณการชาร์จที่ค่อนข้างมากเพื่อให้ครอบคลุมการเดินทางของผู้ใช้อีวีในทุกภูมิภาคของประเทศ การพัฒนาแอปพลิเคชัน EleXA โดย กฟผ. ร่วมกับผู้ให้บริการรายอื่นเชื่อมโยงข้อมูลตำแหน่งสถานีชาร์จทุกค่ายในแอปพลิเคชันเดียวเพื่อให้ผู้ใช้อีวีลดความยุ่งยากในการค้นหาสถานีชาร์จ ขยายการให้บริการระบบบริหารจัดการสถานีชาร์จ (BackEN) สำหรับผู้ที่สนใจมองหาธุรกิจสถานีชาร์จอีวี รวมถึงการจับมือพันธมิตรชั้นนำทางธุรกิจจากประเทศสเปน นำเข้าเครื่องชาร์จอีวีประสิทธิภาพสูงภายใต้แบรนด์ Wallbox ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้คนไทยตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้อีวีมากขึ้น
ดันระบบ ‘BackEN’ ช่วยสร้างโอกาสธุรกิจสถานีชาร์จ
นอกจากการขยายสถานีชาร์จโดยหน่วยงานภาครัฐแล้ว การส่งเสริมสถานีชาร์จเชิงพาณิชย์ของเอกชนก็เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมอีวีของไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น กฟผ. จึงเดินหน้าขยายการให้บริการระบบบริหารจัดการสถานีชาร์จ หรือ BackEN แก่ผู้ที่สนใจลงทุนสถานีชาร์จอีวีเชิงพาณิชย์
นายพิชิต พงษ์ประเสริฐ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาธุรกิจใหม่-ยานยนต์ไฟฟ้า กฟผ. เล่าถึงความสามารถของระบบ BackEN ว่า เป็นระบบที่ กฟผ. พัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับสถานีชาร์จ EleX by EGAT รวมถึงให้บริการแก่ผู้ที่เริ่มมองหาธุรกิจสถานีชาร์จเพื่อเสริมกับธุรกิจเดิมที่ทำอยู่แล้ว อย่างโรงแรม ออฟฟิศ โรงแรม มหาวิทยาลัย โรงงานอุตสาหกรรม และสนามกอล์ฟ
ระบบ BackEN จะช่วยควบคุมบริหารจัดการสถานีชาร์จแบบออนไลน์และติดตามสถานะได้แบบเรียลไทม์ อาทิ การตั้งเวลาเปิด-ปิดสถานีชาร์จ การตั้งราคา ติดตามจำนวนผู้ใช้บริการ ปริมาณการชาร์จ รายได้ ตลอดจนได้รับการดูแลจากทีม Customer Service ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานคอยบริการ ส่วนลูกค้าที่มาใช้บริการก็สามารถสั่งชาร์จไฟฟ้าและชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน EleXA เจ้าของสถานีจึงไม่ต้องยุ่งยากในการเก็บเงิน และเมื่อครบกำหนด กฟผ. ก็จะโอนเงินตามยอดจริงที่ลูกค้ามาใช้บริการ ให้เจ้าของสถานีโดยตรง
“ระบบ BackEN ถือเป็นระบบหลังบ้านแบบครบวงจรที่สถานีชาร์จเชิงพาณิชย์จำเป็นต้องมี ซึ่งจะช่วยให้คนที่ต้องการมีสถานีชาร์จอีวีสามารถติดตั้งสถานีได้ด้วยต้นทุนที่ถูกลง เพราะไม่จำเป็นต้องไปเริ่มนับหนึ่งในการพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ เพียงนำเครื่องชาร์จที่ติดตั้งในพื้นที่มาเข้าระบบ และทำให้คนเห็นได้จากแอปพลิเคชัน EleXA ของ กฟผ. ทุกคนจึงสามารถมีสถานีชาร์จไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ง่ายยิ่งขึ้นในต้นทุนที่ต่ำลง”
นายพิชิต พงษ์ประเสริฐ
ปัจจุบัน ระบบ BackEN มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมที่ต้องการมีสถานีชาร์จเพื่อบริการแก่ลูกค้าของโรงแรม เพียงสั่งชาร์จไฟฟ้าไว้ก่อนนอน เมื่อตื่นขึ้นมาก็สามารถเดินทางต่อได้ทันที
เช่นเดียวกับกลุ่ม rest area หรือจุดแวะพักบนถนนสายหลัก เมื่อผู้ใช้อีวีเห็นสถานีชาร์จจากแอปพลิเคชัน EleXA และเกิดการแชร์ออกไปในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับสถานีพันธมิตรในเครือข่าย ทำให้กลุ่ม rest area ได้รับความนิยมและสร้างรายได้ค่อนข้างมาก
“ในอนาคตจะมีการติดตั้งสถานีชาร์จอีวีเชิงพาณิชย์มากขึ้น แต่จะล้อไปกับธุรกิจเดิมที่มีอยู่ ดังนั้นการให้บริการสถานีชาร์จจึงเปรียบเสมือนเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในธุรกิจนั้น ๆ ให้ได้รับความพึงพอใจมากที่สุด”
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถขอคำปรึกษารูปแบบธุรกิจและรายละเอียดได้ทาง Line Official Account: @BackevEV